คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โทษจำคุก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3292/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงดุลพินิจศาลในข้อเท็จจริง และการขอรอการลงโทษในความผิดที่มีโทษจำคุกเกินห้าปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดในข้อหาปลอมเอกสารตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 265 ให้จำคุก 2 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 จำคุก 1 ปี เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มิได้แก้ บทมาตราแห่งความผิด เพียงแต่ ปรับบทกฎหมายที่ลงโทษให้ถูกต้อง และยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาปลอมเอกสารตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า คำพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดข้อหานี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ หรือลงโทษสถานเบาในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อความผิดข้อหานี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อกันในคดีความผิดหลายกระทงที่เกี่ยวพันกัน ศาลต้องคำนึงถึงเพดานโทษรวมตามกฎหมาย
คดีแรกที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วและคดีนี้ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นับโทษต่อจากคดีแรกนั้น เป็นความผิดซึ่งเกิดในคราวเดียวกัน ลักษณะและพฤติการณ์แห่งคดีเหมือนกัน เจ้าพนักงานจับกุมในคราวเดียวกันและผู้เสียหายคนเดียวกัน ทั้งความผิดทั้งสองสำนวนเกิดขึ้นและปรากฏต่อพนักงานสอบสวนก่อนวันที่จำเลยถูกจับกุมในคดีนี้ เห็นได้ว่าโจทก์อาจยื่นฟ้องจำเลยทุกกระทงความผิดเป็นสำนวนเดียวกันได้ กรณีเช่นนี้ศาลลงโทษจำคุกจำเลยได้ไม่เกินยี่สิบปี แม้ว่าโจทก์จะแยกฟ้องจำเลยเป็นสองสำนวนและขอให้นับโทษต่อกันก็ตาม แต่เมื่อรวมโทษที่จำเลยจะได้รับแล้วต้องไม่เกินยี่สิบปี เมื่อคดีนี้ศาลลงโทษจำเลยทุกกรรมโดยจำคุกจำเลยเต็มตามที่กฎหมายกำหนดแล้วศาลจะนับโทษจำเลยต่อจากคดีแรกไม่ได้
เมื่อปรากฏจากคำฟ้องว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยไม่ถูก ควบคุมในคดีนี้ แต่ถูกคุมขังในคดีแรก การคำนวณระยะเวลาจำคุกในคดีนี้ต้องหักจำนวนวันที่จำเลยถูก คุมขังในคดีแรกจากระยะเวลาจำคุก 20 ปี ในคดีนี้ เพื่อมิให้จำเลยต้องรับโทษจำคุกเกินกำหนด 20 ปี ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
แม้คดีนี้จะถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วก็ตาม เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษในคดีแรกเกินกว่า 20 ปี อันไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้นับโทษจำเลยทั้งสองคดีติดต่อกันให้ถูกต้อง ศาลก็มีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้ลงโทษจำเลยทั้งสองคดีติดต่อกันไม่เกิน 20 ปีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2279/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฝ่าฝืนคำสั่งหยุดโรงงานก่อความเดือดร้อน เสื่อมเสียสุขภาพประชาชน ศาลยืนโทษจำคุก
ตาม พ.ร.บ. โรงงานฯ มาตรา 36 ที่แก้ไขแล้วให้อำนาจอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม กฎหมาย ออกคำสั่งให้จำเลยหยุดประกอบกิจการโรงงานในส่วนหลอมโลหะทั้งหมดเพื่อขจัดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องมาจากกลิ่นเหม็นและเขม่า ควันของโรงงานซึ่งรบกวนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้ การที่จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยยังคงดำเนินกิจการต่อไปอีกนานถึง 2 เดือนเศษ เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านใกล้เคียงแสดงว่าจำเลยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน การใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษจึงเหมาะสมแก่รูปคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจากครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเพียงครอบครอง ศาลฎีกาไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐาน มีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76ลดโทษแล้วจำคุก 2 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษฐาน มีกัญชาไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาตตาม มาตรา 76 วรรคแรกซึ่ง เป็นมาตราเดียว กัน ลดโทษแล้วคงจำคุก 1 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้าม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แม้จะแก้คำพิพากษา
การที่จะพิจารณา ว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ต้องถือโทษที่ศาลลงแก่จำเลยเป็นรายกระทงไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด2 กระทง แต่ละกระทงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน10,000 บาท แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ระบุวรรคตอนของบทมาตราที่เป็นความผิดและบทลงโทษให้ชัดเจน กับแก้ โทษจำคุกให้น้อยลงโดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลย ก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219.
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลิตเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐานซ้ำหลังเคยถูกตัดสินโทษ และหลีกเลี่ยงการรับโทษตามคำพิพากษา ศาลฎีกายืนโทษจำคุก
จำเลยที่ 2 ผลิตเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานเป็นจำนวนมากโดยหลีกเลี่ยงและฝ่าฝืนต่อกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยหรือเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชน นับได้ว่าเป็นภยันตรายต่อประชาชนและอาจเป็นเหตุให้ประชาชนขาดความนิยมเชื่อถือ อันจะก่อให้เกิดความไม่มั่นคงในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเหล็กเส้นซึ่งเป็นผลเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศ ทั้งจำเลยที่ 2 เคยผลิตเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐานจนถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นหมายนัดจำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จำเลยที่ 2 หลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นต้องออกหมายจับและก็ยังไม่ได้ตัวจำเลยที่ 2 มารับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 2.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยที่เป็นข้าราชการ/พนักงานรัฐในคดีจำหน่ายยาเสพติด: การใช้ดุลพินิจลงโทษประหารชีวิต
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ มาตรา 100 บัญญัติว่าถ้าผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการหรือพนักงานขององค์การและหน่วยงานของรัฐ จะต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 ร่วมกันกระทำความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนมีปริมาณเกินกว่า 100 กรัม ซึ่งตามมาตรา 66 วรรคสองมีโทษสองสถานคือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตเมื่อศาลใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกตลอดชีวิตแก่จำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 6 แล้ว การที่ศาลกำหนดโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ที่ 7 และที่ 8 ซึ่งเป็นข้าราชการและพนักงานองค์การและหน่วยงานของรัฐ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษให้สูงกว่าโทษของจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 6 นั่นเอง หาใช่เป็นการเปลี่ยนโทษหรือเพิ่มโทษจากจำคุกตลอดชีวิตเป็นประหารชีวิตไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็ค 3 ฉบับ ถือเป็นความผิด 3 กระทง แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินไม่พร้อมกัน การคำนวณโทษจำคุกต้องใช้หลักเกณฑ์ประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยสั่งจ่ายเช็ค 3 ฉบับ ลงวันที่สั่งจ่ายต่างกัน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ในวันที่ 30มิถุนายน 2529 ครั้งหนึ่งและปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 3ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2529 อีกครั้งหนึ่ง แม้ธนาคารตามเช็คจะปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ในวันเดียวกันก็ต้องถือว่าจำเลยกระทำความผิดในการออกเช็คฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2ต่างกรรม ต่างวาระกัน การกระทำของจำเลยในการออกเช็ค 3 ฉบับจึงเป็นความผิด 3 กระทง ศาลลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 8 เดือน รวม 3 กระทง ต้องกำหนดโทษเป็นจำคุก 24 เดือน ไม่ใช่ 2 ปี เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 12 เดือน ไม่ใช่ 1 ปีเพราะการวางโทษจำคุกเป็นปี ทำให้จำเลยเสียเปรียบต้องรับโทษมากกว่าการวางโทษจำคุกเป็นเดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อเมื่อศาลมิได้รวมการพิจารณาคดี และโทษจำคุกในแต่ละคดีเต็มตามกฎหมาย ทำให้จำเลยได้รับโทษเกินกำหนด
คดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อโจทก์อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ ถ้าโจทก์ยกฟ้องและศาลสั่งให้พิจารณารวมกันศาลลงโษได้ไม่เกินกำหนดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 หากศาลมิได้สั่งให้พิจารณารวมกันและลงโทษทุกกรรมเต็มตามกำหนดในมาตราดังกล่าวทั้งสองสำนวน ศาลก็จะนับโทษต่อไม่ได้ เมื่อคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลจำคุก 20 ปีเต็มตามกำหนดในมาตรา91 คดีถึงที่สุดแล้ว และคดีนี้ศาลก็จำคุก 20 ปี ดังนี้ นับโทษต่อไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5739/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมคำฟ้องกรณีเคยต้องโทษจำคุกรอการลงโทษ ศาลต้องสอบถามจำเลยก่อนรับฟังการรับสารภาพ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาลักทรัพย์ จำเลยให้การรับสารภาพระหว่างนัดฟังคำพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องโดยขอให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในในอีกคดีหนึ่งมาบวกด้วยศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและสำเนาคำร้องให้จำเลย แต่ไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยและส่งสำเนาคำร้องให้จำเลย ดังนี้ข้อที่จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษและรอการลงโทษในอีกคดีหนึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่แยกได้ต่างหากจากที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำความผิดซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความตามคำร้อง หากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลจดไว้ยังไม่ชัดแจ้งโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลสอบจำเลยเพิ่มเติมหรือแถลงขอสืบพยานต่อไป เมื่อโจทก์มิได้ดำเนินการอย่างใดจนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้วจะอ้างว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่ชอบหาได้ไม่ คดีไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการดังกล่าว
of 51