คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช็คพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 256 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3023/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การลงวันที่เช็คไม่สมบูรณ์ ผู้สั่งจ่ายยินยอมให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่เองได้
เช็คพิพาทผู้สั่งจ่ายออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือโดยผู้สั่งจ่ายได้ลงวันที่ในช่องวันที่ออกเช็คและลงชื่อกำกับไว้ใต้ช่องวันที่ออกเช็คดังนี้แม้ผู้สั่งจ่ายจะมิได้ลงเดือนและปีไว้ในช่องวันที่ออกเช็คก็ต้องถือว่าผู้สั่งจ่ายเจตนาให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่ในเช็คเอาเองในภายหลังผู้ทรงเช็คย่อมลงวันที่ในเช็คเป็นวันไหนก็ได้ผู้สั่งจ่ายจะโต้แย้งว่าผู้ทรงเช็คกระทำการโดยไม่สุจริตและเช็คนั้นไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายหาได้ไม่ เช็คพิพาทเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือซึ่งโอนเปลี่ยนมือกันได้เพียงด้วยการส่งมอบให้กันเมื่อโจทก์มีเช็คไว้ในครอบครองนำเช็คไปเรียกเก็บเงินและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้รับผิดต่อโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา989ประกอบมาตรา967 อายุความที่ผู้ทรงเช็คฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คเรียกเงินตามเช็คห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลา1ปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1002.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่ไม่สุจริตไม่มีอำนาจเรียกร้องเงินตามเช็คได้
โจทก์รับสมอ้างเป็นผู้ทรงเช็คผู้ถือและนำเช็คมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คนั้นแก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสุจริตของผู้ทรงเช็คพิพาท: การโอนเช็คโดยไม่ขอสลักหลังและพยานหลักฐาน
ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์เป็นผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทซึ่งออกให้แก่ผู้ถือมาจากผู้รับเงินโดยไม่ได้ขอให้ผู้รับเงินซึ่งโจทก์รู้จักดีสลักหลังหรือทำหลักฐานให้ไว้ทั้งที่โจทก์ไม่รู้จักจำเลยผู้สั่งจ่ายประกอบกับในคดีนี้โจทก์ก็ไม่ได้อ้างและนำสืบผู้รับเงินซึ่งเป็นพยานสำคัญมาสนับสนุนคำเบิกความของตนที่เบิกความลอยๆเป็นข้อพิรุธอันแสดงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยสุจริตไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่ตนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับหนี้จากการใช้เช็คพิพาทโดยมีส่วนผิดของผู้รับเช็คทำให้เช็คสูญหาย
จำเลยทั้งสามซื้อพลอยจากโจทก์แล้วออกเช็คพิพาทลงวันที่ล่วงหน้าชำระหนี้ค่าพลอยให้โจทก์ ต่อมาเช็คนั้นหายไปจากความครอบครองของโจทก์และมีผู้แก้ไขวันออกเช็คและนำเช็คดังกล่าวเบิกเงินไปในบัญชีของจำเลยที่ธนาคารไป ดังนี้ เมื่อพฤติการณ์ของโจทก์มีส่วนทำให้เกิดกรณีเช็คพิพาทถูกลัก โจทก์มีส่วนผิดเป็นเหตุให้เช็คพิพาทหายไปและเช็คนั้นได้ใช้เงินแล้ว หนี้ที่จำเลยต้องชำระราคาพลอยให้แก่โจทก์ย่อมจะระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม จำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดชำระค่าพลอยที่ซื้อไปจากโจทก์ให้แก่โจทก์อีก แม้เมื่อโจทก์ทราบว่าเช็คหายโจทก์ได้รีบบอกแก่จำเลยและธนาคารเพื่อไม่ให้ใช้เงินแล้ว แต่ปรากฏว่าโจทก์บอกกล่าวแก่จำเลยหลังจากที่มีการใช้เงินตามเช็คแล้ว การบอกกกล่าวจึงไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์
หมายเหตุ มติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2529

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทสูญหายจากความประมาทของผู้รับเช็ค หนี้ระงับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามซื้อพลอยจากโจทก์แล้วออกเช็คพิพาทลงวันที่ล่วงหน้าชำระหนี้ค่าพลอยให้โจทก์ต่อมาเช็คนั้นหายไปจากความครอบครองของโจทก์และมีผู้แก้ไขวันออกเช็คและนำเช็คดังกล่าวเบิกเงินไปในบัญชีของจำเลยที่ธนาคารไปดังนี้เมื่อพฤติการณ์ของโจทก์มีส่วนทำให้เกิดกรณีเช็คพิพาทถูกลักโจทก์มีส่วนผิดเป็นเหตุให้เช็คพิพาทหายไปและเช็คนั้นได้ใช้เงินแล้วหนี้ที่จำเลยต้องชำระราคาพลอยให้แก่โจทก์ย่อมจะระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา321วรรคสามจำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดชำระค่าพลอยที่ซื้อไปจากโจทก์ให้แก่โจทก์อีกแม้เมื่อโจทก์ทราบว่าเช็คหายโจทก์ได้รีบบอกแก่จำเลยและธนาคารเพื่อไม่ให้ใช้เงินแล้วแต่ปรากฏว่าโจทก์บอกกล่าวแก่จำเลยหลังจากที่มีการใช้เงินตามเช็คแล้วการบอกกกล่าวจึงไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์ หมายเหตุมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่3/2529,5/2529.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: จำเลยต้องนำสืบพิสูจน์การไม่มีมูลหนี้เมื่อออกเช็ค หากไม่อาจพิสูจน์ได้ต้องรับผิดตามเช็ค
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน นัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยอ้างว่าป่วยขอเลื่อนคดี นัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดี นัดที่สามจำเลยและโจทก์แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจา นัดที่สี่จำเลยยอมรับว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบ แต่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานปากเดียว ส่วนพยานอื่นไม่มาศาล.ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดหน้า ถ้าพยานไม่มาให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบ นัดที่ห้าจำเลยนำพยานเข้าสืบ 4 ปาก แล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพยานอีก 2 ปาก ซึ่งมาศาลแล้วแต่กลับไปก่อนและติดธุระมาศาลไม่ได้ ปรากฏว่าพยานที่จำเลยยังติดใจสืบนั้น ก็เพื่อประโยชน์คดีอื่นของจำเลยไม่เกี่ยวกับเช็คพิพาทคดีนี้ และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อเจตนาประวิงคดี ชอบที่ศาลชั้นต้นจะตัดพยานจำเลยดังกล่าว
จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค จึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์ โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจาก ส. ให้จำเลย โดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมา เช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การสันนิษฐานหน้าที่ชำระหนี้, การสลักหลังเช็คเพื่อประกัน, และการประวิงคดี
พยานที่มิได้เกี่ยวข้องกับข้อต่อสู้ในมูลคดีแต่จะนำเข้าสืบเพื่อประโยชน์แห่งคดีอื่นศาลงดสืบพยานนี้เสียได้เพราะเป็นการนำสืบพยานอันไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจำเลยมีหน้าที่นำสืบแต่ขอเลื่อนคดีหลายนัดติดต่อกันอ้างว่าตัวจำเลยป่วยบ้างทนายจำเลยป่วยบ้างหรือขอเลื่อนคดีอ้างว่าจะเจรจากับโจทก์เพื่อตรวจสอบหนี้สินแต่จำเลยก็มิได้ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัดเมื่อศาลชั้นต้นสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในวันนัดจำเลยนำพยานเข้าสืบแล้วขอเลื่อนคดีพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการประวิงคดีศาลสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและตัดพยานจำเลยได้ จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทต้องสันนิษฐานว่าได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้หากจำเลยจะอ้างว่าได้ออกเช็คเพื่อวัตถุประสงค์อื่นจำเลยต้องมีหน้าที่นำสืบ เช็คพิพาทเป็นเช็คผู้ถือซึ่งจำเลยสั่งจ่ายมอบให้โจทก์โจทก์นำไปแลกเงินจากส. โดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาทไว้อันเป็นการประกัน(อาวัล)สำหรับจำเลยผู้สั่งจ่ายเมื่อโจทก์ได้ใช้เงินตามเช็คและรับเช็คคืนมาจากส. เพราะธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินโจทก์ก็นับได้ว่าเป็นผู้ทรงเช็คนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชอบหากพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่มีมูลหนี้ และการประวิงคดีตัดพยานได้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกจำเลยอ้างว่าป่วยขอเลื่อนคดีนัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดีนัดที่สามจำเลยและโจทก์แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจานัดที่สี่จำเลยยอมรับว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบแต่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานปากเดียวส่วนพยานอื่นไม่มาศาล.ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดหน้าถ้าพยานไม่มาให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบนัดที่ห้าจำเลยนำพยานเข้าสืบ4ปากแล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพยานอีก2ปากซึ่งมาศาลแล้วแต่กลับไปก่อนและติดธุระมาศาลไม่ได้ปรากฏว่าพยานที่จำเลยยังติดใจสืบนั้นก็เพื่อประโยชน์คดีอื่นของจำเลยไม่เกี่ยวกับเช็คพิพาทคดีนี้และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้พฤติการณ์ของจำเลยส่อเจตนาประวิงคดีชอบที่ศาลชั้นต้นจะตัดพยานจำเลยดังกล่าว. จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น. โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจากส.ให้จำเลยโดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมาเช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายจากการใช้เช็ค - โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิร้องทุกข์ได้ แม้เงินถูกนำฝากบัญชีห้างหุ้นส่วน
วัสดุก่อสร้างที่จำเลยซื้อและออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระราคานั้นเป็นของส่วนตัวของโจทก์ร่วมมิได้เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.ที่โจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการดังนั้นเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดและถูกปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายและชอบที่จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีได้ส่วนการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมเรียกเก็บเงินเองและนำสืบในชั้นพิจารณาว่าเรียกเก็บเงินเพื่อฝากเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.นั้นก็มิได้แตกต่างกันแต่อย่างใดเพราะการที่โจทก์ร่วมจะนำเงินตามเช็คที่เรียกเก็บเข้าฝากในบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.ก็เป็นสิทธิของโจทก์ร่วมที่จะทำได้หาทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.กลายเป็นผู้เสียหายไปไม่. การบันทึกคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งจะจดลงไว้อย่างไรและที่ใดก็เป็นเรื่องระเบียบภายในของพนักงานสอบสวนซึ่งไม่มีผลกระทบต่ออำนาจในการสอบสวนและดำเนินคดีและในปัญหาที่ว่าเขตรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละแห่งจะมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่เพียงใดนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลคดีเช็คพิพาท: การฟ้องขอเช็คคืนไม่ใช่การเรียกร้องค่าเสียหาย แต่เป็นการปลดเปลื้องทุข์
โจทก์ฟ้องเรียกเช็คพิพาทคืนจากจำเลย โดยอ้างว่าไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็คพิพาท โจทก์มิได้ประสงค์ถึงราคากระดาษเช็คและหนี้ซึ่งระงับไปแล้ว จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุขก์อันมิอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
of 26