พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4714/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การเลื่อนคดีและการดำเนินคดีอนาถา กำหนดเวลาและขอบเขต
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องในวันเดียวกัน ผู้ร้องจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้ แม้จะมิได้โต้แย้งไว้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4714/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การแยกพิจารณาคำสั่งเลื่อนคดีและคำสั่งยกคำร้องดำเนินคดีอนาถา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องในวันเดียวกัน ผู้ร้องจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้ แม้จะมิได้โต้แย้งไว้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226(2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ ภายใน กำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226(2) มิใช่เป็นการอุทธรณ์ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ ภายใน กำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดี ศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4714/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาล: การพิจารณาประเภทคำสั่งและกำหนดเวลาอุทธรณ์ที่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีและถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องในวันเดียวกันผู้ร้องจึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้แม้จะมิได้โต้แย้งไว้ การอุทธรณ์ดังกล่าวมีกำหนดเวลาหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226(2)มิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาซึ่งต้องอุทธรณ์ภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้องโดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์เรื่องการขอเลื่อนคดีศาลฎีกาให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ในประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งอนุญาตให้เป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามอุทธรณ์จนกว่ามีคำพิพากษา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามอุทธรณ์จนกว่ามีคำพิพากษา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4616/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2528 จำเลยจะต้องร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายใน 10 วัน และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 10 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2528 แต่นำเงินตามคำพิพากษามาวางต่อศาลในวันที่ 26 มิถุนายน 2528 ซึ่งพ้นกำหนดเวลาให้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งแล้ว เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4616/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์: การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่ 3มิถุนายน 2528 จำเลยจะต้องร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายใน10 วัน และนำ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 10 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2528 แต่นำเงินตามคำพิพากษามาวางต่อศาลในวันที่ 26 มิถุนายน 2528 ซึ่งพ้นกำหนดเวลาให้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งแล้ว เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4616/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ และการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมตามกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเมื่อวันที่3มิถุนายน2528จำเลยจะต้องร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายใน10วันและนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด10วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่10มิถุนายน2528แต่นำเงินตามคำพิพากษามาวางต่อศาลในวันที่26มิถุนายน2528ซึ่งพ้นกำหนดเวลาให้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งแล้วเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา234.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4248/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาในคดีบังคับคดี: การพิจารณาคำสั่งอุทธรณ์ยังไม่สิ้นสุด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนหมายบังคับคดีผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องคงมีคำสั่งเฉพาะคำร้องขอทุเลาการบังคับของผู้ร้องเท่านั้นคดียังอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิฎีกาทั้งนี้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา247.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีหมิ่นประมาท: การโต้เถียงเรื่องวันที่รู้ความผิดและตัวผู้กระทำผิดเข้าข่ายปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์
ปัญหาว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ในกรณีความผิดอันยอมความได้นั้นอาจเป็นได้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กล่าวคือ ถ้ายังโต้เถียงว่า ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดเมื่อใด ย่อมเป็นปัญหาข้อเท็จจริง หากข้อเท็จจริงที่ได้ความยุติแล้วว่า ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่เมื่อใด และคู่ความโต้เถียงกันเพียงว่าอายุความเริ่มนับแต่เมื่อใดแล้วย่อมเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2526 แต่ร้องทุกข์เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2527 ซึ่งเป็นเวลาเกิน 3 เดือน นับแต่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดคดี จึงเป็นอันขาดอายุความ อันเป็นการยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499มาตรา 22 ประกอบพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 โจทก์อุทธรณ์ว่า ผู้เสียหายเพิ่งจะรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ อันเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาเพื่อจะนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่เมื่อใด เป็นอันยุติไปตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2526 แต่ร้องทุกข์เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2527 ซึ่งเป็นเวลาเกิน 3 เดือน นับแต่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดคดี จึงเป็นอันขาดอายุความ อันเป็นการยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499มาตรา 22 ประกอบพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 โจทก์อุทธรณ์ว่า ผู้เสียหายเพิ่งจะรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ อันเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาเพื่อจะนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์และศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่เมื่อใด เป็นอันยุติไปตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา