พบผลลัพธ์ทั้งหมด 37 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทจากการกล่าวหา 'ไถเงิน' กรณีขึ้นทะเบียนทหาร ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
สัสดีอำเภอแนะนำให้บุตรจำเลย ยื่นคำร้องขอใช้นามสกุลของมารดา ก่อนรับขึ้นทะเบียนทหาร โดยเสียค่าธรรมเนียม 52 บาท จำเลยไม่ยอม และให้ข่าวหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาว่าสัสดีไถเงิน เป็นหมิ่นประมาท โดยไม่ใช่แสดงความคิดเห็นป้องกันตนโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทจากการกล่าวหาความไม่ดีของบุคคล แม้เกิดจากความหึงหวง
กล่าวว่าหญิงเป็นคนสำเพ็งคนไม่ดี 5 ผัว 6 ผัว แม้กล่าวด้วยความหึงหวงสามีมิให้คบกับหญิงนั้นก็เป็นหมิ่นประมาท ตามมาตรา 326
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1771/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาท - การกล่าวหาแพร่ข่าวไม่จริงต้องระบุรายละเอียด - ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทหากไม่ชัดเจน
จำเลยเขียนจดหมายถึงสามีโจทก์โดยใส่รวมไปในซองเดียวกับจดหมายที่จำเลยเขียนถึง น. มีข้อความว่า เพราะข่าวต่าง ๆ ซึ่งสามีโจทก์และโจทก์ชอบกุข่าวโคมลอยอยู่เสมอ ๆ เพื่อให้ผลเสียหายเกิดแก่จำเลย ข้อความดังกล่าวไม่ปรากฏว่าเป็นการกล่าวหาว่าโจทก์แพร่ข่าวที่ไม่จริงในเรื่องใด จึงไม่อาจฟังว่าเป็นการทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาศาลไม่เป็นธรรมในคำฟ้องอุทธรณ์ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล แม้จะคัดจากเอกสารอื่น
โจทก์ยื่นคำแถลงไปยังสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาคมีข้อความว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่พูดกันในขณะจดรายงานฯ เป็นการช่วยเหลือฝ่ายจำเลยซึ่งมีอิทธิพล ทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีและเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่โจทก์ในการดำเนินกระบวนพิจารณา ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยคัดข้อความดังกล่าวมาในฟ้องอุทธรณ์ด้วย ข้อความดังกล่าวนี้กล่าวหาว่าศาลไม่เป็นธรรมจึงถือได้ว่าเป็นข้อความที่มุ่งกล่าวเสียดสีศาล
แม้ข้อความที่กล่าวเสียดสีศาลจะเป็นข้อความซึ่งโจทก์คัดมาจากคำแถลงของโจทก์และหาใช่ถ้อยคำที่โจทก์ใช้ในอุทธรณ์ก็ตาม แต่การที่โจทก์ยกมากล่าวไว้ในอุทธรณ์โดยไม่จำเป็น จึงเป็นการแสดงเจตนาว่าโจทก์มุ่งกล่าวให้เห็นในคำฟ้องอุทธรณ์ด้วย
แม้ตัวโจทก์จะเป็นผู้ยื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลก็ตาม แต่ทนายโจทก์ก็เป็นผู้เรียงข้อความที่เสียดสีเหล่านั้น ผลแห่งการยื่นจึงถือได้เท่ากับว่าทนายโจทก์เป็นผู้ยื่นเองด้วย ฉะนั้น ตัวโจทก์และทนายโจทก์ย่อมมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลในฐานที่ประพฤติตนไม่เรียบร้อยอย่างหนึ่งในบริเวณศาล
แม้ข้อความที่กล่าวเสียดสีศาลจะเป็นข้อความซึ่งโจทก์คัดมาจากคำแถลงของโจทก์และหาใช่ถ้อยคำที่โจทก์ใช้ในอุทธรณ์ก็ตาม แต่การที่โจทก์ยกมากล่าวไว้ในอุทธรณ์โดยไม่จำเป็น จึงเป็นการแสดงเจตนาว่าโจทก์มุ่งกล่าวให้เห็นในคำฟ้องอุทธรณ์ด้วย
แม้ตัวโจทก์จะเป็นผู้ยื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลก็ตาม แต่ทนายโจทก์ก็เป็นผู้เรียงข้อความที่เสียดสีเหล่านั้น ผลแห่งการยื่นจึงถือได้เท่ากับว่าทนายโจทก์เป็นผู้ยื่นเองด้วย ฉะนั้น ตัวโจทก์และทนายโจทก์ย่อมมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลในฐานที่ประพฤติตนไม่เรียบร้อยอย่างหนึ่งในบริเวณศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฟ้องเท็จ (มาตรา 175) ต้องมีเจตนาและกล่าวหาผู้อื่นกระทำความผิด การบรรยายฟ้องเพื่อแสดงอำนาจฟ้อง ไม่ถือเป็นความผิด
ความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 ต้องเป็นการเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา และผู้กระทำจะต้องรู้ว่าความที่นำไปฟ้องนั้นเป็นเท็จด้วย เพียงแต่จำเลยบรรยายฟ้อง เพื่อให้เห็นว่ามีอำนาจฟ้องในคดีนั้น โดยไม่ใช่ข้อกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิด หรือจำเลยไม่รู้ว่าความที่นำไปฟ้องนั้นเป็นเท็จ จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 175
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา ถ้าคดีไม่มีมูลให้พิพากษายกฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 167 นั้น จะทำเป็นรูปคำพิพากษาหรือคำสั่งก็ได้แต่ต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 186 โดยต้องมีข้อเท็จจริงซึ่งพิจารณาได้ความและเหตุผลในการตัดสิน ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามควรแก่รูปคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา ถ้าคดีไม่มีมูลให้พิพากษายกฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 167 นั้น จะทำเป็นรูปคำพิพากษาหรือคำสั่งก็ได้แต่ต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 186 โดยต้องมีข้อเท็จจริงซึ่งพิจารณาได้ความและเหตุผลในการตัดสิน ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามควรแก่รูปคดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรงเป็นเหตุหย่าได้ กรณีกล่าวหาประพฤติผิดศีลธรรม
จำเลยเขียนข้อความในเอกสารหมาย จ.1 ว่า โจทก์เป็นคนดอกทอง จำเลยมีปากเสียงกับโจทก์บ่อยๆ 3 วันครั้งบ้าง 5 วันครั้งบ้าง เพราะระแวงว่าโจทก์ไปติดต่อกับชายอื่น แม้ในวันแต่งงานเมื่อจำเลยทราบว่าโจทก์ไปรับของขวัญจากชายอื่นจำเลยไม่พอใจมากพอตกกลางคืนก็ว่าโจทก์คงทำมิดีมิร้าย คือ คงจะได้เสียกับชายอื่นต่อมาอีก 2-3 วันก็ว่าโจทก์อีก และว่าโจทก์ดอกทอง เป็นผู้หญิงไม่ดีจำเลยด่าว่าโจทก์บ่อยๆ กับว่าถึงพ่อแม่โจทก์ว่าไม่ดี ไม่สั่งสอนลูกด้วยดังนี้ เห็นว่าที่จำเลยด่าโจทก์เพราะโจทก์ไปรับของขวัญจากชายอื่นในวันแต่งงานกับจำเลยจำเลยข้องใจเชื่อว่าโจทก์คงได้เสียกับชายคนนั้น จึงว่าโจทก์ว่าคงได้เสียกันต่อมาก็ว่าโจทก์ทำนองเดียวกันอีกที่จำเลยด่าโจทก์ว่า คนดอกทอง มีความหมายว่าโจทก์ประพฤติตนเป็นหญิงใจง่ายในทางประเวณี มิใช่เป็นเพียงผรุสวาจาและมิใช่เป็นการด่าว่าด้วยมีโทสะจริตวู่วามขึ้นมาขณะหนึ่งหากแต่จำเลยด่าว่าโจทก์บ่อยๆ ซึ่งย่อมเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายทางจิตใจเพิ่มมากยิ่งขึ้นๆเช่นนี้ การกระทำของจำเลยตั้งแต่ต้นจนถึงในที่สุดรวมกันชี้ให้เห็นว่าเป็นการกระทำด้วยเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์และเป็นการร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาชู้และขโมยเงินในครอบครัว ไม่ถึงเหตุร้ายแรงให้หย่าขาดจากกัน
สามีกล่าวขึ้นในขณะโมโหหึงและกล่าวในบ้านภายในวงครอบครัวว่าภรรยามีชู้นั้น ยังไม่เป็นการร้ายแรงถึงขนาดที่จะให้หย่าขาดจากกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2)
สามีว่าภรรยาและแม่ยายว่าขโมยเงินไป 100 บาทนั้น เป็นข้อความที่สามีคาดการณ์โดยเดาเอาเพราะเงินหายไป 100 บาท ดังนี้ยังไม่ถือว่าเป็นหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นการร้ายแรงถึงขนาดให้หย่าขาดจากกัน
สามีว่าภรรยาและแม่ยายว่าขโมยเงินไป 100 บาทนั้น เป็นข้อความที่สามีคาดการณ์โดยเดาเอาเพราะเงินหายไป 100 บาท ดังนี้ยังไม่ถือว่าเป็นหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นการร้ายแรงถึงขนาดให้หย่าขาดจากกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฟ้องเท็จตามมาตรา 175 อาญา: การกล่าวหาโดยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จ
มาตรา 175 แห่งประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติเพียงว่าเอาความอันเป็นเท็จฟ้องกล่าวหาเขาในทางอาญาเท่านั้นก็เป็นความผิดมิได้บัญญัติว่า เป็นความเท็จที่จะทำให้มีความผิดทางอาญาทั้งนี้ ก็เพื่อหวังจะป้องกันมิให้แกล้งกล่าวหากันในทางอาญาอันจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาถูกฟ้องได้รับความเดือดร้อนเสียหายฉะนั้น เมื่อจำเลยแกล้งฟ้องโดยรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเป็นความเท็จจึงย่อมมีความผิดตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาบุคคลโดยปราศจากเจตนาใส่ร้าย และการแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งผู้อื่น
มารดาถูกขว้างด้วยก้อนอิฐ บุตรไม่เห็นคนขว้าง แต่ได้กล่าวต่อหน้าคนหลายคนว่า ไม่มีใครนอกจากอ้ายแก้ว (โจทก์) อ้ายชาติหมา อ้ายฉิบหาย ดังนี้ พฤติการณ์ในคดีแสดงว่าไม่มีเจตนาใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่า เห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้น เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุใหญ่ครั้งที่ 35/2503)
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่า เห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้น เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุใหญ่ครั้งที่ 35/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาโดยปราศจากเจตนาใส่ความไม่เป็นหมิ่นประมาท แต่การแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งผู้อื่นเป็นความผิดอาญา
มารดาถูกขว้างด้วยก้อนอิฐ บุตรไม่เห็นคนขว้างแต่ได้กล่าวต่อหน้าคนหลายคนว่า "ไม่มีใครนอกจากอ้ายแก้ว(โจทก์)อ้ายชาติหมา อ้ายฉิบหาย" ดังนี้พฤติการณ์ในคดีแสดงว่าไม่มีเจตนาใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่าเห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้นเป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2503)
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่าเห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้นเป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2503)