พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10820/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ของ กกต. ชอบด้วยกฎหมาย แม้ข้อความหลอกลวงมิได้ปรากฏในหนังสือร้องเรียนแรกเริ่ม แต่ได้จากการไต่สวน
แม้ ป. จะไม่ได้กล่าวถึงข้อความที่ว่า "เราชาวนราฯ ผู้สนับสนุนพรรค ช. ขอส่งรองประธานสาขาพรรค เขต 1 ว. เบอร์ 1 เขต 4 เป็นสมาชิก อบจ." ในหนังสือร้องเรียน แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อความดังกล่าวจากการไต่สวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต. จว. นราธิวาส ตามบันทึกถ้อยคำของ อ. ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนราธิวาสต้องส่งสำนวนและความเห็นให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา ตามข้อ 31 แห่งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2546 เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย จึงเท่ากับว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้วินิจฉัยข้อความที่ว่า "เราชาวนราฯ ผู้สนับสนุนพรรค ช. ขอส่งรองประธานสาขาพรรค เขต 1 ว. เบอร์ 1 เขต 4 เป็นสมาชิก อบจ." ที่ปรากฏจากการไต่สวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต. จว. นราธิวาส ว่า เป็นข้อความที่แสดงว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส จูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเองด้วยวิธีการหลอกลวง ให้เข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้สมัครของพรรค ช. ตามหนังสือร้องเรียนของ ป. แล้ว ดังนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงมีอำนาจร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยตามข้อ 36 แห่งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2546 การแจ้งความร้องทุกข์ของคณะกรรมการการเลือกตั้งจึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8203/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลยุติธรรมอิสระจากคำชี้ขาด กกต. ในคดีเลือกตั้ง – ค่าเสียหายการเลือกตั้งใหม่
การใช้อำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นไปตามบริบทเฉพาะในส่วนของการจัดการการเลือกตั้งตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรฐานของดุลพินิจก็เป็นไปตามกฎหมายเลือกตั้ง ดังเช่นกรณีมาตรา 97 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 บัญญัติว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว หากภายหลังมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใดกระทำการใดๆ โดยไม่สุจริตเพื่อให้ตนเองได้รับเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้นั้น และผลของการพิจารณาชี้ขาดก็เป็นไปตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่เมื่อมีการนำคดีมาฟ้องที่ศาลยุติธรรม ศาลยุติธรรมย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในบริบทของกระบวนพิจารณาคดีของศาลยุติธรรม ไม่มีกฎหมายใดกำหนดบังคับให้ศาลยุติธรรมจะต้องผูกพันตามคำชี้ขาดของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญา มาตรฐานในการวินิจฉัยคดีของศาลยุติธรรมก็แตกต่างจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ฉะนั้นศาลยุติธรรมย่อมมีคำวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบได้