คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 5,000 บาท และการโต้เถียงข้อเท็จจริง ศาลฎีกายกคำฎีกาและคืนค่าธรรมเนียม
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าพันบาทซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาเสีย
ในกรณีพิพากษายกฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนค่าขึ้นศาลค่าตัดสินและค่าคำบังคับให้แก่ผู้ฎีกาได้
ฎีกาซึ่งโต้เถียงว่า ศาลควรฟังคำเบิกความของพยานปากนั้นปากนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม - คดีทุนทรัพย์น้อยกว่าห้าพันบาท ศาลฎีกายกคำฎีกาและคืนค่าธรรมเนียม
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าพันบาทซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น. ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง. แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง. ย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาเสีย.
ในกรณีพิพากษายกฎีกา. ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนค่าขึ้นศาลค่าตัดสินและค่าคำบังคับให้แก่ผู้ฎีกาได้.
ฎีกาซึ่งโต้เถียงว่า ศาลควรฟังคำเบิกความของพยานปากนั้นปากนี้. เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในชั้นฎีกา: ข้อจำกัดและข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ที่ดินที่จำเลยเช่า มีค่าเช่าเพียงปีละ 400 บาท และโจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 966.57 บาท เท่านั้น โจทก์จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้ในชั้นฎีกา ตามคำฟ้องฎีกาและคำแก้ฎีกามีประเด็นแต่เฉพาะในปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยค้างชำระค่าเช่าหรือไม่เท่านั้น เมื่ออุทธรณ์ข้อนี้เป็นข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ในชั้นฎีกาก็ต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาจำเลยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในชั้นฎีกา: กรณีค่าเช่าค้างชำระ
ที่ดินที่จำเลยเช่า มีค่าเช่าเพียงปีละ 400 บาท และโจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 966.57 บาท เท่านั้น โจทก์จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้ในชั้นฎีกา ตามคำฟ้องฎีกาและคำแก้ฎีกามีประเด็นแต่เฉพาะในปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยค้างชำระค่าเช่าหรือไม่เท่านั้น เมื่ออุทธรณ์ข้อนี้เป็นข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ในชั้นฎีกาก็ต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาจำเลยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในชั้นฎีกา: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ที่ดินที่จำเลยเช่า มีค่าเช่าเพียงปีละ 400 บาท.และโจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 966.57 บาท เท่านั้น. โจทก์จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้ในชั้นฎีกา. ตามคำฟ้องฎีกาและคำแก้ฎีกามีประเด็นแต่เฉพาะในปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยค้างชำระค่าเช่าหรือไม่เท่านั้น เมื่ออุทธรณ์ข้อนี้เป็นข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามอุทธรณ์. แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ในชั้นฎีกาก็ต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์. จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249. ศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาจำเลยให้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ศาลสั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นผู้ไร้ความสามารถและตั้งผู้อนุบาล ประเด็นข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นผู้ไร้ความสามารถและตั้งผู้อนุบาลนั้น เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์หรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาท และเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคลไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177-1178/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำขอท้ายฟ้องและการฎีกา ศาลฎีกามิอาจแก้คำพิพากษาให้โจทก์ได้ประโยชน์เกินกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา
เดิม คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงิน 750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้เพิ่มเติมฟ้องเฉพาะคำขอข้อนี้ว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงินปีละ 750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์คนละ750 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ โจทก์มิได้ฎีกา เป็นแต่ยื่นคำแถลงการณ์ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ไม่ชัดเจนขอให้พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ปีละ 750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์ ดังนี้ การที่จะพิพากษาให้เป็นไปตามที่โจทก์กล่าวในคำแถลงการณ์ จะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเพิ่มขึ้นจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดี มิใช่เป็นการแก้ไขให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขเพิ่มเติม หากโจทก์ไม่พอใจ ก็ชอบที่จะฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่เมื่อโจทก์ไม่ฎีกา ศาลฎีกาย่อมจะแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177-1178/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำขอท้ายฟ้องและการฎีกา ศาลฎีกาไม่สามารถเพิ่มค่าเสียหายจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้หากไม่ได้ฎีกา
เดิม คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงิน 750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ. ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้เพิ่มเติมฟ้องเฉพาะคำขอข้อนี้ว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงินปีละ 750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์. ศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว.แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์คนละ750 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ. โจทก์มิได้ฎีกา. เป็นแต่ยื่นคำแถลงการณ์ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ไม่ชัดเจนขอให้พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ปีละ 750 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์. ดังนี้ การที่จะพิพากษาให้เป็นไปตามที่โจทก์กล่าวในคำแถลงการณ์ จะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเพิ่มขึ้นจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์. เป็นการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดี มิใช่เป็นการแก้ไขให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น. แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้พิพากษาให้เป็นไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขเพิ่มเติม. หากโจทก์ไม่พอใจ. ก็ชอบที่จะฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์. แต่เมื่อโจทก์ไม่ฎีกา. ศาลฎีกาย่อมจะแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเพิ่มขึ้นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงคดีแพ่งต้องสอดคล้องกับคำพิพากษาคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง ศาลฎีกายึดถือข้อเท็จจริงจากศาลอุทธรณ์ในส่วนอาญา
ในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญายุติเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาของศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คสำคัญกว่าการไม่มีเงิน: ปัญหาข้อเท็จจริงห้ามฎีกา
การที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น มิใช่ว่า ถ้าจำเลยออกเช็คแล้วไม่มีเงินใช้ตามเช็คจะเป็นความผิดอาญาเสมอไป จะต้องมีกรณีตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ คือ 1 ออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฯลฯ เจตนาดังกล่าวนี้เป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความผิด เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังแล้วว่าจำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค โจทก์ร่วมเถียงว่ามีเจตนาเช่นนั้น เป็นการเถียงข้อเท็จจริงว่ามีพฤติการณ์ที่กฎหมายกำหนดให้เป็นความผิดเกิดขึ้นหรือไม่จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2509).
of 303