พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของ ผวจ. และการใช้ข้อเท็จจริงจากคดีอาญาในคดีแพ่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะที่เป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่ราชการในขอบเขตแห่งวงหน้าที่ราชการ ย่อมมีอำนาจเป็นคู่ความในศาลได้ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าง ปลัดจังหวัดเป็นผู้รักษาการแทนปลัดจังหวัดก็ย่อมเป็นบุคคลที่จะเป็นโจทก์ ฟ้องร้องได้ในฐานเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 47 ที่ว่า คำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง นั้น ไม่ได้หมายถึงว่า จะไปกลับข้อเท็จจริงที่จำต้องรับฟังคำพิพากษาในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ได้ด้วย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 47 ที่ว่า คำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง นั้น ไม่ได้หมายถึงว่า จะไปกลับข้อเท็จจริงที่จำต้องรับฟังคำพิพากษาในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของข้าราชการ & ผลคดีอาญาที่มีผลผูกพันคดีแพ่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะที่เป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่ราชการในขอบเขตแห่งวงหน้าที่ราชการ ย่อมมีอำนาจเป็นคู่ความในศาลได้เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าง ปลัดจังหวัดเป็นผู้รักษาการแทนปลัดจังหวัดก็ย่อมเป็นบุคคลที่จะเป็นโจทก์ฟ้องร้องได้ในฐานเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47 ที่ว่าคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง นั้นไม่ได้หมายถึงว่าจะไปกลับข้อเท็จจริงที่จะต้องรับฟังตามคำพิพากษาในคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ได้ด้วย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47 ที่ว่าคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง นั้นไม่ได้หมายถึงว่าจะไปกลับข้อเท็จจริงที่จะต้องรับฟังตามคำพิพากษาในคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยที่ยังไม่เคยถูกฟ้องในคดีการพนัน แม้จะมีจำเลยอื่นถูกฟ้องไปแล้ว ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ และจำเลยต้องพิสูจน์ตนเอง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับจำเลยในคดีที่ศาลพิพากษาไปแล้ว เล่นการพนันไพ่ผ่องไทยโดยไม่ได้รับอนุญาติ ดังนี้ ถือว่า จำเลยที่โจทก์ฟ้องนี้ ยังมิได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด ประการใด เพราะจำเลยยังไม่เคยถูกฟ้อง โจกท์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยยังไม่เคยถูกฟ้อง โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยในคดีนี้ได้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยอยู่ในวงเล่นการพนันแล้ว คดีก็เข้าอยู่ในข้อสันนิษฐาน ของ พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 6 เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสือหักล้าง
เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยอยู่ในวงเล่นการพนันแล้ว คดีก็เข้าอยู่ในข้อสันนิษฐาน ของ พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 6 เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสือหักล้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697-698/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คดีอาญา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินอำนาจ
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวง เมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้ว โจทก์อุทธรณ์ทั้งปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ขึ้นมาดังนี้ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะชี้ขาดเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้นการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงลงโทษจำเลย จึงเป็นการมิชอบ เพราะปัญหาข้อเท็จจริงยุติแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยการฟ้องด้วยวาจาและรายละเอียดบาดเจ็บสาหัสเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาและศาลบันทึกไว้ว่า จำเลยได้ขับรถยนต์ ชนนายอุ้นไก่ ซึ่งขับรถจักรยานยนต์สวนทางมา ล้มลงบาดเจ็บสาหัส รักษา 45 วันหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 300 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องด้วยวาจา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา ม.297 แล้ว ศาลจึงบันทึกไว้เช่นนั้น(อ้างฎีกาที่ 1121/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง แต่พนักงานอัยการสั่งฟ้อง
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวงพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องและจำเลยมีประกันตัว แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง ดังนี้ กรณีต้องบังคับด้วยมาตรา 10 (2) และ 12 เท่านั้น หาตกอยู่ในบังคับมาตรา 7 และ 9 ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง: การบังคับใช้มาตรา 10(2) และ 12 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวงพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องและจำเลยมีประกันตัว แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องดังนี้ กรณีต้องบังคับด้วยมาตรา 10(2) และ 12 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯเท่านั้นหาตกอยู่ในบังคับมาตรา 7 และ 9 ไม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่เกิดเหตุในคดีอาญา ไม่ต้องตรงกันทุกประการ หากไม่กระทบสาระสำคัญของข้อกล่าวหา และจำเลยไม่หลงต่อสู้
การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดหนองคายในข้อหาพาคนต่างด้าวหลบหนี้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยจำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ แม้ทางพิจารณาปรากฏว่าจับจำเลยได้ที่ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องว่าจำเลยไม่พาคนต่างด้าวไปผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุด ซึ่งทางพิจารณาได้ความว่าเป็นตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดหนองคายเช่นนี้ถือว่าในข้อสถานที่เกิดเหตุทางพิจารณาไม่แตกต่างกับที่โจทก์บรรยายในฟ้องในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใดลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องคดีอาญา: รายละเอียดทรัพย์สินที่ผิดพลาดไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
ฟ้องของโจทก์ ข้อ 1 กล่าวว่า จำเลยลักกระบือ แต่ในฟ้อง ข้อ 2 กล่าวว่า มีผู้พบเห็นจำเลยพาโคของผู้เสียหายไป หรือทำการลักโคของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยให้การแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้รายการทรัพย์จากกระบือเป็นโค โดยอ้างว่าพิมพ์ผิด ดังนี้ เห็นว่าไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี เพราะเป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้อง และโจทก์ได้ขอแก้ ฟ้องก่อนศาลทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยย่อมมีโอกาสต่อสู้คดีได้เต็มภาคภูมิตาม ป.วิ.อ. มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งมีผลระงับสิทธินำคดีอาญาฐานออกเช็คไม่มีเงินได้ เนื่องจากเป็นความผิดต่อส่วนตัว
จำเลยออกเช็คครั้งแรกสั่งจ่ายเมื่อครบ 10 เดือน ครั้นถึงกำหนดธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินในบัญชี ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงิน แต่มีคนไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายจึงให้จำเลยผัดไปอีก 6 เดือน โดยจำเลยออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหาย ครั้นถึงกำหนดขึ้นเงินเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหาย ครั้นถึงกำหนดขึ้นเงินเช็คฉบับใหม่ธนาคารก็ปฏิเสธไม่จ่ายเงินอีกเพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคาร ผู้เสียหายจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค ในคดีแพ่ง คู่ความทำยอมกันโดยจำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ภายใน 15 วัน ในวันเดียววันนั้นเอง ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้ อัยการโจทก์จะมาฟ้องจำเลย ในกรณีเดียวกันนี้เป็นคดีอาญาฐานออกเช็คไม่มีเงินตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ อีกหาได้ไม่ เพราะคดีนี้เกี่ยวกับความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในทางอาญา แต่ก็ปรากฏว่า ผู้เสียหายเคยร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ผู้เสียหายก็ตกลงให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่ ครั้นไม่ได้รับชำระอีก ผู้เสียหายก็ฟ้องเป็นคดีแพ่ง ไม่ได้ดำเนินทางอาญา ต่อมาได้
ตกลงประนีประนอมยอมความกันให้จำเลยชำระเงินภายใน 15 วัน นับจากวันทำยอมในคดีแพ่ง แม้ในสัญญายอมตามที่ผู้เสียหายและจำเลยกระทำกันในคดีแพ่งนี้จะไม่ได้พูดถึงทางอาญาเลย แต่ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้เสียหายและจำเลยได้ปฏิบัติต่อกันมาดังกล่าว ย่อมมุ่งหมายจะให้ระงับคดีในทางอาญาด้วย ฉะนั้น แม้ผู้เสียจะไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ครายนี้ แก่จำเลยอีกก็ตาม แต่เมื่อกรณีออกเช็คไม่มีเงินนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว การที่ผู้เสียหายกับจำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันในกรณีนี้ จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญารายนี้มาฟ้องจึงระงับไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2503)
ตกลงประนีประนอมยอมความกันให้จำเลยชำระเงินภายใน 15 วัน นับจากวันทำยอมในคดีแพ่ง แม้ในสัญญายอมตามที่ผู้เสียหายและจำเลยกระทำกันในคดีแพ่งนี้จะไม่ได้พูดถึงทางอาญาเลย แต่ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้เสียหายและจำเลยได้ปฏิบัติต่อกันมาดังกล่าว ย่อมมุ่งหมายจะให้ระงับคดีในทางอาญาด้วย ฉะนั้น แม้ผู้เสียจะไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ครายนี้ แก่จำเลยอีกก็ตาม แต่เมื่อกรณีออกเช็คไม่มีเงินนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว การที่ผู้เสียหายกับจำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันในกรณีนี้ จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญารายนี้มาฟ้องจึงระงับไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2503)