คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อเท็จจริง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดอำนาจฎีกาเมื่อพิพาทราคาไม่ถึงเกณฑ์ และประเด็นการเบิกความนอกคำให้การ
โจทย์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านาที่พิพาทราคา 5,100 บาท เป็นของโจทก์และเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ห้าพันหนึ่งร้อยบาท แต่ตามคำให้การและคำแถลงของจำเลยมิได้พิพาทกันทั้งแปลง คงพิพาทกันไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด แม้ศาลชั้นต้นจะไม้ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็พอกำหนดราคาได้ว่าที่พิพาทมีราคาไม่เกินห้าพันบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่านาพิพาทเป็นของจำเลย ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อราคาพิพาทต่ำกว่าเกณฑ์ และประเด็นการเบิกความนอกคำให้การ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านาที่พิพาทราคา 5,100 บาทเป็นของโจทก์และเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ห้าพันหนึ่งร้อยบาทแต่ตามคำให้การและคำแถลงของจำเลยมิได้พิพาทกันทั้งแปลงคงพิพาทกันไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด แม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็พอกำหนดราคาได้ว่าที่พิพาทมีราคาไม่เกินห้าพันบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่านาพิพาทเป็นของจำเลย ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน การพิพากษาคดีต้องยึดข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย หากโจทก์ไม่โต้แย้ง
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต กับความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับไปกับสุราที่ขน องค์ความผิดต่างกัน เป็นความผิดคนละฐานกัน โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขนสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนถูกต้องแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้อง ขอให้ลงโทษด้วยนั้น ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมายและโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่า จำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 10/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน หากศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีใบอนุญาตถูกต้อง โจทก์ไม่อาจฎีกาเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต กับความผิดฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับไปกับสุราที่ขน องค์ความผิดต่างกันเป็นความผิดคนละฐานกัน โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขนสุราของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนถูกต้องแล้ว จะลงโทษจำเลยฐานไม่นำใบอนุญาตกำกับการขนสุราของกลางอันเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งซึ่งโจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในคำฟ้องขอให้ลงโทษด้วยนั้น ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยมีใบอนุญาตขนสุราของกลางโดยชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่าจำเลยไม่มีใบอนุญาตขนสุรา หรือว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างนั้นไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลาง ความผิดฐานขนสุราของกลางโดยไม่มีใบอนุญาตจึงยุติ โจทก์จะมาฎีกาโต้เถียงว่าใบอนุญาตขนสุราที่จำเลยอ้างไม่ใช่ใบอนุญาตขนสุราของกลางหาได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบเมื่ออ้างคำอุทธรณ์เป็นฎีกา สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน
ฎีกาของจำเลยที่กล่าวเพียงว่า "จำเลยขอถือคำอุทธรณ์ของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของฎีกา" ไม่เป็นฎีกาที่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ต่อมาจำเลยจะได้ยื่นคำแถลงการณ์บรรยายโต้แย้งคำพยานโจทก์ว่าเบิกความแตกต่างกัน ก็ไม่ทำให้ฎีกาโดยย่อนั้นกลายเป็นฎีกาโดยชัดแจ้งขึ้นมา
บันทึกที่มีใจความว่า "1. โจทก์ยืนยันว่าถ้าจำเลยนำหลักฐานการซื้อขายมาแสดงได้ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทต่อไป 2. จำเลยยืนยันว่าได้ซื้อขายมีหลักฐานเป็นหนังสือทำที่บ้านกำนันกาศจะนำหลักฐานมาแสดง ถ้าไม่สามารถนำมาแสดงได้ยอมคืนที่ดินให้โจทก์โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น" เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยโดยศาลอุทธรณ์ ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิครอบครองที่ดินทุนทรัพย์ 3,100 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองเพียงครึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินทั้งหมด ดังนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248(อ้างฎีกาที่ 497/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเป็นข้อเท็จจริง ศาลฎีกาห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ปัญหาที่ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตกระทำผิดหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง (อ้างฎีกาที่ 457/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนและการมีอาวุธปืนเพื่อการค้า: ข้อเท็จจริงสำคัญในการพิจารณาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7,72 โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ฎีกาว่าจำเลยมีใบอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืน มีปืนไว้ในตู้แสดงสินค้าหน้าร้านโดยมิได้รับอนุญาต ก็มีผิดฐานมีอาวุธปืนสำหรับการค้าตามมาตรา 24 ด้วย ดังนี้ เบื้องต้นต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนหรือไม่แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็วินิจฉัยข้อกฎหมายนี้ได้เพราะข้อหาฐานมีอาวุธปืนยังไม่ยุติ และการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ฟังข้อเท็จจริงในการมีอาวุธปืนไว้อย่างใด จำเลยได้นำสืบไว้แล้วฉะนั้น ข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอที่จะวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าเป็นการมีอาวุธปืนตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบไว้แล้วเสียเอง โดยมิต้องย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่
คำว่า มีอาวุธปืน ตามความหมายของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 4(6)หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์ หรือมีไว้ในครอบครองคำว่า ครอบครองหาได้บัญญัติให้มีความหมายเป็นพิเศษอย่างใดไม่ ต้องถือว่ามีความหมายตามกฎหมายทั่วไปการถือปืนอยู่ชั่วขณะแล้วต้องส่งคืน เป็นการยึดถือปืนแต่มิได้มีเจตนายึดถือเพื่อตน หาเป็นการครอบครองไม่(อ้างฎีกาที่ 1824/2499 และที่ 1578/2495) กรณีนี้ร้านค้าปืนผู้เป็นเจ้าของปืนได้มอบปืนมาให้ลูกค้าดูแล้วต้องส่งคืน แม้จะวางปืนไว้ในร้านชั่วระยะเวลา ก็หาทำให้ผู้ถือปืนมาให้ดูเป็นผู้ครอบครองปืนนั้นไม่การที่ปืนมาตกอยู่ในร้านจำเลยเพราะเหตุนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครอง
ซองกระสุนปืนและกระสุนปืนขนาดต่างๆ ที่ตรวจพบในลิ้นชักโต๊ะในร้านปืนซึ่งจำเลยเป็นผู้รับอนุญาตจำหน่ายอาวุธปืนจำเลยมิได้นำสืบแก้ให้เห็นว่าได้รับอนุญาตแล้วและในบัญชีอาวุธปืนประจำร้านไม่มีอาวุธปืนและกระสุนปืนเหลืออยู่เลย ไม่มีเหตุที่จะแสดงว่าจำเลยมิได้ครอบครอง ต้องถือว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองเพราะอยู่ในร้านค้าปืนของจำเลยแต่พิเคราะห์จำนวน ลักษณะเห็นว่าไม่ใช่สำหรับการค้าเพราะมีชนิดละเล็กน้อยและเฉพาะกระสุนขนาด 28 จำนวน 25 นัด ก็เป็นกระสุนสำหรับปืนที่ไม่มีสั่งเข้ามานานแล้วทั้งเก็บอยู่ในลิ้นชัก มิได้แสดงว่าจะจำหน่ายเพียงแต่มีอาวุธปืนหรือกระสุนปืนอยู่ในร้านค้าปืนหามีความผิดตามมาตรา 24 ไม่(อ้างฎีกาที่ 1376/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับเอกสารปลอม จำเป็นต้องแสดงข้อเท็จจริงการสมคบหรือร่วมมือกระทำความผิด
ฟ้องที่ไม่มีข้อความอันแสดงว่าจำเลยได้สมคบหรือร่วมมือกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารหรือใช้เอกสารปลอม ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 264, 265, 268, 83 ที่โจทก์อ้าง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันตามคำท้าพิสูจน์ หากผลเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน ศาลต้องตัดสินตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
ประเด็นสำคัญที่คู่ความท้ากันมีอยู่เพียงประการเดียวคือให้ฟังความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ออกไปรังวัดที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินที่ศาลได้ทำการขายทอดตลาดให้โจทก์หรือไม่โดยคู่ความยืนยันรับรองว่าหากเขตที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินที่ศาลได้ทำการขายทอดตลาดให้โจทก์จำเลยยอมแพ้คดี หากอยู่นอกเขตโจทก์ก็ยอมแพ้ดังนี้ เป็นเรื่องที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลประการหนึ่ง โดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นข้อแพ้ชนะกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปทำการรังวัดและรายงานว่าที่พิพาทอยู่ในที่ของโจทก์ซึ่งประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาดอันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้วศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิจะโต้แย้งว่าจำเลยเข้าใจผิดในเรื่องเส้นทางสายโทรเลขเก่าว่าอยู่ทิศใดของที่พิพาทตามที่อ้างในคำร้องขอถอนคำท้าเพราะไม่มีประเด็นนี้ในคำท้า และข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอันยุติไปตามคำท้ากันนั้นแล้วจำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า
of 309