พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่รับพิจารณาเนื่องจากเป็นการโต้แย้งดุลพินิจโทษของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 220
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี และปรับ 1,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นลงโทษจำคุก 1 ปีสถานเดียว และไม่รอการลงโทษ คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จำเลยจึงฎีกาในเรื่องดุลพินิจขอให้วางโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาลงโทษจำคุกเยาวชนเป็นส่งตัวไปฝึกอบรม และการฎีกาของโจทก์เมื่อศาลแก้ไขคำพิพากษามาก
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง แต่มีอายุ 15 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา75แล้วพิพากษา6ปีลดตามมาตรา 78 อีก 1 ใน 3 คงจำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรพิพากษาลงโทษจำคุกพิพากษาแก้เป็นว่าให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรม ณ สถานเยาวชนฯจนกว่าจะมีอายุ 18 ปี ตามมาตรา 75, 74(5) ดังนี้ เป็นการพิพากษาแก้มาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536-1540/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษปรับและคำขอให้ออกจากพื้นที่ป่าในคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย ไม่ต้องฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ปรับจำเลยเพียงแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกคำขอที่สั่งให้จำเลยออกไปจากป่าที่จำเลยยึดถือครอบครองเสียเท่านั้น คำขอส่วนนี้เป็นวิธีการอุปกรณ์ของโทษ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484มาตรา 72 ตรี ซึ่งศาลมีอำนาจใช้ ดุลพินิจสั่งได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ข้อนี้ย่อมถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย
ศาลอุทธรณ์มิได้แก้บทความผิดเพียงแต่แก้โทษปรับให้ต่ำกว่าที่ศาลชั้นต้นลงไว้ และมิได้วางโทษจำคุกแล้วรอไว้ดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษา กับแก้ในข้อที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยออกไปจากป่าที่จำเลยยึดถือครอบครองเป็นให้ยกเสีย ดังนี้ เป็นเพียงการแก้ไขเล็กน้อย
ศาลอุทธรณ์มิได้แก้บทความผิดเพียงแต่แก้โทษปรับให้ต่ำกว่าที่ศาลชั้นต้นลงไว้ และมิได้วางโทษจำคุกแล้วรอไว้ดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษา กับแก้ในข้อที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยออกไปจากป่าที่จำเลยยึดถือครอบครองเป็นให้ยกเสีย ดังนี้ เป็นเพียงการแก้ไขเล็กน้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 และ 69 การโต้แย้งข้อเท็จจริงในฎีกา
ที่จะเป็นป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ต้องมีองค์ประกอบสุดท้ายว่า ได้กระทำพอสมควรแก่เหตุด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยฟังว่าจำเลยกระทำเกินสมควรแก่เหตุตามมาตรา 69 จำเลยฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นต่างไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมาเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เช่นนี้ เป็นฎีกาเถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยฟังว่าจำเลยกระทำเกินสมควรแก่เหตุตามมาตรา 69 จำเลยฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นต่างไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมาเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เช่นนี้ เป็นฎีกาเถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นค่าเสียเวลาในกรมธรรม์ประกันภัย และหลักห้ามมิให้ยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
ค่าเสียเวลาเนื่องจากไม่ได้ใช้ยานยนต์ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยระบุยกเว้นความรับผิดของบริษัทประกันภัยสำหรับค่าเสียหายส่วนนี้ไว้ในสัญญาประกันภัยค้ำจุนนั้น เป็นคนละประเภทกับค่ารถแท็กซี่ที่โจทก์บุคคลภายนอกต้องเสียไประหว่างนำรถที่เสียหายเข้าซ่อมบริษัทจึงจะยกกรมธรรม์ข้อนี้ขึ้นอ้างเป็นข้อยกเว้นความรับผิดสำหรับค่าเสียหายประเภทนี้มิได้
ข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้บริษัทประกันภัยรับผิดในค่าลากจูงรถยนต์ไปอู่ซ่อมเพียงครึ่งของราคาที่จ่ายนั้นเมื่อบริษัทประกันภัยจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามมิให้ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา
ข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้บริษัทประกันภัยรับผิดในค่าลากจูงรถยนต์ไปอู่ซ่อมเพียงครึ่งของราคาที่จ่ายนั้นเมื่อบริษัทประกันภัยจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามมิให้ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นความรับผิดประกันภัย: ค่าเสียเวลา/ค่าแท็กซี่ ไม่รวมในข้อยกเว้น, การยกข้อต่อสู้ใหม่ในฎีกา
ค่าเสียเวลาเนื่องจากไม่ได้ใช้ยานยนต์ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยระบุยกเว้นความรับผิดของบริษัทประกันภัยสำหรับค่าเสียหายส่วนนี้ไว้ในสัญญาประกันภัยค้ำจุนนั้น เป็นคนละประเภทกับค่ารถแท็กซี่ที่โจทก์บุคคลภายนอกต้องเสียไประหว่างนำรถที่เสียหายเข้าซ่อมบริษัทจึงจะยกกรมธรรม์ข้อนี้ขึ้นอ้างเป็นข้อยกเว้นความรับผิดสำหรับค่าเสียหายประเภทนี้มิได้
ข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้บริษัทประกันภัยรับผิดในค่าลากจูงรถยนต์ไปอู่ซ่อมเพียงครึ่งของราคาที่จ่ายนั้นเมื่อบริษัทประกันภัยจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาใน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามมิให้ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา
ข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งให้บริษัทประกันภัยรับผิดในค่าลากจูงรถยนต์ไปอู่ซ่อมเพียงครึ่งของราคาที่จ่ายนั้นเมื่อบริษัทประกันภัยจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาใน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามมิให้ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากจำคุกเป็นรอการลงโทษ: ข้อจำกัดในการฎีกา
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปีเช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากจำคุกเป็นรอการลงโทษโดยศาลอุทธรณ์: ข้อจำกัดในการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปีเช่นนี้ แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับฟังข้อเท็จจริงใหม่ที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังไว้ ยืนตามคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นคนร้ายรับทรัพย์ของผู้เสียหายไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด ฐานหลักทรัพย์ดังนี้ เป็นการฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายในขณะลักแล้ว ต่อมาจำเลยบังอาจรับทรัพย์นั้นไว้ จึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นว่าทรัพย์ของผู้เสียหายอยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยโจทก์มอบหมาย แล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกหาได้ไม่ เพราะเป็นการฎีกาขอให้ฟังข้อเท็จจริงผิดจากที่ศาลล่างทั้งสองฟังมา ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาเรื่องรับของโจร: การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังขัดต่อวิธีพิจารณา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นคนร้ายรับทรัพย์ของผู้เสียหายไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ดังนี้ เป็นการฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายในขณะลักแล้ว ต่อมาจำเลยบังอาจรับทรัพย์นั้นไว้ จึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นว่าทรัพย์ของผู้เสียหายอยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยโจทก์มอบหมาย แล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกหาได้ไม่ เพราะเป็นการฎีกาขอให้ฟังข้อเท็จจริงผิดจากที่ศาลล่างทั้งสองฟังมา ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ