พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4159/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท: โจทก์มีสิทธิดีกว่าจำเลย แม้ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน
โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยแล้วได้เข้าครอบครองที่ดินและชำระภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมา โจทก์จึงได้สิทธิครอบครอง เมื่อโจทก์อนุญาตให้จำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาท จำเลยจะครอบครองที่ดินพิพาทนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองแม้ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โจทก์เพียงอ้างสิทธิครอบครองใช้ยันกับรัฐไม่ได้เท่านั้น แต่ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655-2656/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเช็คพิพาทจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยเกินอัตรา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่โจทก์รับเช็คพิพาทจาก ช. เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมซึ่งมีดอกเบี้ยที่โจทก์คิดเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้กระทำความผิดในส่วนของดอกเบี้ยที่โจทก์คิดเกินอัตราตามกฎหมาย แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท ก็จะถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทมาฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655-2656/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดฐานเช็คเด้งเมื่อมีส่วนผิดคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่โจทก์รับเช็คพิพาทจากช. เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมซึ่งมีดอกเบี้ยที่โจทก์คิดเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วยถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้กระทำความผิดในส่วนของดอกเบี้ยที่โจทก์คิดเกินอัตราตามกฎหมายแม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทก็จะถือว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายไม่ได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทมาฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความดอกเบี้ยจำนอง: ศาลยืนตามอุทธรณ์ โจทก์ยกอายุความดอกเบี้ยได้ ผู้รับจำนองเรียกดอกเบี้ยเกิน 5 ปีไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้ติดต่อขอไถ่จำนองจากจำเลยที่1และที่2และได้นำต้นเงินกู้ยืมไปวางไว้ณสำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์และแจ้งให้จำเลยทราบแล้วตามใบเสร็จรับเงินซึ่งตามรายการวางทรัพย์เมื่อคำนวณแล้วจะเป็นต้นเงินและรวมดอกเบี้ยค้างชำระ5ปีพอดีย่อมแสดงว่าโจทก์ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในเรื่องดอกเบี้ยให้ปรากฎอยู่ในคำฟ้องแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา189(เดิม)ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจากทรัพย์สินที่จำนองได้แม้ว่าสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความแล้วก็ตามแต่จะใช้สิทธินั้นบังคับให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างย้อนหลังเกิน5ปีขึ้นไปไม่ได้เมื่อโจทก์ยกอายุความเรียกดอกเบี้ยขึ้นต่อสู้แล้วจำเลยที่2ในฐานะผู้จัดการมรดกของอ. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เงินกู้และผู้รับจำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันจะเรียกดอกเบี้ยจากโจทก์เกิน5ปีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญญาเช่าซื้อ: การมอบอำนาจไม่ถูกต้องทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
หนังสือมอบอำนาจซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่19มิถุนายน2532ระบุว่ากรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์คือบ.และช.แต่หนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครซึ่งออกให้เมื่อวันที่9กุมภาพันธ์2536ไม่ปรากฏชื่อของบ. และช. ว่าเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ส่วนหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครที่ออกให้เมื่อวันที่19สิงหาคม2535แม้มีชื่อช. และบ. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อแทนโจทก์แต่ก็ระบุไว้ว่าเป็นกรรมการผู้ลงลายมือชื่อแทนโจทก์ระหว่างวันที่30กรกฎาคม2533ถึงวันที่4กรกฎาคม2534เท่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าช. และบ. มอบอำนาจให้ส. และท.มีอำนาจกระทำการลงลายมือชื่อแทนโจทก์ในขณะจำเลยที่1และที่2ทำสัญญากับโจทก์ส. และท. จึงมิใช่ผู้มีอำนาจกระทำการลงลายมือชื่อแทนโจทก์ในขณะที่โจทก์และจำเลยที่1และที่2ทำสัญญากันการที่ช. และบ. กระทำการลงลายมือชื่อแทนโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจที่มอบอำนาจให้ส. และท. เป็นผู้มีอำนาจลงนามเป็นคู่สัญญาแทนโจทก์ในสัญญาเช่าซื้อจึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจตามกฎหมายเป็นผลให้ส. และท.ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจลงนามในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจทำสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามสัญญาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันของคำพิพากษาและการบังคับคดี: โจทก์ไม่อาจฟ้องคดีใหม่เพื่อขัดขวางการบังคับคดีได้
ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคแรก บัญญัติให้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งนับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษาหรือมีคำสั่ง จนถึงวันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับ หรืองดเสีย ถ้าหากมี เมื่อโจทก์เห็นว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ถูกต้อง ก็ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาเพื่อให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกามีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขต่อไป สำหรับการบังคับคดีนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายชนะชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษานั้นได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 หากโจทก์ประสงค์จะขอให้งดการบังคับคดีไว้ก็ต้องยื่นคำร้องขอในคดีเดิม โจทก์ไม่อาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาหรือขอให้งดการบังคับคดีเป็นคดีใหม่ได้ เมื่อโจทก์ฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ได้ ก็ไม่อาจนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254มาใช้บังคับแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถและการพิสูจน์ข้อเท็จจริง โจทก์นำสืบต่างจากให้การ จำเลยไม่โต้แย้ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง โดยเร่งความเร็วแซงรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายเป็นผู้ขับโดยมิได้ให้สัญญาณเตือน ขณะนั้นมีรถยนต์ขับสวนมา จำเลยไม่สามารถขับรถยนต์แซงรถจักรยานยนต์ของผู้ตายได้พ้น จำเลยบังคับรถยนต์ของตนหลบรถยนต์ที่แล่นสวนทางมา เป็นเหตุให้รถยนต์ของจำเลยเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับ แต่ในชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ผู้ตายจอดรถจักรยานยนต์อยู่ที่ริมถนนด้านซ้ายมือเพื่อจะข้ามถนนไปเติมน้ำมัน ข้อแตกต่างดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียด ไม่ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธลอย ๆ จึงมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากพฤติการณ์พิเศษ – โจทก์ต้องพิสูจน์ความเสียหายเฉพาะเจาะจง
โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า การที่จำเลยไม่ชำระเงินค่าไม้สักแปรรูปแก่โจทก์ ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์อันจะพึงได้รับอีกวันละ 10,000 บาทเป็นกรณีที่โจทก์เรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ ซึ่งจำเลยต้องได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นถึงพฤติการณ์พิเศษที่เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์ดังกล่าวแต่อย่างใด คงนำสืบแต่เพียงว่าเหตุที่โจทก์เรียกค่าเสียหายวันละ 10,000 บาทเพราะไม้สักแปรรูปเป็นไม้ราคาแพง จำเลยนำออกขายตามท้องตลาดได้ถึงคิวปิกเมตรละ30,000 บาทเศษ เท่านั้น ซึ่งหาใช่ความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166-168/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากคำแก้ฎีกาของจำเลยไม่ชัดแจ้งถึงข้อเคลือบคลุมของฎีกาโจทก์
จำเลยที่3แก้ฎีกาว่าฎีกาโจทก์ข้อ2และข้อ3เป็นฎีกาที่ไม่แสดงแจ้งชัดแห่งข้อหาเป็นฎีกาเคลือบคลุมศาลฎีกาไม่สมควรวินิจฉัยฎีกาของโจทก์เห็นว่าคำแก้ฎีกาของจำเลยที่3มิได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำแก้ฎีกาว่าฎีกาของโจทก์ดังกล่าวเคลือบคลุมส่วนใดอย่างไรจึงเป็นคำแก้ฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามคำแก้ฎีกาของจำเลยที่3ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสอง,246,247ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสของจำเลยไม่ถือเป็นเนรคุณโจทก์ ไม่ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงร้ายแรง
การที่จำเลยไปสมรสกับหญิงอื่นไม่ได้เป็นเหตุผลที่จะแสดงว่าโจทก์เป็นคนไม่ดีแต่อย่างใด ทั้งไม่ปรากฏว่าการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงถึงขนาดจะถอนคืนการให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) ได้ การกระทำของจำเลยจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์