คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กรรมความผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10565/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาที่ต้องยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ และการแยกกรรมความผิดฐานรวบรวมเมล็ดพันธุ์
แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยรวบรวมขายเมล็ดพันธุ์พืชชนิดข้าวเปลือกเจ้าซึ่งเสื่อมคุณภาพ ให้แก่ผู้ใด เมื่อใด สถานที่ใด จำนวนและราคาเท่าไร ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้องก็สามารถเข้าใจข้อหาได้ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
จำเลยฎีกาว่าไม่ได้ติดฉลากวันสิ้นอายุการใช้ทำพันธุ์เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่ผ่านการทดสอบความงอก และจำเลยไม่ได้เตรียมเมล็ดพันธุ์พืชไว้จำหน่ายหรือได้จำหน่ายให้แก่ผู้ใด เป็นฎีกาในทำนองปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ขัดกับที่จำเลยให้การรับสารภาพและเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา ฎีกาดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3 และ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 4 ซึ่งไม่อาจอนุญาตให้ฎีกาได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาข้อนี้มาจึงเป็นการไม่ชอบ
ความผิดฐานเป็นผู้รับใบอนุญาตรวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้าโดยไม่ระบุเดือนและปีที่รวบรวม เดือนและปีที่สิ้นอายุการใช้เพาะปลูกหรือใช้ทำพันธุ์ตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 มาตรา 22 (2) และความผิดฐานรวบรวมเมล็ดพันธุ์เสื่อมคุณภาพตามมาตรา 36 มีเจตนากระทำความผิดที่แตกต่างกัน จึงเป็นคนละกรรมกัน แม้จำเลยยังไม่ได้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ที่รวบรวม ก็ไม่ทำให้เป็นความผิดกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2251/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับกรรมความผิดฐานฉ้อโกงและใช้เอกสารสิทธิปลอม: การกระทำหลายกรรมในแต่ละวัน
การที่จำเลยหลอกลวง ส. ให้ส่งมอบบัตรเครดิตให้แก่ตน จากนั้นนำบัตรเครดิตไปแสดงต่อผู้เสียหายว่าเป็นของตน แล้วดำเนินการปลอมบันทึกรายการขายและใช้บันทึกรายการขายกับผู้เสียหายในคดีนี้เป็นจำนวนมากถึง 28 ฉบับ แม้จะทำเพียง 5 วัน ในแต่ละวันจะกระทำต่อผู้เสียหายคนเดียวกันก็จะถือว่าการกระทำแต่ละวันเป็นการกระทำกรรมเดียวไม่ใช่การกระทำหลายกรรม เป็นการกระทำ 5 กรรมดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไม่ เพราะโดยสภาพของการกระทำจำเลยต้องทำบันทึกรายการขายทีละฉบับ ทั้งจำเลยยังได้แสดงเจตนาต่อผู้เสียหายว่าประสงค์ที่จะทำแต่ละฉบับแยกประเภทสินค้าต่างหากจากกันโดยไม่ประสงค์ที่จะทำบันทึกรายการขายรวมสินค้าในแต่ละวันทั้งๆ ที่สามารถทำได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำหลายกรรมในแต่ละวันรวม 28 กรรม
การกระทำของจำเลยในแต่ละวันเป็นการกระทำกรรมเดียวหรือหลายกรรมเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำ 28 กรรม มิใช่ 5 กรรม แต่โจทก์มิได้ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง แต่ไม่อาจกำหนดโทษเพิ่มเติม เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งคำสั่งรื้อถอนอาคาร, การพิพากษาโทษปรับ, และการรวมกรรมความผิดฐานดัดแปลงอาคาร
อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากการส่งและแจ้งคำสั่งให้รื้อถอนอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ มาตรา 47 ทวิ บังคับให้ต้องทำทั้ง 2 วิธีพร้อมกันคือให้ทำเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้ผู้รับซึ่งจะต้องรับคำสั่งดังกล่าว ณ ภูมิลำเนาของผู้ร้องนั้น และปิดประกาศคำสั่งดังกล่าวไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่ายเป็นอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าวหรือไม่ มิใช่ปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แต่เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1060-1061/2563

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานไม่จ่ายค่าจ้าง-ค่าชดเชย: ศาลแก้ไขจำนวนกรรมความผิดเป็นรายลูกจ้าง และไม่รอการลงโทษจำคุก
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดฐานไม่จ่ายค่าจ้างเดือนสิงหาคม 2559 ต่อลูกจ้างแต่ละคน 87 กรรม ค่าจ้างเดือนกันยายน 2559 ต่อลูกจ้างแต่ละคน 87 กรรม และไม่จ่ายค่าชดเชยต่อลูกจ้างแต่ละคน 87 กรรม เมื่อลูกจ้างแต่ละคนมีสิทธิที่จะได้รับค่าจ้างและค่าชดเชยจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นนายจ้างแต่ละคนแยกเป็นราย ๆ ไป แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะกระทำต่อลูกจ้างทั้ง 87 คน ในคราวเดียวกัน แต่เป็นการกระทำที่มีเจตนาต่อลูกจ้างตามที่มีสิทธิได้รับแต่ละคนโดยเฉพาะ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นความผิดหลายกรรมตามจำนวนลูกจ้างแต่ละคน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าเป็นความผิดกรรมเดียว เป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์มิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และคดีสำหรับจำเลยที่ 1 จะยุติไปแล้ว แต่คดียังไม่ถึงที่สุด ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่ไม่อาจพิพากษาลงโทษครบทุกกรรมเป็นกระทงความผิดได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225 และแม้ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มี พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 มาตรา 11 ยกเลิกความในมาตรา 70 และมาตรา 14 ยกเลิกความใน (5) ของมาตรา 118 และมาตรา 20 ให้ยกเลิกความใน (1) ของมาตรา 144 และมาตรา 21 ให้ยกเลิกความใน (2) ของมาตรา 144 และมาตรา 24 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา 151 โดยข้อความที่ยกเลิกให้ใช้ข้อความใหม่แทน และมาตรา 15 ให้เพิ่มข้อความใหม่เป็น (6) ของมาตรา 118 ก็ตาม แต่ระวางโทษเท่าเดิม กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณ จึงต้องใช้กฎหมายเดิม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตาม ป.อ. มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโดยมีอาวุธปืน ความผิดต่อเด็ก และการรวมกรรมความผิด
จำเลยข่มขืนใจผู้เสียหายที่ 2 ให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้ถูกข่มขืนใจ และบังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริมให้ผู้เสียหายที่ 2 ประพฤติตนไม่สมควร ก็เพื่อมุ่งประสงค์จะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นความประสงค์มาแต่แรก การกระทำดังกล่าวจึงต่อเนื่องกันมาไม่ขาดตอน และโจทก์บรรยายฟ้องความผิดข้อหาข่มขืนใจผู้เสียหายที่ 2 ดังกล่าว และข้อหากระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืนรวมกันมาในข้อเดียวกัน ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสาม, 309 วรรคสอง และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26 (3), 78 ของจำเลย จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 745/2567

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานพนันออนไลน์ (ไพ่บาคาร่าและสล็อตแมชชีน) ศาลพิจารณาเป็นสองกรรมความผิด
การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันไพ่บาการาและจัดให้มีการเล่นพนันไพ่บาการา มีเจตนาเดียวกันคือให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันไพ่บาการาเพื่อจำเลยทั้งสามจะได้ผลกำไรจากการที่บุคคลต่าง ๆ เข้าเล่นการพนัน การกระทำส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวกัน ส่วนการที่จำเลยทั้งสามร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันสล๊อทแมชีน และจัดให้มีการเล่นพนันสล็อทแมชีน ก็มีเจตนาเดียวกันคือให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันสล๊อทแมชีน เพื่อจำเลยทั้งสามจะได้ผลกำไรจากการเล่นการพนัน การกระทำส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวกันเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการพนันไพ่บาการาและสล๊อทแมชีน เป็นการพนันคนละประเภท ลักษณะและวิธีการเล่นแตกต่างกัน การเล่นการพนันแต่ละประเภทต่างเป็นความผิดอยู่ในตัวเองไม่เกี่ยวข้องกัน การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันประกาศโฆษณาชักชวนและจัดให้มีการเล่นการพนันทั้งสองประเภทดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดสองกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4909/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกกรรมความผิดฐานเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก: แยกกรรมหรือไม่?
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ 1.1 จำเลยทั้งสองเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ร่วมกันทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร หรือส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก และยังร่วมกันนำข้อมูลคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็กที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยนำวิดีโอแสดงภาพและเสียงเด็กในลักษณะโป๊เปลือยและมีการร่วมประเวณี อัปโหลดเผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้สร้างและดูแล 1.2 ภายหลังจากที่กระทำความผิดดังกล่าว เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าสื่อลามกอนาจารเด็ก จำเลยทั้งสองร่วมกันโฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใด ๆ ว่าสื่อลามกอนาจารเด็กนั้นสามารถรับชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้สร้างและดูแล ทั้งยังได้ร่วมกันเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์สื่อลามกอนาจารเด็กดังกล่าว โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันมีลักษณะลามกและประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ โดยจำเลยทั้งสองใช้บัญชีเฟซบุ๊กและอีเมลเป็นช่องทางในการติดต่อโฆษณาแก่ประชาชนทั่วไปว่าสื่อลามกอนาจารเด็กสามารถรับชมได้ผ่านทางเว็บไซต์ที่จำเลยทั้งสองเป็นผู้สร้างและดูแล ทั้งยังให้บุคคลทั่วไปสามารถติดต่อลงโฆษณาสินค้าหรือบริการในเว็บไซต์ดังกล่าวได้โดยมีค่าใช้จ่าย อันเป็นการค้าสื่อลามกอนาจารเด็กของจำเลยทั้งสอง จากคำบรรยายฟ้องข้อ 1.1 เห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองเป็นการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (4) ซึ่งนำไปสู่การแพร่หลายแก่ประชาชนโดยเข้าถึงผ่านทางเว็บไซต์ที่จำเลยทั้งสองสร้างขึ้น อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 287/2 (1) ทำให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองเจตนาทำให้แพร่หลายซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กอันเป็นความประสงค์หลัก การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 287/2 (1) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ส่วนคำบรรยายฟ้องข้อ 1.2 นั้น เห็นว่า แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (5) มาด้วย แต่ตามพฤติการณ์กระทำความผิดข้อนี้เป็นการโฆษณาชักจูงให้ประชาชนเข้าชมสื่อลามกอนาจารเด็กผ่านเว็บไซต์ของจำเลยทั้งสอง และให้บุคคลลงโฆษณาสินค้าและบริการในเว็บไซต์ดังกล่าวอันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 287/2 (3) การกระทำของจำเลยทั้งสองหาใช่เป็นการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกโดยตรงแต่อย่างใดไม่ เพียงแต่การกระทำของจำเลยทั้งสองมีเจตนาพิเศษเพื่อช่วยการทำให้แพร่หลายและการค้าเท่านั้น การร่วมกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองข้อนี้จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 287/3 เพียงบทเดียว ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (5) เมื่อคดีนี้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ซึ่งโจทก์บรรยายฟ้องแยกการกระทำความผิดออกเป็นสองข้อต่างหากจากกัน โดยการกระทำความผิดตามฟ้องข้อ 1.2 เป็นการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่การกระทำความผิดข้อ 1.1 สำเร็จแล้ว และมีพฤติการณ์กระทำความผิดกับองค์ประกอบความผิดที่แตกต่างจากกัน อีกทั้งจำเลยทั้งสองกระทำความผิดครั้งหลังโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่จำเลยทั้งสองเพื่อการค้าและดึงดูดให้ประชาชนรับชมเว็บไซต์ของจำเลยทั้งสองมากขึ้น อันเป็นการเพิ่มความร้ายแรงแห่งการกระทำความผิดไปด้วย แม้จำเลยทั้งสองยังคงมีเจตนาพิเศษเพื่อทำให้แพร่หลายและเพื่อการค้าเช่นเดียวกัน แต่ไม่อาจถือเอาเจตนาพิเศษเพียงประการเดียวมาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวได้ การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองในข้อ 1.2 ถือได้ว่าเป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดในข้อ 1.1
of 2