พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,604 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยเกินอัตราและนิติกรรมอำพราง: การกู้เงินที่มีข้อตกลงให้ชำระหนี้สูงเกินจริง
การกู้เงินกันรายเดียว แต่ทำหนังสือเป็นหลักฐานสองฉบับโดยผู้ให้กู้ให้ผู้กู้ยืมเงิน 7,000 บาท และตกลงกันว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดให้ผู้ให้กู้ฟ้องเอาได้14,000 บาทนั้น เห็นได้ว่าประโยชน์ที่ผู้ให้กู้ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควร จึงเป็นการที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายการเรียกดอกเบี้ยและกำไรอื่นจึงเป็นโมฆะ ผู้กู้จึงยังคงต้องรับผิดเฉพาะเงินต้น 7,000 บาทที่กู้ไปเท่านั้นส่วนผู้ค้ำประกันเงินกู้ 14,000บาท มิใช่ค้ำประกันเงินกู้ 7,000 บาทจึงหาต้องรับผิดด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องเพื่อชำระหนี้: สิทธิเรียกร้องตกเป็นของผู้รับโอน แม้ยังไม่ถึงกำหนดรับเงิน และไม่มีเจตนาทุจริต
จำเลยทำหนังสือสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องของจำเลยในเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างอาคารให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้โดยบอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องนั้นและได้รับความยินยอมแล้วสิทธิที่จะได้รับเงินค่าจ้างเหมาจึงตกเป็นของผู้ร้องและขาดจากการเป็นสิทธิหรือทรัพย์สินของจำเลย แม้ว่าขณะโอนสิทธิเรียกร้องจะยังไม่ถึงกำหนดงวดที่จำเลยจะได้รับเงินตามสัญญาจ้างเหมาก็ตาม และเมื่อไม่ปรากฏว่าในขณะโอนผู้ร้องได้รู้ถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้เจ้าหนี้อื่นรวมทั้งโจทก์ต้องเสียเปรียบโจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะขอให้ศาลอายัดเงินจำนวนนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้จากการกู้ยืมเงิน ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืม หรือมีการเวนคืน/แทงเพิกถอนสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้โจทก์จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระเงินกู้ให้โจทก์แล้วและฟ้องแย้งเรียกเงินที่ชำระเกินคืนจากโจทก์ด้วย เช่นนี้ เมื่อหนังสือสัญญากู้ยังอยู่ที่โจทก์ โดยยังมิได้แทงเพิกถอนในเอกสารว่าได้มีการชำระหนี้หรือมีเอกสารที่มีลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้กู้มาแสดง ย่อมจะฟังว่าจำเลยได้ชำระเงินกู้แก่โจทก์แล้วหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 513/2501)
(อ้างฎีกาที่ 513/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามสัญญากู้ จำเป็นต้องมีหลักฐานการรับเงินที่ชัดเจนจากผู้ให้กู้ หรือการเวนคืน/แทงเพิกถอนสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระเงินกู้ให้โจทก์แล้วและฟ้องแย้งเรียกเงินที่ชำระเกินคืนจากโจทก์ด้วย เช่นนี้เมื่อหนังสือสัญญากู้ยังอยู่ที่โจทก์โดยยังมิได้แทงเพิกถอนในเอกสารว่าได้มีการชำระหนี้หรือมีเอกสารที่มีลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้กู้มาแสดงย่อมจะฟังว่าจำเลยได้ชำระเงินกู้แก่โจทก์แล้วหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 513/2501)
(อ้างฎีกาที่ 513/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายไม่จำเป็นต้องมีหนังสือ หากมีการวางเงินหรือชำระหนี้บางส่วนแล้ว
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 หาได้กำหนดว่าจะต้องมีหนังสือสัญญาซื้อขายจึงจะฟ้องร้องบังคับได้เสมอไปไม่ หากการซื้อขายมีการวางประจำหรือชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็ย่อมฟ้องร้องได้เช่นกัน
ในการับเงินค่ากระบือตามกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีใบรับเงินมาแสดง คู่กรณีย่อมนำพยานบุคคลมาสืบถึงการรับเงินกันได้
ในการับเงินค่ากระบือตามกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีใบรับเงินมาแสดง คู่กรณีย่อมนำพยานบุคคลมาสืบถึงการรับเงินกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ค่าจ้างเป็นหนี้เงินกู้ และข้อจำกัดการนำสืบการชำระหนี้
เมื่อมีหนี้ต่อกันแล้วคู่กรณีก็อาจแปลงหนี้อย่างหนึ่งเป็นหนี้อีกอย่างหนึ่งได้ในภายหลัง โจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้หนี้เงินค่าจ้างระหว่างโจทก์จำเลยผูกพันกันในรูปเป็นหนี้เงินกู้ โจทก์จำเลยจึงมีความผูกพันต่อกันในหนี้เงินกู้ ในการกู้ยืมที่มีหลักฐานเป็นหนังสือเมื่อจะนำสืบการใช้เงินต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วจะนำพยานบุคคลมาสืบถึงการใช้เงินนั้นไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิง: การสะดุดหยุดของอายุความเมื่อผู้ชำระหนี้ไม่ใช่จำเลย
เมื่อศาลเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทของโจทก์ จำเลยตามที่แถลงต่อศาลไม่จำเป็นจะต้องให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานมาสืบในประเด็นข้อใดอีกแล้วศาลก็มีอำนาจสั่งงดการนำพยานมาสืบ และชี้ขาดตัดสินไปได้
โจทก์เป็นบุคคลผู้เป็นพ่อค้า (ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง) ต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าน้ำมันที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์ภายในกำหนดอายุความ 2 ปีเว้นแต่จะมีเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อโจทก์ว่าผู้ที่ชำระหนี้ไม่ใช่จำเลย และไม่ยืนยันว่าผู้ชำระหนี้เป็นตัวแทนของจำเลย อันจะพอถือได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ก็ไม่มีเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง
โจทก์เป็นบุคคลผู้เป็นพ่อค้า (ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง) ต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าน้ำมันที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์ภายในกำหนดอายุความ 2 ปีเว้นแต่จะมีเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อโจทก์ว่าผู้ที่ชำระหนี้ไม่ใช่จำเลย และไม่ยืนยันว่าผู้ชำระหนี้เป็นตัวแทนของจำเลย อันจะพอถือได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ก็ไม่มีเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาใช้เช็ค - ไม่มีเจตนาชำระหนี้ ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยกู้เงิน และออกเช็คไว้ให้แทนสัญญากู้ ทั้งผู้ทรงเช็คและจำเลยต่างไม่ได้มีเจตนาจะให้ใช้เช็คนั้นเป็นการชำระหนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระหนี้ต้องมีเจตนาชัดเจน การฟ้องคดีไม่ใช่การผ่อนเวลา
การที่ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพนี้ และสัญญาจำชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาหนึ่ง โดยเจ้าหนี้มิได้ตกลงด้วยนั้น ไม่ผูกพันเจ้าหนี้
การที่เจ้าหนี้เพิ่งฟ้องคดี หาใช่เป็นการที่เจ้าหนี้แสดงเจตนาผูกนิติสัมพันธ์ยอมผ่อนเวลา (ขยายเวลา) ชำระหนี้อันมีกำหนดแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 ประการใดไม่ จึงไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากความรับผิด
การที่เจ้าหนี้เพิ่งฟ้องคดี หาใช่เป็นการที่เจ้าหนี้แสดงเจตนาผูกนิติสัมพันธ์ยอมผ่อนเวลา (ขยายเวลา) ชำระหนี้อันมีกำหนดแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 ประการใดไม่ จึงไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการเรียกคืนทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ถูกชำระหนี้หลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
ข้อที่ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเรียกเอาไปชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 109(3) จะต้องเป็นสิ่งของ ไม่ใช่ตัวเงินนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นแต่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวชั้นศาลอุทธรณ์แล้ว ย่อมอ้างอิงปัญหาข้อนี้ในชั้นฎีกาได้
แม้ว่าตัวเงินจะมิใช่สิ่งของ แต่เงินก็เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายตามมาตรา109(1) ฉะนั้น ถึงแม้ผู้ร้องจะเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนด้วย ก็ไม่มีอำนาจที่จะนำเงินของหุ้นส่วนซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเอาไปชำระหนี้บุคคลภายนอกโดยลำพังได้ ฉะนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ เพราะเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามมาตรา 109(1) ดังกล่าว
แม้ว่าตัวเงินจะมิใช่สิ่งของ แต่เงินก็เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายตามมาตรา109(1) ฉะนั้น ถึงแม้ผู้ร้องจะเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนด้วย ก็ไม่มีอำนาจที่จะนำเงินของหุ้นส่วนซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเอาไปชำระหนี้บุคคลภายนอกโดยลำพังได้ ฉะนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาคืนได้ เพราะเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามมาตรา 109(1) ดังกล่าว