พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและการเลิกจ้าง: การออกจากงานโดยสมัครใจไม่ใช่การเลิกจ้าง และสิทธิในเงินโบนัส
กรรมการผู้จัดการของบริษัทนายจ้างแจ้งความกล่าวหาลูกจ้างว่าลักทรัพย์จนลูกจ้างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับไปคุมขังและถูกฟ้องอาญา แต่ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ว่าลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิด แม้การกล่าวหานั้นจะปราศจากมูลความจริง ลูกจ้างก็ถูกจับและควบคุมไว้ไม่ได้ทำงาน 5 วันไม่ถึง 7 วันทำงานติดต่อกัน เมื่อลูกจ้างมีประกันตัวมาก็ไม่กลับเข้าทำงาน โดยไม่ปรากฏว่านายจ้างไม่ยอมให้ลูกจ้างทำงานหรือกลั่นแกล้งประการอื่น เป็นกรณีที่ลูกจ้างไม่ทำงานกับนายจ้างต่อไปโดยความสมัครใจของลูกจ้างเอง มิใช่เหตุเพราะนายจ้างเลิกจ้าง ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยโดยที่ไม่มีระเบียบข้อบังคับกำหนดไว้เป็นหนังสือเกี่ยวกับการจ่ายเงินโบนัส เป็นแต่นายจ้างเคยจ่ายเงินโบนัสให้แก่ลูกจ้างเท่ากับอัตราค่าจ้าง 1 เดือน เมื่อสิ้นปี แสดงว่านายจ้างจะจ่ายเงินโบนัสให้ต่อเมื่อลูกจ้างผู้นั้นยังคงทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยถึงสิ้นปี เมื่อลูกจ้างออกจากงานไปเสียก่อนสิ้นปี ทั้งไม่ปรากฏว่านายจ้างต้องจ่ายเงินโบนัส แม้ลูกจ้างจะออกไปในระหว่างปีโดยคำนวณตามระยะของการทำงานหรือผลงานแล้ว ลูกจ้างก็ไม่มีสิทธิได้รับเงินโบนัสจากนายจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์ – ข้อหาแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ขัดแย้งในข้อเท็จจริงสำคัญ
แม้การบรรยายฟ้องแต่ละตอนจะได้แยกข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดของแต่ละฐานความผิดก็ตาม แต่โจทก์ก็ไม่ได้บรรยายให้ชัดลงไปว่า จำเลยกระทำความผิดฐานใดการสรุปคำบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จหรือมิฉะนั้นจำเลยกระทำความผิดฐานเบิกความเท็จในคำฟ้องเดียวกัน โดยมิได้ยืนยันให้แน่ชัดลงไปว่า ข้อเท็จจริงอย่างไหนเป็นเท็จและอย่างไหนเป็นจริง ซึ่งหากจะมีก็มีได้เพียงอย่างเดียว หาใช่ว่าจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่างดังที่โจทก์กล่าวอ้าง ฟ้องโจทก์ขัดแย้งกันในข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญการกระทำความผิด ยากที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ: การแจ้งข้อเท็จจริง แม้จะนำไปสู่ความเสียหาย ไม่ถือเป็นความผิด
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าข้อความที่จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนนั้นเป็นความจริง โดยแจ้งไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ: การแจ้งข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏ แม้จะนำไปสู่การถูกดำเนินคดี ก็ไม่เป็นความผิด
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าข้อความที่จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนนั้นเป็นความจริง โดยแจ้งไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานละเว้นหน้าที่, แจ้งความเท็จ, และการกระทำโดยทุจริตต่อหน้าที่
จำเลยเป็นกำนัน ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการโครงการสร้างถนนเข้าหมู่บ้าน เป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ฯ การที่จำเลยเบิกเงินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านนายอำเภอ เพื่อจ่ายแก่ผู้รับเหมาทำถนนในขณะที่ถนนยังไม่เสร็จ แต่เบิกมาเพื่อจะจ่ายให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปได้และจำเลยจ่ายเงินแก่ผู้รับเหมาไปแล้วนั้น แม้ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าทำตามคำแนะนำของนายอำเภอและไม่เป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับโทษ แต่ก็แสดงว่าจำเลยกระทำไปโดยขาดเจตนาที่จะแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน จึงไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จและเหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องถึงจำเลยคนอื่นซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วได้
เมื่อจำเลยรับเงินมาจ่ายให้ผู้รับเหมาแล้วได้ละเว้นไม่ดำเนินการให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปให้เสร็จตามสัญญา เป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยผู้รับเหมาได้รับเงินมากกว่าที่ควรจะได้ จึงเป็นการกระทำโดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
เมื่อจำเลยรับเงินมาจ่ายให้ผู้รับเหมาแล้วได้ละเว้นไม่ดำเนินการให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปให้เสร็จตามสัญญา เป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยผู้รับเหมาได้รับเงินมากกว่าที่ควรจะได้ จึงเป็นการกระทำโดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานละเว้นหน้าที่-แจ้งความเท็จ โครงการพัฒนาท้องถิ่น: เจตนาและประโยชน์ที่มิควรได้
กำนันถูกแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการโครงการสร้างถนนเข้าหมู่บ้านเป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457เบิกเงินมาเพื่อจ่ายแก่ผู้รับเหมาทำถนนในขณะที่ถนนยังไม่เสร็จ แต่เบิกมาเพื่อจะจ่ายให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปได้ มิฉะนั้นจะต้องส่งเงินคืนคลังกำนันจ่ายเงินแก่ผู้รับเหมาไปแล้วดังนี้ ขาดเจตนาแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 เป็นเหตุในลักษณะคดีใช้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213, 225 แต่เมื่อรับเงินมาแล้วกำนันละเว้นไม่ดำเนินการให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปให้เสร็จตามสัญญา เป็นการทุจริตให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จต้องมีเจตนา - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59
ความผิดฐานแจ้งความเท็จมิได้อยู่ในข้อยกเว้นของ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 ที่ว่าเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยแจ้งชัด ให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา ฉะนั้น จำเลยจะมีความผิดก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนาคือแจ้งโดยรู้อยู่แล้วว่าความที่แจ้งนั้นเป็นความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชัดเจน ขาดรายละเอียดสำคัญ ศาลยกฟ้องและไม่รับอุทธรณ์ความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานรีดเอาทรัพย์และฉ้อโกง โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกรวม 4 คนได้ข่มขืนใจโจทก์ให้ยอมให้หรือยอมจะให้ ธนาคารกสิกรไทยจำกัด สาขาน่าน ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่ว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยการขู่และหลอกลวงดังกล่าวทำให้โจทก์จำต้องทำเอกสารสิทธิคือหนังสือรับสภาพหนี้ 1 ฉบับ รับว่าจะชำระเงินให้ธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาน่าน จำนวน 80,000 บาท ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าว ความลับซึ่งการเปิดเผยจะทำให้โจทก์เสียหายนั้นเป็นความลับเรื่องใดหาปรากฏไม่ และที่กล่าวหาว่าจำเลยฉ้อโกง หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งนั้น ข้อความใดเป็นความเท็จและความจริงเป็นอย่างไรก็มิได้ปรากฏในคำบรรยายฟ้อง ฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุมไม่บรรยายมาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
การอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นต้องอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ด้วย
การอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนั้นต้องอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1544/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการบังคับใช้กฎหมาย
จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมว่า ใบอนุญาตขับรถของจำเลยหายพร้อมกับแสดงสำเนาใบแจ้งความ ซึ่งความจริงใบอนุญาตขับรถของจำเลยมิได้หาย หากแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้ก่อนแล้ว ดังนี้ การแจ้งความเท็จของจำเลยมีเจตนาให้พ้นจากการจับกุมไม่ต้องถูกดำเนินคดี ทำให้กรมตำรวจ พนักงานสอบสวนผู้มีหน้าที่สอบสวนได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเพื่อแกล้งผู้อื่น: การลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ประกอบ มาตรา 174
จำเลยไม่เห็น ส. ใช้อาวุธปืนยิงจำเลย การที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ส. ลงจากรถตรงเข้าใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปตรงที่จำเลยนอนอยู่ 2 นัดนั้น เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวน เพื่อจะแกล้ง ส.ให้ต้องรับโทษ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 174 วรรคสอง การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ใช้บทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลย แต่เป็นกรณีที่ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ประกอบด้วยเหตุที่ต้องระวางโทษหนักขึ้นตามมาตรา 174 วรรคสอง