พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำโดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน ศาลยกฟ้องตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.148
ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะดจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้น ถือว่าพยานหลักฐานของโจทก์ต้องห้ามมิให้รับฟังตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87(2) อันเป็นเหตุให้ศาลวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีว่า คำฟ้องโจทก์ไ่ม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน
โจทก์จะมารื้อฟ้องขึ้นใหม่อีกไม่ได้ คดีต้องห้ามตาม ป.ม.ว.แพ่งมาตรา 148
โจทก์จะมารื้อฟ้องขึ้นใหม่อีกไม่ได้ คดีต้องห้ามตาม ป.ม.ว.แพ่งมาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำโดยไม่เสนอพยานหลักฐานใหม่: ศาลยกฟ้องตามมาตรา 148 ว.พ.พ.
ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้นถือว่าพยานหลักฐานของโจทก์ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) อันเป็นเหตุให้ศาลวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีว่า คำฟ้องโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนโจทก์จะมารื้อฟ้องขึ้นใหม่อีกไม่ได้ คดีต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต ศาลต้องรับฟังพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์การครอบครองของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินและเรือนจาก ป. กับได้โอนโฉนดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยเข้าครอบครองโดยไม่มีสิทธิ ขอให้ขับไล่จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ซื้อไปโดยไม่สุจริตโดยโจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยเป็นเจ้าของครอบครองขณะโจทก์รับโอน ดังนี้ ศาลชั้นต้นจะสั่งงดสืบพยานโดยเห็นว่า โฉนดมีชื่อ ป. เป็นเจ้าของโจทก์ไม่มีหน้าที่จะต้องไปรู้ถึงการครอบครองของจำเลย แล้วพิพากษาขับไล่จำเลย หาชอบไม่ ศาลต้องดำเนินการการพิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ให้บุคคลภายนอกไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
การที่เจ้าหนี้กับลูกหนี้ตกลงกันให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374
หากคดียังมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีกแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานเสีย ศาลสูงย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
หากคดียังมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีกแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานเสีย ศาลสูงย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยต้องสอดคล้องกับคำฟ้อง โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แต่พยานไม่สนับสนุน จึงลงโทษฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายกลุ้มรุมกันทำร้ายชกต่อย ถีบ เตะ ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ทางพิจารณาได้ความเพียงว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บแล้วในตอนหลังผู้เสียหายถูกคนอื่นซึ่งเป็นพรรคพวกของจำเลยทำร้ายบาดเจ็บสาหัส โดยโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกับคนอื่นที่ทำร้ายเหล่านั้นด้วย ดังนี้ จะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสมิได้ จำเลยคงมีผิดเพียง ฐานทำร้ายร่างกายไม่บาดเจ็บ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อหาต่างกันระหว่างฟ้องและพยานหลักฐาน: เจ้ามือ vs. ลูกค้าการพนันโปกำ ศาลลงโทษตามข้อหาที่พิสูจน์ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้ามือเล่นการพนันโปคำ จำเลยให้การรับเพียงแต่เป็นลูกค้าเล่นการพนันโปคำ ดังนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ควาทางพิจารณาไม่ต่างกันฟ้องและศาลลงโทษจำเลยเพียงความผิดที่เป็นลูกค้าเล่นการพันโปกำได้ (อ้างฎีกา 553/89)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สัญญากู้เป็นพยานหลักฐานหลังปิดอากรแสตมป์ครบถ้วน แม้จะมิได้ปิดอากรแสตมป์มาแต่เดิม
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บังคับแต่เพียงจะใช้ตราสารเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้จนกว่าจะได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์และขีดฆ่าแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าตราสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาแต่เดิมก็ดี ถ้าได้มีการปิดอากรแสตมป์ขึ้นแล้วในภายหลัง ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ทันที มิได้มีอะไรสูญเสียไป
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามเอกสารสัญญากู้ แต่ปรากฏว่า สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ยังไม่ครบถ้วน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้านเมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามเอกสารสัญญากู้ แต่ปรากฏว่า สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ยังไม่ครบถ้วน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้านเมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีอาญาที่พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการรับฟังความผิดฐานบุกรุกและทำร้ายร่างกาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายกะทงหนึ่งจำคุก 2 เดือนและฐานบุกรุกสถานที่ราชการอีกกะทงหนึ่งจำคุก 1 เดือน ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มิได้สืบว่ารถการ์ดที่จำเลยขึ้นไปนั้นเป็นสถานที่สำหรับใช้ในราชการซึ่งผู้หนึ่งผู้ใดจะเข้าไปมิได้ฉะนั้นจำเลยยังไม่ผิดฐานนี้ พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่ผิดฐานบุกรุกนอกจากนี้ยืน โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามศาลชั้นต้นดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมิได้ขึ้นไปบนรถการ์ด ฉะนั้นความผิดในเรื่องบุกรุกจึงไม่ต้องวินิจฉัย และเมื่อฟังไม่ได้ว่าขึ้นไปรถการ์ดข้อหาโจทก์ที่ว่าจำเลยขึ้นไปทำร้ายเขาบนรถการ์ดก็ย่อมตกไปด้วย แม้โจทก์ฝ่ายเดียวจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกฐานเดียวก็ดีเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิด ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีอาญาที่ขาดหลักฐานยืนยันการกระทำผิด ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายกระทงหนึ่งจำคุก 2 เดือน และฐานบุกรุกสถานที่ราชการอีกกระทงหนึ่งจำคุก 1 เดือน ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้สืบว่ารถการ์ดที่จำเลยขึ้นไปนั้นเป็นสถานที่สำหรับใช้ในราชการซึ่งผู้หนึ่งผู้ใดจะเข้าไปมิได้ ฉะนั้นจำเลยยังไม่ผิดฐานนี้ พิพากษาแก้ว่าจำเลยไม่ผิดฐานบุกรุกนอกจากนี้ยืน โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามศาลชั้นต้น ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมิได้ขึ้นไปบนรถการ์ด ฉะนั้นความผิดในเรื่องบุกรุกจึงไม่ต้องวินิจฉัย และเมื่อฟังไม่ได้ว่าขึ้นไปรถการ์ดข้อหาโจทก์ที่ว่าจำเลยขึ้นไปทำร้ายเขาบนรถการ์ดก็ย่อมตกไปด้วย แม้โจทก์ฝ่ายเดียวจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกฐานเดียวก็ดี เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีความผิด ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ศาลฎีกาต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องไม่สมบูรณ์ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ เนื่องจากไม่ระบุตัวผู้ร่วมกระทำความผิดชัดเจน แม้พยานหลักฐานแสดงว่ามีการกระทำผิดฐานชิงทรัพย์
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลย(คนเดียว)กับพวกที่ยังหลบหนีจับตัวยังไม่ได้ สมคบกันปล้นทรัพย์ผู้มีชื่อไป ขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ดังนี้รู้ไม่ได้ว่าพวกของจำเลยที่โจทก์กล่าวจะมีจำนวนคนเดียวหรือหลายคน ถือว่าโจทก์ไม่กล่าวถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องจึงฟังให้สมบูรณ์ในฐานความผิดปล้นทรัพย์ไม่ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5) ฉะนั้นแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยกับพวกรวม 5 คนทำการปล้นทรัพย์ ศาลก็จะลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ลงลงโทษได้แต่เพียงฐานชิงทรัพย์เท่านั้น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยกับพวกมีมีดเป็นสาตราวุธทำการปล้นทรัพย์ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีดและปืนสั้นด้วย ย่อมถือว่าไม่ใช่ข้อสำคัญเพราะทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีดสมตามฟ้องแล้ว จะถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องยังไม่ได้
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยกับพวกมีมีดเป็นสาตราวุธทำการปล้นทรัพย์ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีดและปืนสั้นด้วย ย่อมถือว่าไม่ใช่ข้อสำคัญเพราะทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีดสมตามฟ้องแล้ว จะถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องยังไม่ได้