คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ การมอบครองทรัพย์ และดุลยพินิจศาลในการวินิจฉัยคดีอาญา
ฎีกาว่าจำเลยมีเจตนาลักทรัพย์หรือไม่นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาที่ว่า ทรัพย์ในการกระทำผิดนั้นฝังอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหาย เพราะเป็นเรื่องมอบให้รักษาเท่าที่จำเป็นเพื่อมิให้ทรัพย์นั้นหายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งศาลล่างเห็นว่าการครอบครองได้มอบให้อยู่กับจำเลยแล้วนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาที่ว่าศาลจะต้องฟังพยานโดยตลอดก่อนวินิจฉัยคดีนั้น เป็นฎีกาเถียงดุลยพินิจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ การมอบครองทรัพย์ และดุลยพินิจศาลในการพิจารณาคดีอาญา
ฎีกาว่าจำเลยมีเจตนาลักทรัพย์หรือไม่นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาที่ว่า ทรัพย์ในการกระทำผิดนั้นยังอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหาย เพราะเป็นเรื่องมอบให้รักษาเท่าที่จำเป็นเพื่อมิให้ทรัพย์นั้นหายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งศาลล่างเห็นว่าการครอบครองได้มอบให้อยู่กับจำเลยแล้วนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ฎีกาที่ว่าศาลจะต้องฟังพยานโดยตลอดก่อนวินิจฉัยคดีนั้นเป็นฎีกาเถียงดุลยพินิจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: ข้อจำกัดเรื่องคู่ความ
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 จะได้บัญญัติไว้ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ดี แต่บัญญัติของมาตรานี้ก็อยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่งมาตรา 145 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 กล่าวคือจะผูกพันก็แต่คู่ความเดียวกันเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคู่ความในคดีแพ่ง หากไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญานั้น
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 จะได้บัญญัติไว้ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ดี แต่บัญญัติของมาตรานี้ก็อยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 กล่าวคือจะผูกพันก็แต่คู่ความเดียวกันเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวตนผู้ตายในคดีอาญา โจทก์ต้องมีพยานเห็นศพโดยตรง
การที่จะรับฟังว่า ผู้ตายเป็นใครแน่นอนนั้น โจทก์จะต้องนำพยานมาสืบให้ชัด จะฟังเพียงพยานบอกเล่าหรือชื่อในใบชัณสูตรพลิกศพหาเป็นการเพียงพอไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวตนผู้ตายในคดีอาญา โจทก์ต้องนำสืบพยานผู้เห็นศพโดยตรง ไม่เพียงแค่พยานบอกเล่าหรือเอกสาร
การที่จะรับฟังว่า ผู้ตายเป็นใครแน่นอนนั้น โจทก์จะต้องนำพยานมาสืบให้ชัด จะฟังเพียงพยานบอกเล่าหรือชื่อในใบชันสูตรพลิกศพ หาเป็นการเพียงพอไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องของโจทก์ร่วมในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว ย่อมระงับสิทธิฟ้องของอัยการ
อัยการและผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกันฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวอันยอมความกันได้ เมื่อผู้เสียหายซึ่งร้องทุกข์และเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ขอถอนคำร้องทุกข์และขอถอนฟ้องสิทธิฟ้องคดีของอัยการย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) ศาลต้องพิพากษายกฟ้องของอัยการเสียด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีอาญาต่อศาลแขวงเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์เมื่อโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา22

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาเรื่องการต่อสู้คดีอาญาในข้อเท็จจริงและดุลพินิจ ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากเป็นข้อหาเดิม
ศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ให้จำคุก 5 ปี เช่นนี้โจทก์ จำเลยจะฎีกาในเรื่องดุลพินิจ หรือในเรื่องว่าพยานเบิกความแตกต่างไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356-1521/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมสำนวนคดีอาญาหลายกรรมต่างวาระและการคำนวณโทษ จำเลยต้องรับโทษตามจำนวนวันจริง ไม่ใช่การทอนเป็นปีเดือน
การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันถึง 166 ครั้งนั้น เพื่อความสดวกศาลแขวงจะรวมคดีทั้ง 166 สำนวนพิจารณาพิพากษารวมกันก็ได้ และเมื่อศาลแขวงลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละสำนวนโดยมีกำหนดโทษซึ่งอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะลงแล้ว แม้ในที่สุดจำเลยจะต้องรับโทษถึง 2490 วัน ก็ย่อมทำได้
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึ่งให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ
of 312