พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ: การกระทำต่อเนื่องจากบนรถถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ในยวดยาน
จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการดึง ตัวผู้เสียหายให้ลงมาจากรถโดยสารประจำทาง แม้จำเลยจะบังคับเอาทรัพย์จากผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายลงมาจากรถ และจำเลยยืนอยู่นอกรถก็ตาม แต่การชิง ทรัพย์นั้นได้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายในขณะที่ผู้เสียหายยังอยู่บนรถ ซึ่งเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันไม่ขาดตอนกรณีย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิง ทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ: การกระทำต่อเนื่องและขอบเขตความผิด
จำเลยยืนอยู่นอกรถยนต์โดยสารประจำทาง ใช้กำลังประทุษร้ายดึงตัวผู้เสียหายให้ลงมาจากรถแล้วบังคับเอาทรัพย์จากผู้เสียหาย เช่นนั้น การชิงทรัพย์ได้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายในขณะที่ผู้เสียหายยังอยู่บนรถซึ่งเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันไม่ขาดตอนกับการบังคับเอาทรัพย์จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสองประกอบกับมาตรา 335(9).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรับของโจร: การกระทำต่อเนื่องและต่างสาระสำคัญ
จำเลยร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ รุ่งขึ้นจำเลยจูงกระบือที่ปล้นไปนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับของโจรจึงต่างกับฟ้องในข้อสาระสำคัญลงโทษไม่ได้ การจูงกระบือในวันรุ่งขึ้นไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรขึ้นใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213-2214/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำต่อเนื่องเพื่อเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับความยินยอม มีเจตนาทุจริตเข้าข่ายความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยที่ 1 หยิบแว่นตาจากกระเป๋าเสื้อผู้เสียหายขณะนั่งอยู่ในร้ายขายอาหารไปใส่ส่องกระจกดู แล้วจำเลยทั้งสามเดินออกจากร้านไป ไม่คืนแว่นตา เมื่อผู้เสียหายไปขอคืน จำเลยไม่คืนให้ กลับให้จำเลยที่ 2 เอาแว่นตาไป ผู้เสียหายขอคืนจากจำเลยที่ 2 ๆ ไม่ให้ จำเลยที่ 3 คว้าเอาไปอีกต่อหนึ่งต่อหน้าผู้เสียหาย แล้วพากันขึ้นรถประจำทางไป ผู้เสียหายตามไปทวงคืนอีกจำเลยที่ 2 ที่ 3 พูดว่า อย่าตามมานะ ถ้าตามจะเจ็บตัว ต่อมาในวันเกิดเหตุนั่นเอง จำเลยที่ 3 เอาแว่นตาไปจำนำ ดังนี้ จำเลยทั้งสามต้องมีความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การกระทำต่อเนื่องจากการทำร้ายร่างกาย ไม่พอฟังว่ามีเจตนาฆ่า
จำเลยเตะผู้เสียหาย 2 ที แล้วตบ 2 ที ผู้เสียหายล้มลงในนาซึ่งมีน้ำลึกประมาณ 1 ศอก จำเลยเอามือกดศีรษะผู้เสียหายลงในน้ำประมาณ 1 อึดใจ มีคนอื่นมาช่วยแยกคนทั้งสองออกจากกัน และดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว ต่อมาประมาณ 1 นาทีจึงรู้สึกตัวถ้าไม่ดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายก็คงตาย แต่ได้ความว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหายมาก่อน เหตุเกิดขึ้นเนื่องจากได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับจ้างทำนา การตบเตะและกดศีรษะลงในน้ำเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน การกดน้ำเป็นการกระทำต่อเนื่องจากการตบเตะ และจำเลยมีมีดอยู่ก็มิได้ใช้มีดทำร้าย ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1163/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งมรดก: การกระทำต่อเนื่องเพื่อเรียกร้องสิทธิไม่ขาดอายุความ
เมื่อโจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทได้ครอบครองที่มรดกร่วมกันมาแล้วเพียงเมื่อจำเลยห้ามน้องชายโจทก์มิให้เก็บผลไม้ในที่พิพาทได้สะดวก แต่ต่อนั้นก็ใช่ว่าโจทก์ยอมสงบไม่ยังคงติดตามให้คนเข้าเก็บและร้องต่อผู้ใหญ่บ้านกำนันให้จำเลยจัดการแบ่งให้เรื่อย ๆ มาจนมาฟ้องต่อเนื่องกันเช่นนี้ อายุความฟ้องของโจทก์ไม่ต้องบังคับตามอายุความ 1 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตกเป็นบริวารจากการกระทำต่อเนื่อง แม้มีการจดทะเบียนหย่า ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการบังคับคดีได้
เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่นางเจิมในคดีแดงที่ 722/2493 ศาลพิพากษาให้ขับไล่นางเจิม โจทก์อ้างว่าจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นสามีภรรยาเป็นบริวารของนางเจิมขอให้ขับไล่ด้วยจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่บริวารของนางเจิม นางอุไร ภรรยาเป็นผู้เช่าจากนางเจิมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
โจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่สามีที่สุดโจทก์กับสามีตกลงประนีประนอมยอมความกันที่ศาล คือโจทก์ยอมให้สาลีเช่าอยู่ต่อไปอีก 2 ปี ครบกำหนดโจทก์ขอให้ศาลบังคับสามีและภรรยา สามียอมออกแต่ภรรยาไม่ยอมออก อ้างว่าตนเป็นผู้เช่าได้รับความคุ้มครอง คำพิพากษาย่อมไม่ผูกพันตนเพราะตนเป็นผู้เช่าสามีไม่มีอำนาจไปทำยอม และได้หย่าขาดจากสามีภรรยาก่อนศาลพิพากษาตามยอมแล้ว
ดังนี้แม้จะได้ความว่าภรรยามีชื่อเป็นผู้เช่า แต่ขณะนั้นสามีภรรยายังอยู่กินในห้องพิพาท เวลาทำสัญญาสามีก็มาด้วยและลงชื่อเป็นพยานในสัญญาเช่า เมื่อคราวศาลเรียกสามีภรรยามาสอบในคดีก่อนคือคดีแดงที่ 722/2493 ภรรยาทราบแต่ไม่มา สามีมาแถลงต่อศาลว่าตนกับภรรยาอยู่ในห้องโดยตนเป็นผู้เช่าจากนางเจิม เมื่อสามีทำยอมกับโจทก์ที่ศาลภรรยาก็ทราบระหว่างนั้นภรรยายังนำค่าเช่ามาชำระให้โจทก์ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นชัดว่าภรรยายอมถือว่าสามีเป็นผู้เช่าห้องพิพาทภรรยาย่อมตกเป็นบริวาร ที่ภรรยาอ้างว่าหย่าขาดนั้นเป็นเพียงโล่ห์บังหน้าเพื่อเลี่ยงการบังคับ
โจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่สามีที่สุดโจทก์กับสามีตกลงประนีประนอมยอมความกันที่ศาล คือโจทก์ยอมให้สาลีเช่าอยู่ต่อไปอีก 2 ปี ครบกำหนดโจทก์ขอให้ศาลบังคับสามีและภรรยา สามียอมออกแต่ภรรยาไม่ยอมออก อ้างว่าตนเป็นผู้เช่าได้รับความคุ้มครอง คำพิพากษาย่อมไม่ผูกพันตนเพราะตนเป็นผู้เช่าสามีไม่มีอำนาจไปทำยอม และได้หย่าขาดจากสามีภรรยาก่อนศาลพิพากษาตามยอมแล้ว
ดังนี้แม้จะได้ความว่าภรรยามีชื่อเป็นผู้เช่า แต่ขณะนั้นสามีภรรยายังอยู่กินในห้องพิพาท เวลาทำสัญญาสามีก็มาด้วยและลงชื่อเป็นพยานในสัญญาเช่า เมื่อคราวศาลเรียกสามีภรรยามาสอบในคดีก่อนคือคดีแดงที่ 722/2493 ภรรยาทราบแต่ไม่มา สามีมาแถลงต่อศาลว่าตนกับภรรยาอยู่ในห้องโดยตนเป็นผู้เช่าจากนางเจิม เมื่อสามีทำยอมกับโจทก์ที่ศาลภรรยาก็ทราบระหว่างนั้นภรรยายังนำค่าเช่ามาชำระให้โจทก์ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นชัดว่าภรรยายอมถือว่าสามีเป็นผู้เช่าห้องพิพาทภรรยาย่อมตกเป็นบริวาร ที่ภรรยาอ้างว่าหย่าขาดนั้นเป็นเพียงโล่ห์บังหน้าเพื่อเลี่ยงการบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีพนัน: การระบุช่วงเวลาที่ไม่ชัดเจนแต่แสดงถึงการกระทำต่อเนื่องและมีหลักฐานสนับสนุน
คดีเกี่ยวกับการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากกินรวบนั้น แม้ว่าฟ้องของโจทก์ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดโดยกว้างขวางมาก (บรรยายว่าระหว่างตั้งแต่เดือนใดไม่ปรากฏชัดในปี 2495 ถึงวันที่ 29 ต.ค.96) ก็ตามเมื่อสภาพความผิดชนิดที่ฟ้องนี้เป็นการที่ผู้กระทำได้กระทำอยู่เนืองๆ ตลอดมา ซึ่งโจทก์อาจจะไม่รู้ได้ว่าจำเลยได้กระทำแต่ละครั้งวันใดบ้าง แต่ก็คงกระทำในระหว่างวันเวลาตามที่กล่าวในฟ้องนั้นเอง และในฟ้องของโจทก์ยังได้ระบุวันที่เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยของกลาง (วันที่ 29 ต.ค.96) หลายอย่างซึ่งเกี่ยวกับการที่จำเลยจำหน่ายสลาก ดังนี้จำเลยก็ย่อมเข้าใจได้ดีว่าจำเลยถูกจับได้ของกลางในวันที่ 29 ต.ค.96 อันเป็นสิ่งที่แสดงว่าจำเลยได้กระทำผิดในระหว่างวันเวลาที่โจทก์กล่าวหานั้น ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องของโจทก์ในข้อกฎหมาย โดยยังไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงนั้นตาม กฎหมาย ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลฎีกาที่จะพิจารณาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่หรือจะพิจารณาพิพากษาให้เสร็จไปเสียทีเดียวก็ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่18/2498)
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องของโจทก์ในข้อกฎหมาย โดยยังไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงนั้นตาม กฎหมาย ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลฎีกาที่จะพิจารณาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่หรือจะพิจารณาพิพากษาให้เสร็จไปเสียทีเดียวก็ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่18/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบคิดทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องและต่างจิตต่างใจไม่ถือเป็นความร่วมมือ
จำเลยเป็นคนก่อเหตุขึ้นในวงรำวงก่อน แล้วมีผู้มาห้ามระหว่างที่พูดขอร้องอยู่นั้น มีคนอีกคนหนึ่งสืบเท้าเข้ามาเอามีดพกปลายแหลมแทงผู้กล่าวห้าม 1 ที แล้วเอามีดกลับใส่ฝักเดินกลับไปยืนอยู่ในหมู่คน ผู้ถูกแทงเซไปจำเลยจึงเงื้อมีดจะแทงผู้นั้นบ้าง แต่มีผู้จับมีดไว้ได้เสียก่อน ดังนี้จะถือว่าจำเลยสมคบกับผู้ที่แทงคนแรกในการทำร้ายร่างกายผู้ห้ามนั้น ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่: การบรรยายฟ้องไม่จำเป็นต้องระบุวันเดือนปี หากเป็นการกระทำต่อเนื่อง
โจทก์บรรยายว่าให้จำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์ บัดนี้ไม่สมัครใจให้อยู่จึงขอขับไล่ดังนี้แม้จะไม่ได้ระบุวันเดือนใด ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะการให้อาศัยเป็นอาการปฏิบัติสืบเนื่องติดต่อกันมา เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและลักษณะแห่งประเภทคดีให้เป็นที่เข้าใจได้แล้ว