พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีอาญา: ใช้กฎหมายที่ใช้ขณะกระทำผิด และอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้อง
ถ้าอายุความฟ้องคดีอาญาขณะกระทำผิดแตกต่างกับขณะฟ้อง ต้องใช้อายุความที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดบังคับ
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้น ขาดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้น ขาดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีอาญา: ใช้กฎหมายที่ใช้ ณ เวลาทำผิด และมาตรา 80 อยู่ในบังคับมาตรา 78
ถ้าอายุความฟ้องคดีอาญาขณะกระทำผิดแตกต่างกับขณะฟ้องต้องใช้อายุความที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดบังคับ
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้นจะขาดอายุความ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้นจะขาดอายุความ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาในคดีอาญา: การฎีกาข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยังไม่ยกฟ้อง และขอบเขตการฎีกาในความผิดที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามฐานฆ่าคนและพยายามฆ่าคนโดยทำร้ายผู้เสียหาย 3 คน ในคดีเดียวกัน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายกฟ้อง คงลงโทษจำเลยที่ 1-2 ฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 2 คนถึงสาหัส มีกำหนดโทษจำคุก 7 ปี คู่ความย่อมฎีกาข้อเท็จจริงในความผิดฐานฆ่าคนได้ เมื่อฎีกาข้อเท็จจริงได้แล้ว ข้อหาว่าจำเลยพยายามฆ่านายแต้ม ซึ่งเป็นผู้เสียหายคนหนึ่งในคดี โจทก์ย่อมฎีกาได้ด้วย แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยมิได้ใช้ปื่นยิงอันเป็นการพยายามฆ่านายแต้มก็ดีแต่ศาลหาได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่ จึงไม่ต้องห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส จำคุก 7 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ จำคุก 2 ปี เป็นการแก้ไขมาก เพราะแก้โทษและแก้บท โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงสำหรับจำเลยนี้ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส จำคุก 7 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ จำคุก 2 ปี เป็นการแก้ไขมาก เพราะแก้โทษและแก้บท โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงสำหรับจำเลยนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเลื่อนคดีและตัดพยานเมื่อพยานไม่มาศาล และการพิจารณาความยุติธรรมในคดีอาญา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 111 พยานได้รับหมายเรียกแล้วไม่มาศาล ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปและออกหมายจับก็ได้ บทบัญญัตินี้ให้อำนาจแก่ศาลจะหยิบยกขึ้นเอง โดยศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความร้องขอ คดีอาญาเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง สำหรับคดีนี้ ต้องเลื่อนคดีมาหลายครั้งก็จริง แต่โจทก์ก็พยายามที่จะเอาตัวพยานตลอดมา ถ้าจำเลยต้องขัง ศาลฎีกาก็เห็นควรตัดพยานโจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยมีประกันตัวไป หากจะให้เลื่อนก็ไม่ลำบากแก่จำเลยและไม่เสียความยุติธรรม เมื่อพิจารณาถึงข้อนี้ประกอบพฤติการณ์ต่าง ๆ ในสำนวน ควรให้โอกาศโจทก์เลื่อนการพิจารณาไปอีกครั้งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเลื่อนคดีและตัดพยานเมื่อพยานไม่มาศาล – คดีอาญา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 111 พยานได้รับหมายเรียกแล้วไม่มาศาล ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปและออกหมายจับก็ได้บทบัญญัตินี้ให้อำนาจแก่ศาลจะหยิบยกขึ้นเองโดยศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความร้องขอ คดีอาญาเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง สำหรับคดีนี้ต้องเลื่อนคดีมาหลายครั้งก็จริง แต่โจทก์ก็พยายามที่จะเอาตัวพยานตลอดมา ถ้าจำเลยต้องขัง ศาลฎีกาก็เห็นควรตัดพยานโจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยมีประกันตัวไป หากจะให้เลื่อนก็ไม่ลำบากแก่จำเลยและไม่เสียความยุติธรรม เมื่อพิจารณาถึงข้อนี้ประกอบพฤติการณ์ต่างๆ ในสำนวน ควรให้โอกาสโจทก์เลื่อนการพิจารณาไปอีกครั้งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการฟ้องคดีอาญาแทนกันได้ ผู้เสียหายมอบอำนาจได้ทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา
ผู้เสียหายไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา ย่อมมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอาญาแทนได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2503) (ดูเทียบกับฎีกาที่ 755/2502 ซึ่งวินิจฉัยว่า การร้องทุกข์นั้น ย่อมมอบอำนาจให้ร้องทุกข์แทนกันได้)
้เมื่อผู้เสียหายมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอาญาแล้ว ผู้ที่รับมอบอำนาจก็ย่อมลงชื่อในฟ้องแทนโจทก์ได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 158 ข้อ (7)
้เมื่อผู้เสียหายมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอาญาแล้ว ผู้ที่รับมอบอำนาจก็ย่อมลงชื่อในฟ้องแทนโจทก์ได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 158 ข้อ (7)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยในคดีอาญา มีสิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แม้ไม่ต่อสู้คดี หรือซักค้านพยานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคน แม้ว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธลอย ๆ และจำเลยไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องป้องกันตัว จำเลยก็นำสืบในเรื่องป้องกันตัวได้ เพราะกระบวนพิจารณาความในคดีอาญาต่างกับในคดีแพ่ง ในคดีอาญา จำเลยไม่ยอมให้การอย่างใดเลย ก็ไม่เป็นไรและไม่ว่าจำเลยจะให้การต่อสู้อย่างไร หรือไม่ให้การเลย ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องก่อนเสมอไป และหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ เมื่อเป็นดังนี้ จำเลยในคดีอาญาจึงมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ของจำเลยได้โดยไม่จำเป็นต้องให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ และไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบต่อไปไว้เลยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยในคดีอาญา มีสิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แม้ไม่ให้การต่อสู้ หรือซักค้านพยานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคน แม้ว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธลอยๆ และจำเลยไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องป้องกันตัว จำเลยก็นำสืบในเรื่องป้องกันตัวได้ เพราะกระบวนพิจารณาความในคดีอาญาต่างกับในคดีแพ่ง ในคดีอาญาจำเลยไม่ยอมให้การอย่างใดเลย ก็ไม่เป็นไรและไม่ว่าจำเลยจะให้การต่อสู้อย่างไรหรือไม่ให้การเลย ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องก่อนเสมอไป และหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ เมื่อเป็นดังนี้จำเลยในคดีอาญาจึงมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้และไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบต่อไปไว้เลยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงยกฟ้องคดีอาญาหากไต่สวนแล้วเห็นว่าไม่มีมูลตามกฎหมาย
ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาเกินอำนาจต่อศาลแขวง ๆ ไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ไม่มีมูลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงฯ ศาลแขวงก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงยกฟ้องคดีอาญาที่ศาลเห็นว่าไม่มีมูลตามกฎหมาย
ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาเกินอำนาจต่อศาลแขวงศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าไม่มีมูลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ ศาลแขวงก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์เสียได้