พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การของผู้ร่วมกระทำความผิดเป็นพยานหลักฐานเสริมคดีได้
คดีอาญา ในชั้นสอบถามและสอบสวน จำเลยคนหนึ่งได้ให้การว่าได้ลักทรัพย์ไปให้แก่จำเลยคนอื่น โดยได้รับสินจ้างรางวัลนั้น แม้เป็นคำผู้ร้ายซัดทอด แต่เป็นคำประกอบเหตุผลในทางคดีแสดงความจริงให้เห็นกระจ่างยิ่งขึ้น ศาลรับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงสัญญาและการรับฟังพยานหลักฐานนอกเอกสาร
จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์และได้มีการวางมัดจำด้วย แต่ความประสงค์ของทั้งสองฝ่ายมุ่งจะผูกมัดกันโดยหนังสือสัญญานี้ส่วนการวางมัดจำเป็นแต่ข้อสัญญากันข้อหนึ่ง หาใช่ตกลงกันทำสัญญาด้วยการวางมัดจำไม่ กรณีเข้า ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 คู่ความจะสืบว่าตกลงเป็นพิเศษว่า จำเลยต้องให้ผู้เช่าออกไปจากที่ก่อนโอน โดยไม่ปรากฎในหนังสือสัญญาเช่นนี้ ศาลรับฟังไม่ได้โดยขัดกับมาตรา 94.
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2492
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2492
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญา: ศาลมีหน้าที่ชี้ขาดความหมายเมื่อมีการโต้แย้ง และพิจารณาพยานหลักฐานประกอบ
เมื่อจำเลยให้การเถียงความหมายในการแปลสัญญาศาลจึงมีหน้าที่จะต้องชี้ขาดว่าสัญญานั้นมีความหมายว่าอย่างไร ถ้าหากสัญญามีข้อความชัดเจนเห็นความหมายได้แล้วศาลก็ย่อมตีความสัญญาไปตามนั้น หากถ้อยคำในสัญญาเป็นที่สงสัย ศาลก็อาจดำเนินการสืบพะยานถึงพฤตติการณ์ต่าง ๆ ตลอดจนประเพณี เพื่อนำมาใช้ประกอบในการตีความนั้นได้ตามกรณี ดังที่ ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 94 ตอนท้ายอนุญาตไว้
มาตรา 11 ป.ม.แพ่ง ฯ ย่อมเป็นหลักในการแปลสัญญาจริง แต่มีความหมายเพียงว่าเมื่อศาลได้พิเคราะห์ถึงเหตุผลและพฤตติการณ์อันจะนำมาประกอบการแปลหมดแล้ว กรณียังมีข้อสงสัยอยู่ จึงให้ตีความไปตามหลักที่กล่าวในมาตรา 11 แต่ไม่ได้หมายความว่า ศาลจะใช้มาตรา 11 แปลสัญญาโดยไม่เหลียวแลถึงเหตุผลและพฤตติการณ์ประกอบสัญญานั้นเสียเลย เมื่อถ้อยคำในสัญญายังเป็นที่สงสัยและศาลล่างสั่งงดสืบพะยานมาศาลฎีกามีอำนาจให้ศาลล่างพิจารณาพิพากษาใหม่.
มาตรา 11 ป.ม.แพ่ง ฯ ย่อมเป็นหลักในการแปลสัญญาจริง แต่มีความหมายเพียงว่าเมื่อศาลได้พิเคราะห์ถึงเหตุผลและพฤตติการณ์อันจะนำมาประกอบการแปลหมดแล้ว กรณียังมีข้อสงสัยอยู่ จึงให้ตีความไปตามหลักที่กล่าวในมาตรา 11 แต่ไม่ได้หมายความว่า ศาลจะใช้มาตรา 11 แปลสัญญาโดยไม่เหลียวแลถึงเหตุผลและพฤตติการณ์ประกอบสัญญานั้นเสียเลย เมื่อถ้อยคำในสัญญายังเป็นที่สงสัยและศาลล่างสั่งงดสืบพะยานมาศาลฎีกามีอำนาจให้ศาลล่างพิจารณาพิพากษาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความถูกต้องของวันเวลาเกิดเหตุในคดีอาญา และการใช้พยานหลักฐานในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทำผิดกฎหมาย โดย ก. มีน้ำสุราเถื่อน ข. มีลูกแป้งเชื้อสุราเถื่อนโดยมิได้รับอนุญาต ค. มีหมักส่าเชื้อสุราเถื่อนโดยมิได้รับอนุญาต ง. มีเครื่องต้มกลั่นสุราไว้โดยมิได้รับอนุญาต จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ ต้องถือว่าฟ้องข้อ ง. จำเลยรับว่า มีเครื่องต้มกลั่นไว้สำหรับต้มกลั่น สุราเถื่อน ลงโทษจำเลยตามมาตรา 38 พ.ร.บ. ภาษีชั้นในได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีลักทรัพย์: ความสอดคล้องของวันเวลาเกิดเหตุตามคำฟ้องและพยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทำผิดคืนวันที่ 3 เมษายน 2491เวลากลางคืน พยานโจทก์ว่าเกิดเหตุคืนวันแรม 9 ค่ำ เดือน4 เวลาประมาณ 5 นาฬิกา รุ่งขึ้นเป็นวันแรม 10 ค่ำซึ่งตรงกับวันที่ 3 เมษายน ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา หาต่างกับฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความคลาดเคลื่อนวันเกิดเหตุจากพยานหลักฐานอื่นยังคงเป็นเหตุแห่งการกระทำผิด
พะยานหลักฐานอื่นแสดงว่าจำเลยได้กระทำผิดในวันที่โจทก์หา แต่พะยานโจทก์เบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดไป 1 วันเพราะความหลงลืม เนื่องจากพะยานเบิกความภายหลังวันเกิดเหตุหลายสิบวัน ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องที่ไม่สมบูรณ์และการไม่ตรงกันของวันเวลาที่กล่าวอ้างในฟ้องกับพยานหลักฐาน
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อระหว่างเวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2491 ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2491 ซึ่งเป็นเวลากลางคืนตามกฎหมาย ตามปฏิทินวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2491 ตรงกับวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 3 แต่พะยานเบิกความว่าการกระทำผิดเกิดขึ้นเมื่อวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 3 เวลากลางคืน 2.00 น. เศษ รุ่งเช้าเป็นวันขึ้น 8 ค่ำ ดังนี้ เป็นคนละคืนกับที่กล่าวในฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปรวมเป็นเงิน 6045 บาท โดยไม่ปรากฎว่าทรัพย์นั้นเป็นอะไรบ้าง ทั้งบัญชีทรัพย์ก็ไม่มี ดังนี้ จำเลยย่อมเข้าใจข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์นั้นไม่ได้ จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย.
(อ้างฎีกาที่ 931/2485)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปรวมเป็นเงิน 6045 บาท โดยไม่ปรากฎว่าทรัพย์นั้นเป็นอะไรบ้าง ทั้งบัญชีทรัพย์ก็ไม่มี ดังนี้ จำเลยย่อมเข้าใจข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์นั้นไม่ได้ จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย.
(อ้างฎีกาที่ 931/2485)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีแพ่งเนื่องจากโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน แม้จะมีการดำเนินกระบวนพิจารณา
คดีแพ่ง โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัดโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับและทั้งปรากฏว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล จำเลยคัดค้านในการเลื่อน ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน และพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ดังนี้ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตามมาตรา 174ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งไม่ใช่การขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาหากแต่พยานหลักฐานของโจทก์ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา 87(2) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนศาลต้องพิพากษายกฟ้อง และจะสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้แม้จะถือว่าโจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไป ศาลก็ต้องตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 201 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระงับเมื่อผู้เช่าตาย เว้นแต่มีบุคคลเข้ามาทำสัญญาใหม่ตามกฎหมาย การต่อสู้คดีต้องอาศัยพยานหลักฐาน
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นตามธรรมดาย่อมระงับเมื่อผู้เช่าตาย เว้นแต่กรณีจะเข้ามาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ 2489
คำแถลงต่อศาลของบุคคลภายนอกซึ่งไม่มีฐานะในคดี ศาลจะรับฟังเป็นข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาหาได้ไม่.
คำแถลงต่อศาลของบุคคลภายนอกซึ่งไม่มีฐานะในคดี ศาลจะรับฟังเป็นข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำหลังศาลยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ ถือเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแล้ว ห้ามฟ้องใหม่
ความบกพร่องของโจทก์ในการเสนอหลักฐาน ที่รับฟังไม่ได้ก็ดี หรือได้ยื่นพยานหลักฐานโดยฝ่าฝืนต่อวิธีพิจารณาความก็ดี อันเป็นเหตุให้ศาลปฏิเสธ ไม่รับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ผู้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงนั้นแล้ว เมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง ก็ได้ชื่อว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้ออ้างในประเด็นแห่งคดีที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดีของโจทก์แล้ว กรณีตัองห้ามมิให้โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาในประเด็นข้อกล่าวอ้างของโจทก์ในศาลนั้นอีก ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 และทั้งห้ามมิให้โจทก์ฟ้องใหม่อีกตามมาตรา148 แม้คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาโจทก์ก็ยังต้องห้ามมิให้ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลอีกตามมาตรา 173