พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,604 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนที่ดินชำระหนี้จำนอง และสิทธิการรับชำระหนี้ของผู้รับจำนองรายหลัง
จำเลยจำนองที่ดินมือเปล่าไว้แก่โจทก์แล้วออกโฉนดนำไปจำนองไว้แก่ผู้อื่น ต่อมาโอนที่รายนี้ให้แก่ผู้รับจำนองรายหลังเป็นการชำระหนี้ โจทก์ทราบจึงฟ้องบังคับจำนองและขอให้เพิกถอนการโอนตามขอ ดังนี้ แม้หนี้จำนองรายหลังหมดไป เมื่อจำเลยโอนที่ให้ก็จริง แต่เมื่อศาลพิพากษาเพิกถอนการโอนชำระหนี้เสียแล้ว การชำระหนี้ก็เป็นอันไร้ผล ผู้รับจำนองรายหลังจึงมีสิทธิร้องขอรับชำระหนี้จำนองของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองและการเพิกถอนการชำระหนี้: สิทธิของผู้รับจำนองรายหลัง
จำเลยจำนองที่ดินมือเปล่าไว้แก่โจทก์แล้วออกโฉนดนำไปจำนองไว้แก่ผู้อื่น ต่อมาโอนที่รายนี้ให้แก่ผู้รับจำนองรายหลังเป็นการชำระหนี้โจทก์ทราบจึงฟ้องบังคับจำนองและขอให้เพิกถอนการโอนนั้น ศาลพิพากษาบังคับจำนองและเพิกถอนการโอนตามขอ ดังนี้ แม้หนี้จำนองรายหลังหมดไปเมื่อจำเลยโอนที่ให้ก็จริง แต่เมื่อศาลพิพากษาเพิกถอนการโอนชำระหนี้เสียแล้ว การชำระหนี้ก็เป็นอันไร้ผล ผู้รับจำนองรายหลังจึงมีสิทธิร้องขอรับชำระหนี้จำนองของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 531/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการชำระหนี้จากการกู้ยืมเงิน ไม่จำเป็นต้องเป็นใบรับเงินโดยเฉพาะ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรค 2 มิได้บังคับว่าจะต้องมีใบรับเงินมาแสดง
เอกสารมีความว่า เรียนครูที่เคารพนับถืออันสูง กระผมได้ฝากนมมาให้ 1 โหล ราคา 44 บาท โปรดทราบเงินฝากไป 9,400 บาท กระผมได้รับและลงบัญชีไว้เรียบร้อยแล้ว ท้ายข้อความเป็นคำลงท้ายของหนังสือ วันเดือนปี และเซ็นชื่อโจทก์ ดังนี้เห็นได้ว่า เป็นจดหมายธุรกิจ เลยกล่าวถึงเงินที่จำเลยฝากไปให้โจทก์แล้วด้วย ไม่มีลักษณะเป็นใบรับเงินโดยเฉพาะ และตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 105 การรับเงินเช่นนี้ (ลูกหนี้ฝากเงินมาชำระหนี้เงินกู้) ก็มิได้บังคับว่าจะต้องออกใบรับเงินประการใดหนังสือฉบับนี้เป็นหลักฐานตามที่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา653 บังคับไว้เท่านั้น แม้จะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็ฟังเป็นหลักฐานประกอบข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยได้ชำระหนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์แล้ว
เอกสารมีความว่า เรียนครูที่เคารพนับถืออันสูง กระผมได้ฝากนมมาให้ 1 โหล ราคา 44 บาท โปรดทราบเงินฝากไป 9,400 บาท กระผมได้รับและลงบัญชีไว้เรียบร้อยแล้ว ท้ายข้อความเป็นคำลงท้ายของหนังสือ วันเดือนปี และเซ็นชื่อโจทก์ ดังนี้เห็นได้ว่า เป็นจดหมายธุรกิจ เลยกล่าวถึงเงินที่จำเลยฝากไปให้โจทก์แล้วด้วย ไม่มีลักษณะเป็นใบรับเงินโดยเฉพาะ และตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 105 การรับเงินเช่นนี้ (ลูกหนี้ฝากเงินมาชำระหนี้เงินกู้) ก็มิได้บังคับว่าจะต้องออกใบรับเงินประการใดหนังสือฉบับนี้เป็นหลักฐานตามที่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา653 บังคับไว้เท่านั้น แม้จะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็ฟังเป็นหลักฐานประกอบข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยได้ชำระหนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 531/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการชำระหนี้: จดหมายยืนยันการรับเงินใช้ได้ แม้ไม่ใช่ใบรับเงินโดยเฉพาะ
เอกสารมีความว่า'เรียนครูที่เคารพนับถืออันสูง กระผมได้ฝากนมมาให้ 1 โหล ราคา 44 บาทโปรดทราบเงินฝากไป 9,400 บาท กระผมได้รับและลงบัญชีไว้เรียบร้อยแล้ว' ท้ายข้อความเป็นคำลงท้ายของหนังสือ วัน เดือน ปี และเซ็นชื่อโจทก์ ดังนี้ เห็นได้ว่าเป็นจดหมายธุรกิจกล่าวถึงเงินที่จำเลยฝากไปให้โจทก์แล้วด้วยไม่มีลักษณะเป็นใบรับเงินโดยเฉพาะซึ่งตามประมวลรัษฎากรมาตรา 105 การรับเงินเช่นนี้ก็มิได้บังคับว่าจะต้องออกใบรับเงินประการใด หนังสือฉบับนี้เป็นหลักฐานตามที่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 บังคับไว้เท่านั้น แม้จะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ ก็ฟังเป็นหลักฐานประกอบข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยได้ชำระหนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน: การชำระหนี้แทนกันและผลกระทบต่อเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย
หนี้ที่เกิดแต่กิจการของห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เป็นหนี้ผูกพันส่วนตัวผู้เป็นหุ้นส่วน ไม่ใช่ลูกหนี้เป็นคนละคนไปจากผู้เป็นหุ้นส่วน เมื่อผู้ล้มละลายก็เป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยแล้ว การที่หุ้นส่วนคนหนึ่งเอาเงินของห้างหุ้นส่วนชำระหนี้ของห้างหุ้นส่วนก็ถือว่าเป็นการกระทำแทนหุ้นส่วนอื่นรวมทั้งผู้ล้มละลายด้วย ตามนัย แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1033, 1042 เมื่อการนั้นทำให้เจ้าหนี้ได้เปรียบกัน ต้องตามมาตรา 115 แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้หุ้นส่วน-ล้มละลาย: การชำระหนี้ของห้างโดยหุ้นส่วนกระทบสิทธิเจ้าหนี้
หนี้ที่เกิดแต่กิจการของหุ้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเป็นหนี้ผูกพันส่วนตัวผู้เป็นหุ้นส่วน ไม่ใช่ลูกหนี้เป็นคนละคนไปจากผู้เป็นหุ้นส่วนเมื่อผู้ล้มละลายก็เป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วยแล้ว การที่หุ้นส่วนคนหนึ่งเอาเงินของห้างหุ้นส่วนชำระหนี้ของห้างหุ้นส่วนก็ถือว่าเป็นการกระทำแทนหุ้นส่วนอื่นรวมทั้งผู้ล้มละลายด้วย ตามนัยแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1033,1042 เมื่อการนั้นทำให้เจ้าหนี้ได้เปรียบกัน ต้องตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 115เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทการชำระหนี้ค่ากาแฟ ศาลต้องวินิจฉัยเพื่อยุติข้อโต้แย้ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อกาแฟราคา 60 สตางค์ กินแล้วไม่ชำระราคาขอให้ศาลบังคับจำเลยให้การต่อสู้ว่าชำระแล้ว และแถลงขอวางเงินต่อศาล 1 บาท ทั้งนี้โดยไม่ยอมรับผิดตามฟ้องดังนี้ คดียังมีประเด็นที่โต้เถียงกันอยู่ว่า จำเลยได้ชำระหนี้แล้วหรือยังศาลจะต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตลอดจนค่าฤชาธรรมเนียมด้วยจะไม่วินิจฉัยให้ใครแพ้ใครชนะในประเด็นโดยเพียงแต่สั่งให้โจทก์รับเงินไปเท่านั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389-390/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้เช็ค การพิจารณาคดีความเกี่ยวพัน และการปฏิเสธชำระหนี้โดยชอบธรรม
คดีความผิดเกี่ยวพันกัน เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาพิพากษารวมกันได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25 หาจำต้องมีคู่ความฝ่ายใดร้องขอไม่
จำเลยกู้เงินโจทก์ 2 ครั้ง เพื่อนำไปลงทุนรับเหมาก่อสร้างอาคารของกรมตำรวจครั้งแรกกู้ 150,000 บาท จำเลยทำสัญญากู้และออกเช็คล่วงหน้าลงวันที่ 18 พ.ย. 2499 ลงจำนวนเงิน 150,000 บาท ให้โจทก์ไว้ กับทำหนังสือมอบฉันทะให้โจทก์ไปรับเงินค่าก่อสร้างจากกรมตำรวจด้วย ครั้งที่ 2 กู้ 490,000 บาท ทำสัญญากู้และออกเช็คล่วงหน้าลงวันที่ 28 ก.พ. 2500 ลงจำนวนเงิน 490,000 บาท กับทำหนังสือมอบฉันทะมอบให้โจทก์เหมือนอย่างกู้ครั้งแรก ต่อมาวันที่ 26 ก.ย. 2499 โจทก์นำใบมอบฉันทะนั้นไปรับเงินค่าก่อสร้างจากกรมตำรวจเป็นเงิน 249,000 บาท โดยโจทก์มิได้นำเงินนั้นมามอบให้จำเลยหรือเข้าบัญชีของจำเลยในธนาคาร จึงต้องถือว่าเป็นเงินที่จำเลยชำระหนี้ ให้โจทก์ในมูลหนี้เงินกู้ทั้ง 2 ราย และไม่พอชำระหนี้ได้หมดทั้ง 2 ราย เมื่อลูกหนี้ไม่ได้ระบุว่าชำระหนี้รายใด ก็ต้องถือว่า หนี้รายไหนถึงกำหนดก่อน เป็นอันได้เปลื้องไปก่อน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 ดังนั้น หนี้เงินกู้รายแรกซึ่งถึงกำหนดชำระก่อน ก็ต้องถือว่าได้ถูกชำระหนี้หมดสิ้นไปแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิห้ามมิให้ธนาคารจ่ายเงินให้โจทก์ตามเช็คฉบับแรก นั้นได้ ส่วนเงินที่โจทก์รับแทนจำเลยจากกรมตำรวจนั้น เมื่อหักหนี้เงินกู้ทั้ง 2 รายแล้ว จำเลยคงเป็นหนี้โจทก์เพียง 391,000 บาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ให้เต็มจำนวน 490,000 บาท ตามเช็คฉบับหลังได้ เมื่อโจทก์เอาเช็คฉบับหลังไปขึ้นเงิน เพื่อเอาชำระหนี้ตนเกินกว่าที่ตนมีสิทธิจำเลยย่อมปฏิเสธชำระหนี้ได้ ฉะนั้น การที่จำเลยห้ามมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คฉบับหลัง จึงไม่ใช่เป็นการห้ามโดยเจตนาทุจริต การที่โจทก์นำเช็ค 2 ฉบับ ดังกล่าวไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3
จำเลยกู้เงินโจทก์ 2 ครั้ง เพื่อนำไปลงทุนรับเหมาก่อสร้างอาคารของกรมตำรวจครั้งแรกกู้ 150,000 บาท จำเลยทำสัญญากู้และออกเช็คล่วงหน้าลงวันที่ 18 พ.ย. 2499 ลงจำนวนเงิน 150,000 บาท ให้โจทก์ไว้ กับทำหนังสือมอบฉันทะให้โจทก์ไปรับเงินค่าก่อสร้างจากกรมตำรวจด้วย ครั้งที่ 2 กู้ 490,000 บาท ทำสัญญากู้และออกเช็คล่วงหน้าลงวันที่ 28 ก.พ. 2500 ลงจำนวนเงิน 490,000 บาท กับทำหนังสือมอบฉันทะมอบให้โจทก์เหมือนอย่างกู้ครั้งแรก ต่อมาวันที่ 26 ก.ย. 2499 โจทก์นำใบมอบฉันทะนั้นไปรับเงินค่าก่อสร้างจากกรมตำรวจเป็นเงิน 249,000 บาท โดยโจทก์มิได้นำเงินนั้นมามอบให้จำเลยหรือเข้าบัญชีของจำเลยในธนาคาร จึงต้องถือว่าเป็นเงินที่จำเลยชำระหนี้ ให้โจทก์ในมูลหนี้เงินกู้ทั้ง 2 ราย และไม่พอชำระหนี้ได้หมดทั้ง 2 ราย เมื่อลูกหนี้ไม่ได้ระบุว่าชำระหนี้รายใด ก็ต้องถือว่า หนี้รายไหนถึงกำหนดก่อน เป็นอันได้เปลื้องไปก่อน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 ดังนั้น หนี้เงินกู้รายแรกซึ่งถึงกำหนดชำระก่อน ก็ต้องถือว่าได้ถูกชำระหนี้หมดสิ้นไปแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิห้ามมิให้ธนาคารจ่ายเงินให้โจทก์ตามเช็คฉบับแรก นั้นได้ ส่วนเงินที่โจทก์รับแทนจำเลยจากกรมตำรวจนั้น เมื่อหักหนี้เงินกู้ทั้ง 2 รายแล้ว จำเลยคงเป็นหนี้โจทก์เพียง 391,000 บาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ให้เต็มจำนวน 490,000 บาท ตามเช็คฉบับหลังได้ เมื่อโจทก์เอาเช็คฉบับหลังไปขึ้นเงิน เพื่อเอาชำระหนี้ตนเกินกว่าที่ตนมีสิทธิจำเลยย่อมปฏิเสธชำระหนี้ได้ ฉะนั้น การที่จำเลยห้ามมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คฉบับหลัง จึงไม่ใช่เป็นการห้ามโดยเจตนาทุจริต การที่โจทก์นำเช็ค 2 ฉบับ ดังกล่าวไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389-390/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รวมพิจารณาคดีความผิดเกี่ยวพันกัน, การชำระหนี้เงินกู้, และเช็คที่สั่งจ่ายโดยไม่มีมูลหนี้
คดีความผิดเกี่ยวพันกัน เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาพิพากษารวมกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25 หาจำต้องมีคู่ความฝ่ายใดร้องขอไม่
จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์โดยมูลหนี้เงินกู้ 2 ราย เมื่อเงินที่จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ ไม่พอชำระหนี้ได้หมดทั้ง 2 รายและจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ก็ไม่ได้ระบุว่าชำระหนี้รายใดก็ต้องถือว่าหนี้รายไหนถึงกำหนดก่อนก็ให้หนี้รายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไปก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328
การที่ผู้ออกเช็คห้ามมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คโดยสุจริต เพราะมูลหนี้ตามเช็คนั้น ได้มีการชำระเงินให้แล้วก็ดี หรือ เช็คนั้นไม่ถูกต้องตามมูลหนี้ที่มีต่อกันก็ดียังหามีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่
จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์โดยมูลหนี้เงินกู้ 2 ราย เมื่อเงินที่จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ ไม่พอชำระหนี้ได้หมดทั้ง 2 รายและจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ก็ไม่ได้ระบุว่าชำระหนี้รายใดก็ต้องถือว่าหนี้รายไหนถึงกำหนดก่อนก็ให้หนี้รายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไปก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328
การที่ผู้ออกเช็คห้ามมิให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คโดยสุจริต เพราะมูลหนี้ตามเช็คนั้น ได้มีการชำระเงินให้แล้วก็ดี หรือ เช็คนั้นไม่ถูกต้องตามมูลหนี้ที่มีต่อกันก็ดียังหามีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386-387/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: การบังคับชำระหนี้จากสินส่วนตัวและสินบริคณห์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 ที่บัญญัติว่า ถ้าสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน ให้ใช้จากสินบริคณฑ์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายนั้นมิได้หมายความว่า สามีหรือภริยาไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวนอกเหนือไปจากทรัพย์สินที่ระบุไว้นั้นแต่บัญญัติไว้เพื่อให้เห็นว่าในระหว่างที่เป็นสามีภริยากันอยู่ การชำระหนี้ย่อมบังคับเอาได้จากทรัพย์ทั้งสองประเภท ผิดกับมาตรา 1479 ซึ่งหนี้ส่วนตัวจะเอาได้จากสินส่วนตัวต่อไม่พอ จึงให้ใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของลูกหนี้