คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 561 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความโดยทนายโจทก์มีอำนาจประนีประนอม ย่อมผูกพันโจทก์ สิทธิฟ้องอาญาจึงระงับ
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยตกลงกันได้และต่างแถลงร่วมกันว่าจำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์เกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือจำเลยจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ในวันรุ่งขึ้นจากวันที่ตกลงกันโดยจำเลยจะออกเช็คเงินสดให้โจทก์ไว้ โจทก์รับว่าเมื่อได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แล้ว โจทก์จะคืนเช็คอีก2 ฉบับที่จำเลยที่ 3 ออกให้ไว้ล่วงหน้าแก่จำเลย และโจทก์จะถอนฟ้องจำเลย ศาลชั้นต้นจึงเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป เมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษา ทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ทนายโจทก์เห็นควรให้ถอนฟ้อง แต่โจทก์ไม่ยอมถอนฟ้อง ดังนี้เมื่อคดีเป็นความผิดต่อส่วนตัว และใบแต่งทนายความปรากฏว่าทนายโจทก์มีอำนาจประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ได้ทนายโจทก์ย่อมจะขอยอมความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคสองและมีผลผูกพันโจทก์ เมื่อโจทก์ได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์แล้ว จึงมีผลเป็นการยอมความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความโดยทนายโจทก์มีอำนาจประนีประนอม ย่อมผูกพันโจทก์ ทำให้สิทธิฟ้องอาญาดับไป
ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยตกลง กันได้ และต่าง แถลงต่อ ศาลร่วมกันว่าจำเลยได้ ชำระเงินแก่โจทก์เกือบหมดแล้วส่วนที่เหลือจำเลยจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ในวันรุ่งขึ้นจากวันที่ตกลง กันโดย จำเลยจะออกเช็ค เงินสดให้โจทก์ไว้ ทนายโจทก์แถลงว่าเมื่อได้ รับเงินตาม เช็ค ที่จำเลยออกให้แล้วโจทก์จะคืนเช็ค เดิม ที่จำเลยที่ 3 ออกให้ไว้ล่วงหน้าแก่จำเลย และโจทก์จะถอนฟ้องจำเลยศาลชั้นต้นจึงเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป เมื่อถึง วันนัดฟังคำพิพากษา ทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ ชำระหนี้ตาม เช็ค แล้วทนายโจทก์เห็นควรให้ถอนฟ้อง แต่ โจทก์ไม่ยอมถอนฟ้อง ดังนี้เมื่อคดีเป็นความผิดต่อส่วนตัว และใบแต่งทนายความปรากฏว่าทนายโจทก์มีอำนาจประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ได้ ทนายโจทก์ย่อมจะขอยอมความได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคสอง และมีผลผูกพันโจทก์การที่ทนายโจทก์แถลงต่อหน้าศาลว่าจะถอนฟ้องไม่ ดำเนินคดีแก่จำเลยและเมื่อโจทก์ได้ รับเงินตาม เช็ค ที่จำเลยออกให้แก่โจทก์ ต่อมาทนายโจทก์ได้ ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ ชำระหนี้ตาม เช็ค นั้นแล้ว โจทก์มีหน้าที่ถอนฟ้อง และมีผลเป็นการยอมความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยอมความระหว่างพิจารณาคดีอาญา: ผลผูกพันโจทก์และสิทธิในการฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยตกลงกันได้และต่างแถลงร่วมกันว่าจำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์เกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือจำเลยจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ในวันรุ่งขึ้นจากวันที่ตกลงกันโดยจำเลยจะออกเช็คเงินสดให้โจทก์ไว้ โจทก์รับว่าเมื่อได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แล้วโจทก์จะคืนเช็คอีก 2 ฉบับที่จำเลยที่ 3 ออกให้ไว้ล่วงหน้าแก่จำเลยและโจทก์จะถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป เมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษา ทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ทนายโจทก์เห็นควรให้ถอนฟ้อง แต่โจทก์ไม่ยอมถอนฟ้องดังนี้เมื่อคดีเป็นความผิดต่อส่วนตัว และใบแต่งทนายความปรากฏว่าทนายโจทก์มีอำนาจประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ได้ ทนายโจทก์ย่อมจะขอยอมความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสองและมีผลผูกพันโจทก์ เมื่อโจทก์ได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์แล้ว จึงมีผลเป็นการยอมความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความโดยทนายจำเลยมีอำนาจ ทำให้สิทธิฟ้องอาญาของโจทก์ระงับ
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯระหว่างพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยตกลงกันได้และต่างแถลงร่วมกันว่าจำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์เกือบหมดแล้วส่วนที่เหลือจำเลยจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ในวันรุ่งขึ้นจากวันที่ตกลงกันโดยจำเลยจะออกเช็คเงินสดให้โจทก์ไว้ โจทก์รับว่าเมื่อได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แล้ว โจทก์จะคืนเช็คอีก2 ฉบับที่จำเลยที่ 3 ออกให้ไว้ล่วงหน้าแก่จำเลย และโจทก์จะถอนฟ้องจำเลย ศาลชั้นต้นจึงเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป เมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษา ทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระหนี้ตามเช็คแล้ว ทนายโจทก์เห็นควรให้ถอนฟ้อง แต่โจทก์ไม่ยอมถอนฟ้อง ดังนี้เมื่อคดีเป็นความผิดต่อส่วนตัว และใบแต่งทนายความปรากฏว่าทนายโจทก์มีอำนาจประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ได้ทนายโจทก์ย่อมจะขอยอมความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคสองและมีผลผูกพันโจทก์ เมื่อโจทก์ได้รับเงินตามเช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์แล้ว จึงมีผลเป็นการยอมความ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5036-5038/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวกัน: ยักยอกเงินกับปลอมเอกสาร ทำให้สิทธิฟ้องความผิดฐานปลอมเอกสารระงับเมื่อถูกตัดสินคดีฐานยักยอกแล้ว
จำเลยเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีธนาคาร ทำปลอมสมุดเงินฝากของผู้เสียหายทั้งสาม จากนั้นนำไปอ้างต่อผู้เสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยนำเงินของผู้เสียหายฝากธนาคารเรียบร้อยแล้วการปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมแม้จะเกิดขึ้นต่างวาระกันกับความผิดฐานยักยอกก็ตามแต่จำเลยมีเจตนาที่จะใช้เอกสารปลอมดังกล่าวเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดฐานยักยอกคดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ก็ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5036-5038/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวกัน: ยักยอกเงินใช้เอกสารปลอม สิทธิฟ้องระงับตามมาตรา 39(4)
จำเลยเป็นผู้ช่วยสมุห์บัญชีธนาคาร ทำปลอมสมุดเงินฝากของผู้เสียหายทั้งสามจากนั้นนำไปอ้างต่อผู้เสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยนำเงินของผู้เสียหายฝากธนาคารเรียบร้อยแล้วการปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมแม้จะเกิดขึ้นต่างวาระกันกับความผิดฐานยักยอกก็ตาม แต่จำเลยมีเจตนาที่จะใช้เอกสารปลอมดังกล่าวเป็นหลักฐานเพื่อยักยอกเงินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดฐานยักยอกคดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ก็ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3630/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความระหว่างดำเนินคดีเช็ค สิทธิฟ้องอาญาจึงระงับตามกฎหมาย
คดีความผิดต่อส่วนตัว ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องเป็นใจความว่า จำเลยชำระหนี้ตามเช็คที่นำมาฟ้องให้แก่โจทก์เป็นที่พอใจแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไปขอถอนคำร้องทุกข์ จำเลยไม่คัดค้าน ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องคดีเอง และไม่เคยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน คำร้องดังกล่าวจึงพอแปลความได้ว่าโจทก์จำเลยยอมความกันสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ สิทธิฟ้องระงับ
ผู้เสียหายแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาฉ้อโกงเงิน 100,000 บาท เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยจำเลยได้ยกเครื่องถ่ายเอกสารตีใช้หนี้ให้ผู้เสียหายเป็นเงิน 50,000บาท ต่อมาจำเลยไม่ชำระเงินที่เหลือและผิดสัญญาประกันชั้นสอบสวนผู้เสียหายจึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยมาพบพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนให้ผู้เสียหายกับจำเลยเจรจากัน จำเลยได้ชำระเงินให้ผู้เสียหายเป็นเงิน 9,000 บาท และเจ้าพนักงานตำรวจคุมตัวจำเลยไปพบ ช.เพื่อนของจำเลยโดยมีผู้เสียหายไปด้วยช.ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 40,000 บาทให้แก่ผู้เสียหายแล้วเจ้าพนักงานตำรวจก็ปล่อยตัวจำเลยไปโดยผู้เสียหายไม่คัดค้านและไม่กลับไปแจ้งผลการเจรจาตกลงกับจำเลยให้พนักงานสอบสวนทราบ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่า ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาฉ้อโกงตามที่แจ้งความไว้อีกต่อไป เป็นการยอมความกันในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยอมความในคดีอาญา: สิทธิฟ้องระงับ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้เสียหายแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาฉ้อโกงเงิน 100,000 บาท เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลย จำเลยได้ ยกเครื่องถ่าย เอกสารตี ใช้ หนี้ให้ผู้เสียหายเป็นเงิน50,000 บาท ต่อมาจำเลยไม่ชำระเงินที่เหลือและผิดสัญญาประกันชั้นสอบสวน ผู้เสียหายจึงนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยมาพบพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนให้ผู้เสียหายกับจำเลยเจรจากันจำเลยได้ ชำระเงินให้ผู้เสียหายเป็นเงิน 9,000 บาท และเจ้าพนักงานตำรวจคุมตัวจำเลยไปพบ ช. เพื่อนของจำเลยโดย มีผู้เสียหายไปด้วย ช. ได้ ออกเช็ค สั่งจ่ายเงินจำนวน 40,000 บาทให้แก่ผู้เสียหายแล้วเจ้าพนักงานตำรวจก็ปล่อยตัว จำเลยไปโดยผู้เสียหายไม่คัดค้านและไม่กลับไปแจ้งผลการเจรจาตกลง กับจำเลยให้พนักงานสอบสวนทราบ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาฉ้อโกงตามที่แจ้งความไว้อีกต่อไป เป็นการยอมความกันในคดีอาญา ความผิดต่อส่วนตัว แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3199/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนภาษีจากการขายเส้นใยสังเคราะห์ที่ไม่ใช่ด้ายสำหรับทอผ้า ผู้ขายมีสิทธิฟ้องเรียกคืนได้ แม้ไม่ได้ยื่นคำร้องตามแบบ
สินค้าพิพาทเป็นเส้นใยสังเคราะห์ ที่เรียกว่า พี.โอ.วาย.ซึ่งเป็นเส้นใยที่ไม่มีความยืดหยุ่น ยังใช้ทอผ้าไม่ได้ หากจะนำไปใช้ทอผ้าต้องนำไปผ่านกรรมวิธีตีเกลียว ให้เป็นเส้นด้ายอีกชั้นหนึ่งก่อน สินค้าดังกล่าวจึงมิใช่ด้ายทุกชนิดสำหรับใช้ในการทอผ้าตามบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีการค้า (ฉบับที่ 58) พ.ศ. 2518 มาตรา 4 ในบัญชีที่ 2 หมวด 2 (9) โจทก์จึงได้รับยกเว้นภาษีการค้าสำหรับการขายสินค้าดังกล่าวตามมาตรา 5(8) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 54) พ.ศ. 2517
การขอคืนเงินค่าภาษีไม่มีกฎหมายบังคับให้โจทก์ยื่นคำร้องพร้อมกับเอกสารประกอบคำร้องว่าคำร้องเป็นความจริง ดังนั้น การที่จำเลยไม่คืนเงินค่าภาษีที่โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
of 57