คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รอการลงโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 620 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2023/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษและบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีพนัน กรณีพ้นโทษไม่ครบ 3 ปี และเหตุไม่สมควรรอการลงโทษ
ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติการพนันฯ ในคดีอื่นมาแล้ว 3 คดี ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าปรับตามที่ศาลลงโทษทุกคดีโดยมิได้อุทธรณ์ฎีกาคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้พ้นโทษในคดีที่ศาลได้ลงโทษปรับมาแล้ว แล้วมา กระทำผิดคดีนี้อีกซึ่งยัง ไม่พ้นกำหนด 3 ปี จึงเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ ได้ เมื่อขณะศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้ คดีที่ศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ก่อนคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดโดยอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นจึงยังไม่อาจนำโทษที่รอไว้ในคดีดังกล่าวมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีก่อนกับคดีหลัง แม้คดีไม่เกี่ยวเนื่องกัน เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก ที่บัญญัติว่าเมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์ หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาล พิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ก็ให้ศาลที่ พิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับ โทษในคดีหลังได้ โดยคดีก่อนและคดีหลังไม่จำต้องเป็นคดี ที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาเหตุรอการลงโทษจากพฤติการณ์และเจตนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290ซึ่งถือว่าเป็นคำฟ้องของโจทก์ร่วมด้วยโดยไม่ได้บรรยายมาในคำฟ้องว่าผู้ตายได้รับอันตรายสาหัสและทางพิจารณาก็ไม่ได้ความดังกล่าวดังนั้นที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297จึงเป็นการฎีกาในข้อหาที่โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในฟ้องทั้งเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ประสงค์ให้ลงโทษศาลจึงลงโทษจำเลยทั้งห้าในข้อหาดังกล่าวไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสี่คงลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295ประกอบด้วยมาตรา192วรรคท้ายได้เท่านั้น จำเลยทั้งห้าไม่เคยได้รับโทษจำคุกและไม่ปรากฏความประพฤติในทางเสื่อมเสียประกอบอาชีพโดยสุจริตโดยเฉพาะจำเลยที่1เป็นนักศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยครูเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ตายเมาสุราแล้วอาละวาดไปหาเรื่องจำเลยทั้งห้าบาดแผลที่เกิดขึ้นมีเพียงตาข้างซ้ายปิดและมีบาดแผลเหนือคิ้วเท่านั้นจำเลยทั้งห้าเพียงแต่เตะต่อยผู้ตายแม้ว่าจำเลยที่2จะจับศีรษะผู้ตายโขกกับพื้นก็ไม่ปรากฏว่ารุนแรงเพียงใดและมีบาดแผลร้ายแรงเกิดขึ้นทั้งหลังเกิดเหตุจำเลยที่3จะนำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาลแต่ผู้ตายไม่ยอมไปแสดงว่าจำเลยทั้งห้าไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายต่อผู้ตายพฤติการณ์แห่งคดีจึงมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยทั้งห้าไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาพิจารณาข้อหาเกินคำฟ้องและเหตุรอการลงโทษ
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290ซึ่งถือว่าเป็นคำฟ้องของโจทก์ร่วมด้วยโดยไม่ได้บรรยายมาในคำฟ้องเลยว่าผู้ตายได้รับอันตรายสาหัสและทางพิจารณาก็ไม่ได้ความดังกล่าวดังนั้นที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297จึงเป็นการฎีกาในข้อหาที่โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในฟ้องทั้งเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ประสงค์ให้ลงโทษศาลจะลงโทษจำเลยทั้งห้าในข้อหาดังกล่าวไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสี่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่1และที่2ตามมาตรา297เป็นการเกินคำขอหรือมิได้กล่าวในฟ้องโจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8503/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำเลยที่ 3 โดยอาศัยเหตุที่ศาลลดโทษจำเลยอื่นร่วมกระทำผิดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เหตุผลประการหนึ่งที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และคุมความประพฤติไว้เพราะเห็นว่าทรัพย์ที่ถูกลักไปคือไก่ชนราคาไม่สูงนัก หลังเกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้รับทรัพย์ที่ถูกลักไปกลับคืนมา จึงยังไม่สมควรลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับสภาพการกระทำความผิดว่าไม่ร้ายแรงนัก อันเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี เมื่อจำเลยทั้งสามร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ แต่จำเลยที่ 3 มิได้อุทธรณ์ ก็เป็นเหตุที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยที่ 3 ดุจจำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8503/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลในการแก้ไขคำพิพากษาให้จำเลยที่ไม่เคยอุทธรณ์ได้รับประโยชน์จากการรอการลงโทษของจำเลยที่อุทธรณ์
เหตุผลประการหนึ่งที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และคุมความประพฤติไว้เพราะเห็นว่าทรัพย์ที่ถูกลักไปคือไก่ชนราคาไม่สูงนัก หลังเกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้รับทรัพย์ที่ถูกลักไปกลับคืนมา จึงยังไม่สมควรลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับสภาพการกระทำความผิดว่าไม่ร้ายแรงนัก อันเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี เมื่อจำเลยทั้งสามร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ แต่จำเลยที่ 3 มิได้อุทธรณ์ ก็เป็นเหตุที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยที่ 3 ดุจจำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม และการรอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยได้บรรยายฟ้องว่า"จำเลยทั้งสี่ได้บังอาจร่วมกันทำปลอมหนังสือสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมของห้างหุ้นส่วนจำกัดกิจพ. ซึ่งมีส.ผู้เสียหายจำเลยที่1และที่4เป็นหุ้นส่วนของห้างดังกล่าวโดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันลงลายมือชื่อปลอมของผู้เสียหายในเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งมีข้อความว่าให้ผู้เสียหายออกจากการเป็นหุ้นส่วนโดยโอนเงินลงหุ้นจำนวน200,000บาทให้แก่จำเลยที่1โอนเงินลงหุ้นจำนวน50,000บาทให้แก่จำเลยที่2และโอนเงินลงหุ้นจำนวน150,000บาทให้แก่จำเลยที่3ทั้งนี้เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเอกสารที่จำเลยทั้งสี่ทำปลอมขึ้นทั้งฉบับนั้นเป็นเอกสารที่แท้จริง"ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้ระบุชัดแล้วว่าจำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันปลอมลายมือชื่อของโจทก์ร่วมในเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมพร้อมทั้งระบุข้อความที่ปลอมนั้นด้วยจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องให้ละเอียดว่าจำเลยคนใดร่วมกันปลอมเอกสารดังกล่าวอย่างไรก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้ จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันมอบหมายให้ส.นำเอกสารสัญญาหุ้นส่วนแก้ไขเพิ่มเติมไปยื่นต่อนายทะเบียนณสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดเพื่อจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมจนเป็นเหตุให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้โดยจำเลยทั้งสี่ร่วมกันทำเอกสารดังกล่าวซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จและลงลายมือชื่อของโจทก์ร่วมปลอมในเอกสารนั้นการกระทำของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นการร่วมกันทำเอกสารปลอมเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเอกสารนั้นทั้งฉบับเป็นเอกสารที่แท้จริงและจำเลยทั้งสี่ได้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวนี้ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนจำเลยทั้งสี่จึงมีความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7873/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการบรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมาย และเหตุผลส่วนตัวที่ไม่สามารถนำมาใช้รอการลงโทษได้
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงคันเกิดเหตุบรรทุกทรายมีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด 38,800 กิโลกรัม แล่นไปตามทางหลวงแผ่นดิน เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งได้รับการออกแบบและก่อสร้างให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ตามอัตราที่กฎหมายกำหนดมากจนเกินกว่าที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานตามปกติ การกระทำดังกล่าวของจำเลยแสดงให้เห็นว่า จำเลยมุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตนหรือผลประโยชน์ของนายจ้างจำเลยเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินส่วนรวมและไม่นำพาต่อสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สินส่วนตัวของบุคคลอื่น ๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางสัญจรไปมาซึ่งต้องเสี่ยงต่ออันตรายอันอาจเกิดจากสภาพถนนที่ชำรุดทรุดโทรมง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรืออันตรายที่อาจจะเกิดจากสภาพรถยนต์ของจำเลยซึ่งบรรทุกน้ำหนักเป็นจำนวนมากจนเกินกว่าที่ผู้ขับจะควบคุมรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย การที่จำเลยอ้างว่าจำต้องกระทำความผิดในครั้งนี้เพราะไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือขัดคำสั่งของนายจ้าง มิฉะนั้นอาจต้องถูกไล่ออกจากงานอันจะทำให้จำเลยต้องขาดรายได้และหากจำเลยต้องจำคุกก็จะทำให้บุตร ภริยา ซึ่งไม่อาจหาเลี้ยงตนเองและต้องอาศัยจำเลยเพียงผู้เดียวหารายได้มาจุนเจือต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างมากนั้น เห็นได้ว่าเหตุต่าง ๆ ที่จำเลยยกขึ้นอ้างเป็นเพียงเหตุผลส่วนตัวของจำเลยเท่านั้น บุคคลทั่ว ๆ ไปในสถานะเช่นเดียวกันกับจำเลยก็มีภาระหน้าที่ไม่แตกต่างไปจากจำเลยจำเลยไม่อาจอ้างภาระความจำเป็นส่วนตัวเพื่อก่อภาระให้แก่สังคมโดยรวมได้ เหตุต่าง ๆ ที่จำเลยยกขึ้นอ้างนั้นจึงยังไม่เพียงพอที่จะนำมารับฟังเพื่อรอการลงโทษให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7873/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการบรรทุกน้ำหนักเกินขนาด และเหตุผลความจำเป็นส่วนตัวที่ไม่เพียงพอต่อการรอการลงโทษ
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงคันเกิดเหตุบรรทุกทรายมีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด 38,800 กิโลกรัม แล่นไปตามทางหลวงแผ่นดิน เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งได้รับการออกแบบและก่อสร้างให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ตามอัตราที่กฎหมายกำหนดมากจนเกินกว่าที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานตามปกติ การกระทำดังกล่าวของจำเลยแสดงให้เห็นว่า จำเลยมุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตนหรือผลประโยชน์ของนายจ้างจำเลยเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินส่วนรวมและไม่นำพาต่อสวัสดิภาพในชีวิตและทรัพย์สินส่วนตัวของบุคคลอื่น ๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางสัญจรไปมาซึ่งต้องเสี่ยงต่ออันตรายอันอาจเกิดจากสภาพถนนที่ชำรุดทรุดโทรมง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรืออันตรายที่อาจจะเกิดจากสภาพรถยนต์ของจำเลยซึ่งบรรทุกน้ำหนักเป็นจำนวนมากจนเกินกว่าที่ผู้ขับจะควบคุมรถยนต์ได้อย่างปลอดภัย การที่จำเลยอ้างว่าจำต้องกระทำความผิดในครั้งนี้เพราะไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือขัดคำสั่งของนายจ้าง มิฉะนั้นอาจต้องถูกไล่ออกจากงานอันจะทำให้จำเลยต้องขาดรายได้และหากจำเลยต้องจำคุกก็จะทำให้บุตร ภริยา ซึ่งไม่อาจหาเลี้ยงตนเองและต้องอาศัยจำเลยเพียงผู้เดียวหารายได้มาจุนเจือต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างมากนั้น เห็นได้ว่าเหตุต่าง ๆ ที่จำเลยยกขึ้นอ้างเป็นเพียงเหตุผลส่วนตัวของจำเลยเท่านั้น บุคคลทั่ว ๆ ไปในสถานะเช่นเดียวกันกับจำเลยก็มีภาระหน้าที่ไม่แตกต่างไปจากจำเลยจำเลยไม่อาจอ้างภาระความจำเป็นส่วนตัวเพื่อก่อภาระให้แก่สังคมโดยรวมได้ เหตุต่าง ๆ ที่จำเลยยกขึ้นอ้างนั้นจึงยังไม่เพียงพอที่จะนำมารับฟังเพื่อรอการลงโทษให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6916/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษตามมาตรา 58 อาญา แม้โจทก์มิได้ขอในฟ้อง แต่ศาลทราบข้อเท็จจริงจากรายงานการสืบเสาะ
โจทก์ไม่ได้บรรยายมาในคำฟ้องว่าจำเลยเคยกระทำผิดและศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้ และมิได้ขอให้นำโทษที่รอไว้นั้นมาบวกเข้ากับคดีนี้ แต่ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้และภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดให้รอการลงโทษจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำผิดอีก ดังนั้นเมื่อศาลพิพากษาคดีนี้ถึงจำคุก ศาลจึงต้องนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับคดีนี้ตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ โดยไม่จำต้องให้โจทก์บรรยายหรือมีคำขอมาในฟ้อง
of 62