พบผลลัพธ์ทั้งหมด 264 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมที่ดินฟ้องเรียกที่ดินส่วนขาดจากผู้ได้เกินกว่าตกลงได้
โจทก์จำเลย ซื้อที่ดินร่วมกันในที่ดินโฉนดเดียวกัน โจทก์ได้ที่ดินน้อยกว่าที่ได้ตกลงซื้อไว้ส่วนจำเลยกลับได้ที่ดินเกินกว่าจำนวนที่ตกลงซื้อไว้ ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมด้วยผู้หนึ่ง ได้รับความเสียหายเพราะที่ดินขาดไปจึงมีอำนาจฟ้องเรียกที่ดินที่ขาดจากจำเลยในฐานะเป็นเจ้าของที่ดินด้วยกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิร่วม, การรื้อถอนเรือน, สิทธิของเจ้าของร่วม, การต่อสู้คดี, ข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน
มีผู้ทำลายเรือนอันเป็นของเจ้าของร่วม 2 คน เจ้าของร่วมเพียงคนเดียวก็มีสิทธิฟ้องผู้ทำลายนั้นให้ปลูกเรือนให้ใหม่
ตามสถาพเดิม หรือถ้าไม่สามารถทำได้ ก็ให้ใช้ค่าเสียหายได้.
ลูกสะใภ้มีสิทธิฟ้องบิดาของสามีได้ ไม่เป็นอุหลุม.
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยหลายเรือนออกจากที่พิพาทไป ขอให้จำเลยนำเรือนที่จำเลยรื้อไปมาปลูกใหม่ตามสภาพเดิม จำเลยแก้คดีข้อนี้ ว่าจำเลยอยู่เรือนพิพาทเรือนนั้นผู้ฟังไปจนจำเลยอยู่ไม่ได้ จึงซื้อเรือนอยู่ในบ้านนั้น 1 หลัง แล้ว
จำเลยอยู่มาจนบัดนี้ความเสียหายตามฟ้องจำเลยจึงไม่ต้องรับฟิด คำกล่าวแก้เช่นนี้พอเข้าใจได้แล้วว่า จำเลยต่อสู้
ว่าไม่ได้หลายเรือน./
ตามสถาพเดิม หรือถ้าไม่สามารถทำได้ ก็ให้ใช้ค่าเสียหายได้.
ลูกสะใภ้มีสิทธิฟ้องบิดาของสามีได้ ไม่เป็นอุหลุม.
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยหลายเรือนออกจากที่พิพาทไป ขอให้จำเลยนำเรือนที่จำเลยรื้อไปมาปลูกใหม่ตามสภาพเดิม จำเลยแก้คดีข้อนี้ ว่าจำเลยอยู่เรือนพิพาทเรือนนั้นผู้ฟังไปจนจำเลยอยู่ไม่ได้ จึงซื้อเรือนอยู่ในบ้านนั้น 1 หลัง แล้ว
จำเลยอยู่มาจนบัดนี้ความเสียหายตามฟ้องจำเลยจึงไม่ต้องรับฟิด คำกล่าวแก้เช่นนี้พอเข้าใจได้แล้วว่า จำเลยต่อสู้
ว่าไม่ได้หลายเรือน./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าของร่วมในการฟ้องเรียกคืนทรัพย์สินที่ถูกทำลาย และการต่อสู้คดีของผู้ทำลาย
มีผู้ทำลายเรือนอันเป็นของเจ้าของร่วม 2 คน เจ้าของร่วมเพียงคนเดียวก็มีสิทธิฟ้องผู้ทำลายนั้นให้ปลูกเรือนให้ใหม่ตามสภาพเดิม หรือถ้าไม่สามารถทำได้ ก็ให้ใช้ค่าเสียหายได้
ลูกสะใภ้มีสิทธิฟ้องบิดาของสามีได้ ไม่เป็นอุทลุม
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทลายเรือนออกจากที่พิพาทไปขอให้จำเลยนำเรือนที่จำเลยรื้อไปมาปลูกใหม่ตามสภาพเดิมจำเลยแก้คดีข้อนี้ ว่าจำเลยอยู่เรือนพิพาท เรือนนั้นผุพังไปจนจำเลยอยู่ไม่ได้ จึงซื้อเรือนอยู่ในบ้านนั้น 1 หลัง แล้วจำเลยอยู่มาจนบัดนี้ ความเสียหายตามฟ้องจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคำกล่าวแก้เช่นนี้พอเข้าใจได้แล้วว่าจำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทลายเรือน
ลูกสะใภ้มีสิทธิฟ้องบิดาของสามีได้ ไม่เป็นอุทลุม
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทลายเรือนออกจากที่พิพาทไปขอให้จำเลยนำเรือนที่จำเลยรื้อไปมาปลูกใหม่ตามสภาพเดิมจำเลยแก้คดีข้อนี้ ว่าจำเลยอยู่เรือนพิพาท เรือนนั้นผุพังไปจนจำเลยอยู่ไม่ได้ จึงซื้อเรือนอยู่ในบ้านนั้น 1 หลัง แล้วจำเลยอยู่มาจนบัดนี้ ความเสียหายตามฟ้องจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคำกล่าวแก้เช่นนี้พอเข้าใจได้แล้วว่าจำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทลายเรือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน เจ้าของร่วมต้องยินยอม การโอนสิทธิเฉพาะส่วน
เจ้าของร่วมเพียงคนเดียวไปทำสัญยาจะขายที่ดินให้แก่เขาหมดทั้งแปลงโดยมิได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม คนอื่น ๆนั้น สัญญาจะซื้อขายนั้นย่อมผูกพันเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วมผู้ทำสัญญาจะขายเท่านั้น ไม่ผูกพันส่วนของ เจ้าของร่วมคนอื่นด้วย.
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฎว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้ โอนทั้งแปลงไม่ได้ ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฎว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาล ก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่า กล่าวเป็นเรื่องใหม่./
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฎว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้ โอนทั้งแปลงไม่ได้ ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฎว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาล ก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่า กล่าวเป็นเรื่องใหม่./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมขายที่ดินโดยไม่ได้รับความยินยอม สัญญาผูกพันเฉพาะส่วนของตน
เจ้าของร่วมเพียงคนเดียวไปทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่เขาหมดทั้งแปลงโดยมิได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วมคนอื่นๆนั้น สัญญาจะซื้อขายนั้นย่อมผูกพันเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วมผู้ทำสัญญาจะขายเท่านั้น ไม่ผูกพันส่วนของเจ้าของร่วมคนอื่นด้วย
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฏว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้โอนทั้งแปลงไม่ได้ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาลก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นเรื่องใหม่
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฏว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้โอนทั้งแปลงไม่ได้ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฏว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาลก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นเรื่องใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วม vs. เจ้าของทรัพย์สินที่มีส่วนแบ่งชัดเจน, สิทธิในการบังคับขายตามสัญญา, และเบี้ยปรับ
เจ้าของรวมตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1357 นั้น ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สสินอันรวมกันไม่ทราบว่าส่วนของใครเท่าไร ตรงไหนในทรัพย์นั้น ๆ กฎหมายจึงสันนิษฐษนไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมมีส่วนเท่ากัน
โฉนดที่ดินมีชื่อบุคคล 2 คนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ แต่ได้จดทะเบียนบรรยายส่วนของใครไว้ในโฉนดแล้วว่า ของใครไว้ในโฉนดแล้วว่า ของใครอยู่ตอนไหน เป็นจำนวนเนื้อที่เท่าไร ชัดแจ้งแล้ว เช่นนี้ หาใช่ เป็นเจ้าของรวมไม่
เงื่อนไขแห่งนิติกรรมานั้นหมายถึงเหตุการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตและไม่แน่นอน
สัญญาจะซื้อขายมีข้อตกลงกันว่าผู้ซื้อขายกันในวันมาทำการจะทะเบียนแบ่งแยกที่ดินนั้น หาใช่เป็นเงื่อนไขไม่
แม้สัญญาจะซื้อขายที่ดินได้กำหนดเบี้ยปรับกันไว้ ในเมื่อผู้ขายผิดสัญญาก็ดี ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 380 บัญญัติให้สิทธิแก่เจ้าหนี้เลือกเรียกเอาเบี้ยแรับชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดได้ ฉะนั้นถ้าผู้ขายทำผิดสัญญาโดยไม่ยอมขายที่ดินให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ซื้อก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องผู้ขายขอให้ศาลบังคับให้โอนขายตามสัญญาได้
(อ้างฎีกาที่ 131 / 1449)
โฉนดที่ดินมีชื่อบุคคล 2 คนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ แต่ได้จดทะเบียนบรรยายส่วนของใครไว้ในโฉนดแล้วว่า ของใครไว้ในโฉนดแล้วว่า ของใครอยู่ตอนไหน เป็นจำนวนเนื้อที่เท่าไร ชัดแจ้งแล้ว เช่นนี้ หาใช่ เป็นเจ้าของรวมไม่
เงื่อนไขแห่งนิติกรรมานั้นหมายถึงเหตุการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตและไม่แน่นอน
สัญญาจะซื้อขายมีข้อตกลงกันว่าผู้ซื้อขายกันในวันมาทำการจะทะเบียนแบ่งแยกที่ดินนั้น หาใช่เป็นเงื่อนไขไม่
แม้สัญญาจะซื้อขายที่ดินได้กำหนดเบี้ยปรับกันไว้ ในเมื่อผู้ขายผิดสัญญาก็ดี ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 380 บัญญัติให้สิทธิแก่เจ้าหนี้เลือกเรียกเอาเบี้ยแรับชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดได้ ฉะนั้นถ้าผู้ขายทำผิดสัญญาโดยไม่ยอมขายที่ดินให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ซื้อก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องผู้ขายขอให้ศาลบังคับให้โอนขายตามสัญญาได้
(อ้างฎีกาที่ 131 / 1449)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมฟ้องเพิกถอนการซื้อขายที่ดินที่ผู้จัดการทำผิดได้ แม้โรงเรียนไม่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
โจทก์และพวกอิสลามิกชนในจังหวัดหนึ่งได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง ทำเป็นโรงเรียนสำหรับชาวอิสลามิคชนเข้าเรียน และได้ตั้งผู้จัดการจัดการโรงเรียนสืบต่อกันไป ดังนี้ถือว่าผู้จัดการเหล่านั้นเป็นตัวแทนโจทก์และพวก ฉะนั้นเมื่อผู้จัดการคนหนึ่งทำผิดโดยเอาที่ดินแปลงนี้ไปยกให้แก่บุตร แล้วบุตรโอน+ให้คนภายนอกเสีย เช่นนี้โจทก์แต่ผู้เดียวซึ่งเป็นเจ้าของรวมด้วยย่อมมีอำนาจฟ้องในนามของตนเอง ขอให้เพิกถอนสัญญาขายดังกล่าวเสีย หรือขอให้ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน เพื่อจะได้จัดซื้อที่ดินจัดตั้งเป็นโรงเรียน+โรงเรียนเดิมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าของร่วมกรณีผู้จัดการทำผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน
โจทก์และพวกอิสลามิกชนในจังหวัดหนึ่งได้ร่วมกันบริจาคเงินซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง ทำเป็นโรงเรียนสำหรับชาวอิสลามิกชนเข้าเรียน และได้ตั้งผู้จัดการจัดการโรงเรียนสืบต่อกันไปดังนี้ ถือว่าผู้จัดการเหล่านั้นเป็นตัวแทนโจทก์และพวก ฉะนั้นเมื่อผู้จัดการคนหนึ่งทำผิดโดยเอาที่ดินแปลงนี้ยกให้แก่บุตร แล้วบุตรโอนขายให้คนภายนอกเสีย เช่นนี้ โจทก์แต่ผู้เดียวซึ่งเป็นเจ้าของร่วมด้วยย่อมมีอำนาจฟ้องในนามของตนเอง ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายดังกล่าวเสียหรือขอให้ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน เพื่อจะได้จัดซื้อที่ดินอื่นจัดตั้ง เป็นโรงเรียนแทนโรงเรียนเดิมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องร้อง: การฟ้องละเมิดต้องสอดคล้องกับข้ออ้างเดิม หากข้อเท็จจริงนำสืบไม่ตรงกับที่ฟ้องไว้ คดีต้องยก
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยบังอาจละเมิดรื้อเรือนของโจทก์ โดยโจทก์กล่าวอ้างว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์แต่ผู้เดียว เมื่อทางพิจารณาไม่ได้ความสมฟ้องว่าเรือนพิพาทเปนของโจทก์แต่ผู้เดียว ทั้งยังได้ความว่าจำเลยยังมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยุ่ด้วย ดังนี้คดีก็ต้องยกฟ้อง จะให้พิจารณาเลยไปถึงสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ผู้เป็นเจ้าของรวมด้วยนั้น เป็นการเกินกว่าโจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่มีประเด็นจะพึงพิจารณาให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินสินบริคณห์: การร่วมกันเป็นเจ้าของและผลกระทบต่อการบอกล้างนิติกรรม
สามีฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน โดยอ้างว่าเป็นที่สินบริคณห์ของโจทก์และภรรยาทั้งแปลงแม่ยายและภรรยาเอาไปขายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นของภรรยาและแม่ยายร่วมกัน จึงไม่ใช่บริคณห์ทั้งแปลงและไม่ปรากฏว่าส่วนของภรรยามีเท่าไรสามีก็บอกล้างนิติกรรมทั้งฉบับตามที่ฟ้องไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง