คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องการบุกรุกที่ดินและกรรมสิทธิ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินราคา 4,000 บาท ขอห้ามมิให้เกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์และฟ้องแย้งขอห้ามกับให้โจทก์รื้อกองฟางและถมบ่อ ดังนี้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท ไม่ถือทุนทรัพย์รวม 2 คดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมาทในการขับรถและการพิพากษาลงโทษ แม้ข้อเท็จจริงไม่ตรงตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถชนรถโจทก์ร่วมในขณะรถโจทก์ร่วมหยุดอยู่ แต่ทางพิจารณาได้ความว่า รถโจทก์ร่วมกำลังขับเคลื่อนไปมิได้หยุด เมื่อการชนเกิดขึ้นเนื่องจากการขับรถโดยประมาทของจำเลย ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้หาใช่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น และเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตที่ดินฟ้องร้อง: ศาลถือตามแผนที่กลาง แม้เนื้อที่ต่างจากที่ระบุในคำฟ้อง ไม่ถือเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าที่ดินของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ โดยระบุความกว้างยาว และอาณาเขตติดต่อมาในคำฟ้องด้วย ชั้นพิจารณาคู่ความตกลงขอให้ศาลสั่งเจ้าหน้าที่ทำแผนที่กลาง คู่ความทั้งสองฝ่ายตรวจดูแผนที่ดังกล่าวแล้วรับว่าถูกต้อง ดังนี้ เมื่อมีการทำแผนที่กลางเนื้อที่มากขึ้นหรือน้อยลงจากคำฟ้องอย่างไร ก็ต้องถือตามแผนที่กลาง และถ้าศาลพิพากษาให้ฝ่ายชนะคดีได้ที่ดินไม่เกินจำนวนตามแผนที่กลางระบุไว้ ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการพิจารณาคดีเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว ก็ยังสามารถให้นับโทษต่อได้
แม้คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว ศาลก็อาจสั่งให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีนั้นอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องนอกประเด็น การพิพากษาต้องเป็นไปตามประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนด หากข้อเท็จจริงไม่สอดคล้องกับฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยที่ 1 กับ ส. สมคบกันเอาเงินสดของโจทก์ไป และนำเช็คมาเข้าบัญชีไว้แทนขอให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินให้โจทก์ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำทุจริตต่อโจทก์หรือไม่ ซึ่งหมายถึงว่าจำเลยได้ทุจริตเอาเงินของโจทก์ไปหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เอาเงินของโจทก์ไปเลย เพียงแต่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อเท่านั้น โจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายเพราะเหตุจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ ดังนี้ศาลจะพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินให้โจทก์ตามฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงประนีประนอมในศาล: ศาลมีอำนาจพิพากษาตามข้อตกลงได้ แม้ยังไม่เด็ดขาด
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน ก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา คู่ความแถลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า'ตกลงกันได้แล้ว โดยตกลงกันแบ่งที่ดินคนละครึ่ง โดยจำเลยได้ด้านทิศเหนือ โจทก์ได้ด้านทิศใต้ โจทก์จำเลยตกลงจะไปแบ่งกันเอง และจะแถลงให้ศาลทราบ'ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องอ้างว่าข้อตกลงนั้นทำให้โจทก์เสียเปรียบ เพราะจะได้แต่ที่ดอนซึ่งเป็นป่า ขอให้เรียกจำเลยมาทำความตกลงกันใหม่จำเลยแถลงคัดค้านว่า ข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ศาลพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ดังนี้ ศาลชอบที่จะพิพากษาไปตามข้อตกลงนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 เพราะข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินคำขอ และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการรอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยบรรยายฟ้องว่าปืนนั้นเป็นปืนมีทะเบียนแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง แม้จะให้การด้วยว่าปืนนั้นเป็นปืนไม่มีทะเบียน ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองตามคำรับของจำเลยเองด้วยไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา มิได้ขอให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาให้รอการลงโทษได้ เพราะไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 และไม่มีบทบัญญัติห้ามศาลมิให้ใช้ดุลพินิจให้เป็นคุณแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาที่ไม่ชัดเจนในจำนวนสมาชิก ทำให้ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องตามจำนวนที่สัญญาระบุ
คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้สมาคมจำเลยจ่ายเงินให้โจทก์ ตามจำนวนสมาชิกกลุ่มที่ 2 ของสมาคมจำเลยที่มีอยู่ขณะผู้ตายถึงแก่กรรม โดยไม่วินิจฉัยให้เด็ดขาดลงไปว่าขณะผู้ตายถึงแก่กรรมมีจำนวนสมาชิกกลุ่มที่ 2 เหลืออยู่เท่าใด ทั้งๆ ที่สมาคมจำเลยให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้แล้ว จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา141 (5) แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสมาคมจำเลยต้องจ่ายเงินให้โจทก์เต็มตามฟ้อง ศาลฎีกาย่อมแก้ให้ถูกต้องได้เพราะศาลชั้นต้นได้พิพากษาไว้ด้วยว่าให้สมาคมจำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์ไม่เกินคำขอท้ายฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2567/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระบวนการยุติธรรมไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีโดยไม่รอสำเนาอุทธรณ์จากผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาให้โจทก์แก้ภายใน 7 วัน ผู้ร้องไม่นำส่งภายในกำหนดเวลา ศาลชั้นต้นสั่งให้รวบรวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาต่อไป ศาลอุทธรณ์มิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับกระบวนพิจารณาดังกล่าวแต่กลับพิจารณาพิพากษาคดีไป ซึ่งเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาคดีโดยมิชอบ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ผู้ร้องฎีกามายังมิได้ผ่านการพิจารณาและพิพากษาของศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2495/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีข่มขืนกระทำชำเราและค้าประเวณี โดยพิจารณาจากองค์ประกอบความผิดตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลย 6 คนโดยมิได้กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1, 2, 3, 4ได้ร่วมข่มขืนใจ หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้ปราศจากเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 จึงลงโทษจำเลยที่ 1,2,3,4ฐานนี้ไม่ได้ และตามฟ้องโจทก์ก็มิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 5, 6 ได้ข่มขืนใจผู้เสียหายโดยทำให้เกิดความกลัว ว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้เสียหายหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 309ก็ลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ตามมาตรา 309 ไม่ได้เช่นกัน แม้จำเลยที่ 1, 3, 4, 5, 6 มิได้ฎีกา แต่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 และ 6 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225
of 37