คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผูกพัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4530/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันผู้ร้อง การร้องขอกันส่วนกรรมสิทธิ์ร่วมจึงไม่อาจทำได้
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขัดทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาครั้งหนึ่งแล้ว ศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ผู้ร้องไม่มีกรรมสิทธิ์ คดีถึงที่สุด คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมผูกพันผู้ร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 ผู้ร้องจะมาร้องขอกันส่วนอ้างว่ามีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4209/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อเท็จจริงที่วินิจฉัยในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง หลักการ estoppel โดยปริยาย
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อแหวนเพชรกับสร้อยคอทองคำจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อ และได้จำหน่ายทรัพย์ดังกล่าวให้บุคคลอื่น จึงขอให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ที่เช่าซื้อ แต่โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์ดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด โดยได้วินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์ตลอดจนข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อแหวนเพชรกับสร้อยคอทองคำจากโจทก์ แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่าพยานโจทก์ยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยอาจจะไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อตามฟ้อง ก็หาใช่เหตุสงสัยดังถ้อยคำที่ปรากฏไม่ ถือได้ว่าศาลได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่า จำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อตามฟ้องหรือไม่ไว้แล้ว ทั้งเป็นประเด็นเดียวกับประเด็นในคดีนี้ที่ได้กำหนดไว้ในชั้นชี้สองสถาน และคดีนี้ซึ่งคู่ความนำสืบทำนองเดียวกับที่สืบในคดีอาญาดังกล่าว ก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อทรัพย์ตามฟ้อง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3348/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างที่มีการลงนามไม่ถูกต้องตามข้อบังคับบริษัท แต่เป็นการกระทำภายในอำนาจตัวแทน จำเลยต้องผูกพันตามสัญญา
แม้สัญญาจ้างแรงงานที่ทำกับโจทก์จะมีจำเลยที่ 2 กรรมการของจำเลยที่ 1 ลงชื่อเพียงคนเดียวและประทับตราของบริษัทไว้ ซึ่งไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ที่ต้องมีกรรมการอย่างน้อย สองคนลงลายมือชื่อและประทับตราของบริษัทก็ตาม แต่สัญญาดังกล่าว เป็นการกระทำที่อยู่ภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2ทำสัญญากับโจทก์ไปตามหน้าที่ในฐานะกรรมการ แม้การตั้งตัวแทนระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 จะไม่ได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ถือว่าจำเลยที่ 2 ทำในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 1 ได้ยอมรับการเข้าทำงานของโจทก์ตามสัญญา และจ่ายเงินเดือนให้โจทก์ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา จำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันตามสัญญาที่จำเลยที่ 2 ทำไว้กับโจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินค่าน้ำมันรถประจำเดือน โบนัสประจำปี เงินค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาจ้างตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างและค่าชดเชย เนื่องจากจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิด ฉะนั้นปัญหาว่าจำเลยต้องรับผิดจ่ายเงินตามฟ้องหรือไม่ ต้องพิจารณาจากสัญญาจ้างว่ามีการกระทำผิดสัญญาหรือไม่อย่างไร แต่ศาลแรงงานกลางยังมิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยปัญหานี้ใหม่ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่สามารถทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐานที่จำเลยที่ 1 ตั้งเป้าหมายไว้ มีเหตุให้จำเลยที่ 1 เลิกจ้างโจทก์ได้ ไม่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม โจทก์อุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่ควรรับฟังดังกล่าว เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3075/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: ผลผูกพันคำพิพากษาฎีกาคดีแพ่งยันคดีต่อมา & คำพิพากษาคดีอาญาไม่ชี้ขาดกรรมสิทธิ์
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกเป็นคดีแพ่งฐานละเมิดสิทธิของโจทก์ในตึกแถวพิพาท ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตึกแถวพิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่ความในคดีแพ่งดังกล่าวย่อมต้องผูกพันตามผลของคำพิพากษามิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่น ส่วนจำเลยที่ 2 แม้จะเป็นบุคคลภายนอกในคดีนั้นแต่ก็ให้การต่อสู้ในคดีนี้ว่าตึกแถวพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ไม่ได้อ้างว่าเป็นของตน จึงไม่ได้พิสูจน์ว่าตนมีสิทธิดีกว่าโจทก์อย่างไร ผลแห่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาทย่อมใช้ยันจำเลยที่ 2ได้เช่นกัน
ในคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองกับพวกในความผิดฐานแจ้งความเท็จและบุกรุกตึกแถวพิพาทในคดีนี้ เมื่อศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองกับพวกไม่มีเจตนากระทำความผิด ไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดถึงกรรมสิทธิ์ในตึกแถวพิพาท จึงนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับเพื่อให้ศาลในคดีแพ่งฟังข้อเท็จจริงว่าตึกแถวพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2981/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันโดยประธานสมาคม: จำเลยที่ 2 ผูกพันรับผิดในฐานะส่วนตัว แม้เป็นประธานสมาคม
สัญญาค้ำประกันความว่า จำเลยที่ 2 ตำแหน่งประธานสมาคม จำเลยที่ 1 ขอทำสัญญาค้ำประกันว่า ตามที่จำเลยที่ 1 ยืมเงินจากโจทก์จำเลยที่ 2 ขอรับรองว่า ถ้าหากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามสัญญา จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์แทนจำเลยที่ 1 นั้น หาใช่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันในนามจำเลยที่ 1 ไม่เพราะจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ยืมไม่อาจทำสัญญาค้ำประกันตนเองให้มีผลตามกฎหมายได้ ทั้งยังเป็นการฝ่าฝืนข้อสัญญาและสภาพแห่งสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 2ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศผูกพันได้ หากไม่ขัดต่อกฎหมายและความสงบเรียบร้อย
เจ้าหนี้กับลูกหนี้มีข้อสัญญาว่า เมื่อมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาให้ใช้ กฎหมายของประเทศ สาธารณรัฐสิงคโปร์ มาบังคับแก่กรณีและดำเนินกระบวนพิจารณาทางอนุญาโตตุลาการในประเทศ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อการดำเนินกระบวนพิจารณาและคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ปรากฏว่ามีข้อผิดพลาด ไม่ถูกต้องตาม ขั้นตอนขัดต่อ กฎหมายหรือขัดต่อ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการแห่งประเทศ สาธารณรัฐสิงคโปร์ จึงผูกพันลูกหนี้เจ้าหนี้นำมาฟ้องบังคับในศาลไทยได้โดย ไม่จำต้องให้ศาลไทยกลับไปวินิจฉัยอีกว่าลูกหนี้หรือเจ้าหนี้เป็นฝ่ายผิดสัญญา เจ้าหนี้จึงอาศัยคำชี้ขาดทางอนุญาโตตุลาการดังกล่าว ขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสองได้ .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายมีผลผูกพัน แม้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังไม่สมบูรณ์ ผู้ซื้อมีสิทธิฟ้องบังคับจดทะเบียน
สัญญาจะซื้อขายเป็นสัญญาที่กำหนดให้โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินกันภายหน้า แม้ขณะทำสัญญาผู้จะขายยังไม่มีกรรมสิทธิ์หรือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังไม่สมบูรณ์ สัญญาก็มีผลบังคับแล้ว ผู้จะซื้อที่ดินย่อมฟ้องบังคับให้เจ้าของที่ดินไปจดทะเบียนโอนที่ดินแก่ตนได้ แม้จะมีชื่อผู้อื่นในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินนั้นแทนเจ้าของที่ดินอยู่ก็ตาม กรณีมิใช่สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องแต่เป็นเรื่องการปฏิบัติทางทะเบียนเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเจรจาหนี้สินโดยไม่มีการข่มขู่ การลงลายมือชื่อในบันทึกข้อตกลงย่อมมีผลผูกพัน
โจทก์พาจำเลยที่ 1 ไปเจรจาในห้องของร้อยเวร โจทก์บอกว่าจำเลยที่ 2 ยืมเงินโจทก์ 40,000 บาท และลักเครื่องวีดีโอ ของโจทก์รวมแล้วเป็นหนี้โจทก์ 70,000 บาท ขอให้ผ่อนชำระเดือนละ 1,500 บาทและให้จำเลยที่ 1 ไปปรึกษากับจำเลยที่ 2 ที่ถูกขังอยู่ในห้องขังจำเลยที่ 1 จึงถามจำเลยที่ 2 ว่าจะผ่อนชำระหรือไม่ จำเลยที่ 2ตอบว่า แล้วแต่ โจทก์และจำเลยทั้งสองจึงได้ลงลายมือชื่อในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า จำเลยที่ 2 เป็นหนี้โจทก์อยู่70,000 บาท ยอมผ่อนชำระเดือนละ 1,500 บาท และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ค้ำประกัน ดังนี้พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกข่มขู่ให้ลงชื่อ การที่โจทก์กล่าวกับจำเลยทั้งสองว่า หากจำเลยไม่ยอมลงชื่อในบันทึกข้อตกลง โจทก์จะดำเนินคดีอาญาจำเลยที่ 2เป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยมตาม ป.พ.พ. มาตรา 127 ไม่เป็นการข่มขู่ตามกฎหมายที่จะทำให้ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกเป็นโมฆียะ ส่วนการที่โจทก์กล่าวอ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรีว่า ได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาว่า จำเลยที่ 2 ลักเครื่องวีดีโอ เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจควบคุมตัวจำเลยที่ 2 และนำตัวจำเลย ที่ 2 ไปที่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาเพื่อเจรจาตกลงดังกล่าวเป็นกรณีโจทก์ใช้อุบายพาจำเลยที่ 2 ไปไป สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาไม่เป็นการข่มขู่ให้จำเลยทั้งสองยอมตกลงกับโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การพิพากษาคดีแพ่งต้องผูกพันตามข้อเท็จจริงที่ยุติในคดีอาญา
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าสินไหมทดแทนฐาน ขับรถยนต์ โดย ประมาทเป็นเหตุให้สามีโจทก์ถึงแก่ความตาย แต่ ปรากฏ ว่าโจทก์ได้ ฟ้อง จำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหาความผิดต่อ ชีวิต และพ.ร.บ. จราจรทางบกฯศาลส่วนอาญาพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด ดังนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46ในการพิพากษาคดีแพ่งศาลจำต้องถือ ข้อเท็จจริงตาม ที่ ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่าจำเลยไม่ได้ขับรถยนต์ โดย ประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมต่อหน้าศาลมีผลผูกพันเหนือสัญญานอกศาล แม้จะทำพร้อมกัน
แม้จะได้ความว่า โจทก์ทำสัญญายอมความกับจำเลยไว้อีกฉบับหนึ่ง ในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่า โจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไปจนกว่าโจทก์จะรื้อถอนตึกพิพาทเพื่อทำการก่อสร้างแต่ สัญญายอมความดังกล่าวโจทก์จำเลย ก็มิได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลจึงไม่อาจรับรู้ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยได้ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตาม สัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ต่อหน้าศาล ศาลย่อมออกหมายบังคับคดีตาม ที่โจทก์ร้องขอเพื่อบังคับคดีเอากับจำเลยได้.
of 52