คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์ไม่พิจารณาอุทธรณ์จำเลยครบถ้วน ศาลฎีกาย้อนสำนวนเพื่อให้ถูกต้องตามกระบวนการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยไม่เต็มตามฟ้อง โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาเฉพาะอุทธรณ์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาและเพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นตามลำดับศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2), 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาอุทธรณ์ไม่ครบถ้วน ศาลฎีกาย้อนสำนวนเพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยตามกระบวนการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยไม่เต็มตามฟ้องโจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแต่ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาเฉพาะอุทธรณ์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาและเพื่อให้การวินิจฉัยความผิดของจำเลยเป็นตามลำดับศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา208(2),225.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4807/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิพากษาถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ ต้องพิจารณาเหตุที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด ไม่ใช่เหตุส่วนตัว
เหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีนั้น ต้องเป็นเหตุที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นทั้งเรื่อง มิใช่เหตุส่วนตัวของจำเลยคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยคนใดมีเจตนาบุกรุกหรือไม่ จะต้องพิเคราะห์ถึงการกระทำของจำเลยแต่ละคนการที่จำเลยที่ 1 เปิดประตูเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายด้วยตนเอง ต่อมาจึงเรียกจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ตามขึ้นไปในภายหลังนั้นจะเห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยแต่ละคนหาเกี่ยวข้องกันทั้งเรื่องไม่กรณีเป็นเหตุส่วนตัวของจำเลยแต่ละคนโดยแท้มิใช่เหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจก้าวล่วงเข้าไปวินิจฉัยถึงการกระทำของจำเลยที่ 1 ว่าขาดเจตนาทุจริตและที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วยนั้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4807/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิพากษาจำเลยที่ไม่อุทธรณ์ ต้องพิจารณาเหตุที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งเรื่อง ไม่ใช่เหตุส่วนตัว
เหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีนั้นต้องเป็นเหตุที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นทั้งเรื่องมิใช่เหตุส่วนตัวของจำเลยคนใดคนหนึ่งดังนั้นการที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยคนใดมีเจตนาบุกรุกหรือไม่จะต้องพิเคราะห์ถึงการกระทำของจำเลยแต่ละคนการที่จำเลยที่1เปิดประตูเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายด้วยตนเองต่อมาจึงเรียกจำเลยที่2และที่3ให้ตามขึ้นไปในภายหลังนั้นจะเห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยแต่ละคนหาเกี่ยวข้องกันทั้งเรื่องไม่กรณีเป็นเหตุส่วนตัวของจำเลยแต่ละคนโดยแท้มิใช่เหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจก้าวล่วงเข้าไปวินิจฉัยถึงการกระทำของจำเลยที่1ว่าขาดเจตนาทุจริตและที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่1ด้วยนั้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีพฤติการณ์พิเศษ การอ้างทนายเพิ่งได้รับมอบอำนาจไม่อาจใช้ขยายเวลาได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่า ในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากโจทก์ให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ทนายโจทก์ยังไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้ เมื่อการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเพียงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในกรณีที่โจทก์ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ยังมิได้เป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาของคดี รูปคดีจึงมิได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษ ถึงกับจะเป็นเหตุให้ทนายโจทก์ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทัน ทนายโจทก์ก็ยอมรับมาในฎีกาว่าระยะเวลาที่จะทำอุทธรณ์เหลือเวลาอีกไม่ถึง 7 วัน แสดงว่าก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์ยังมีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการได้ ข้ออ้างของโจทก์ตามคำร้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุผล 'ทนายเพิ่งได้รับมอบอำนาจ' ไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษ
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่า ในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากโจทก์ ให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ทนายโจทก์ยังไม่ทราบรายละเอียด และข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้เมื่อการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าว เป็นเพียงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในกรณีที่โจทก์ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ยังมิได้เป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาของคดี รูปคดีจึงมิได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษถึงกับจะเป็นเหตุให้ ทนายโจทก์ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทัน ทนายโจทก์ ก็ยอมรับมาในฎีกาว่าระยะเวลาที่จะทำอุทธรณ์เหลือเวลาอีก ไม่ถึง 7 วัน แสดงว่าก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์ยังมีเวลาเพียงพอ ที่จะดำเนินการได้ ข้ออ้างของโจทก์ ตามคำร้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะขยาย ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีพฤติการณ์พิเศษ การอ้างทนายเพิ่งได้รับมอบหมายและเวลาไม่พอไม่ถือเป็นเหตุพิเศษ
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่าในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ทนายโจทก์เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากโจทก์ให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ทนายโจทก์ยังไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้เมื่อการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเพียงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในกรณีที่โจทก์ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ยังมิได้เป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาของคดีรูปคดีจึงมิได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษถึงกับจะเป็นเหตุให้ทนายโจทก์ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทันทนายโจทก์ก็ยอมรับมาในฎีกาว่าระยะเวลาที่จะทำอุทธรณ์เหลือเวลาอีกไม่ถึง7วันแสดงว่าก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ทนายโจทก์ยังมีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการได้ข้ออ้างของโจทก์ตามคำร้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำส่งหมายเรียก/สำเนาอุทธรณ์ล่าช้า/เข้าใจผิด ไม่ถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลย โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2528 ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ใน 15 วัน โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน หมายแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบ โจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อ เจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2528 แต่พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่ 17 มกราคม 2528 โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว และโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่า การที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้น เป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้ว เพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าวหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง 6 วันโจทก์จึงมิได้ นำส่งอีก แม้ต่อมาภายหลัง โจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง แต่หมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวลงวันที่ 14 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีก ตามพฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่า กรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมาย ทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้ว ยังไม่ได้ส่งเฉพาะหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ล่าช้า ไม่ถือเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ หากมีเหตุเข้าใจผิดเกิดขึ้น
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลย โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดี อย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2528 ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ จำเลยแก้ใน 15 วัน โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน หมายแจ้งคำสั่ง ให้ทนายโจทก์ทราบ โจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อ เจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่16 มกราคม 2528 แต่พนักงานเดินหมายได้นำ หมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่ 17 มกราคม 2528 โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว และโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่า การที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการ นำ ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้น เป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้วเพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าว หลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง 6 วันโจทก์จึงมิได้ นำส่งอีก แม้ต่อมาภายหลัง โจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำ ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง แต่หมายแจ้งคำสั่ง ดังกล่าวลงวันที่14 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระ ค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่ง ของศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีก ตามพฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่า กรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมาย ทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้วยังไม่ได้ส่งเฉพาะ หมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียก ให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ การเข้าใจผิดและการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลยโดยให้โจทก์นำส่งใน7วันต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่10มกราคม2528ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ใน15วันโดยให้โจทก์นำส่งใน7วันหมายแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบโจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อเจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่16มกราคม2528แต่พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่17มกราคม2528โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วและโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่าการที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้นเป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้วเพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าวหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง6วันโจทก์จึงมิได้นำส่งอีกแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่งแต่หมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวลงวันที่14มกราคม2528ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้วจึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีกตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่ากรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมายทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้วยังไม่ได้ส่งเฉพาะหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใดดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้.
of 349