คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การกระทำผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 354 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3649-3650/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดโดยบันดาลโทสะจากเหตุข่มเหง การพิจารณาความรุนแรงของการกระทำและลดโทษ
ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นวัยรุ่นบุกรุกเข้ามาในบริเวณบ้านที่จำเลยที่ 2 และครอบครัวอยู่อาศัยและปีนหลังคาห้องน้ำแอบดูการอาบน้ำของน้องสาวจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ในวัยรุ่นเช่นกันและยังอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการข่มเหงจำเลยที่ 2 อย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จนก่อให้เกิดโทสะขึ้นถึงขั้นกระทำความผิดลงได้ จำเลยที่ 2 ใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายทั้งสองได้รับอันตรายสาหัส แม้การกระทำของจำเลยที่ 2 จะกระทำต่อผู้เสียหายทั้งสองในลักษณะที่รุนแรงเกินไป การกระทำของจำเลยที่ 2 ก็ยังเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72 ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงความเหมาะสมแห่งพฤติการณ์และความร้ายแรงในการกระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3642/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลริบของกลาง: ธนบัตรจากการกระทำผิดก่อนหน้าคดีปัจจุบัน ไม่เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ธนบัตรจำนวน 300 บาท ที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งริบนั้นจำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก่อนคดีนี้ ดังนั้น ธนบัตรดังกล่าวจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดในคดีที่จำเลยถูกฟ้อง ศาลจึงไม่มีอำนาจริบธนบัตรดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาริบธนบัตร 300 บาท ดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ แม้จำเลยจะไม่อุทธรณ์แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรถไม่รู้เห็นการกระทำผิดจากการเช่ารถพร้อมคนขับ แม้มีน้ำหนักบรรทุกเกิน ก็ไม่ถือว่ามีส่วนได้เสีย
ขณะเกิดเหตุผู้ร้องให้บริษัท อ. เช่ารถยนต์บรรทุกของกลางไป และเนื่องจากเป็นการเช่ารถพร้อมพนักงานขับรถมีกำหนด 1 ปี ชำระค่าเช่าเป็นรายเดียน เจ้าของรถผู้ให้เช่าย่อมไม่ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการที่รถต้องบรรทุกน้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะไม่ได้คิดค่าเช่าตามอัตราน้ำหนักบรรทุก ทั้งยังมีข้อสัญญาห้ามผู้เช่านำรถที่เช่าไปใช้ในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย ผู้ร้องจึงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์และฎีกาที่ขัดกับคำให้การรับสารภาพ และประเด็นการคืนทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยให้การรับสารภาพว่าทรัพย์สินของกลางที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง เป็นอุปกรณ์และทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการเล่นพนันจริง ศาลรับฟังได้โดยโจทก์ไม่ต้องนำพยานหลักฐานมาสืบอีก ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ว่า เงินสดและเครื่องรับส่งเอกสารของกลางมิใช่ทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด ขอให้คืนทรัพย์สินดังกล่าวแก่จำเลยทั้งสี่ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ เป็นการไม่ชอบและขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยให้นั้น จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์ซึ่งขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสี่ และมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 และเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นอ้างในชั้นฎีกาด้วย จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5346/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรถจักรยานยนต์มีสิทธิขอคืนรถได้ แม้จำเลย (บุตร) นำไปใช้กระทำผิด หากไม่มีเจตนาอนุญาตให้ใช้โดยเสรี
แม้ผู้ร้องจะเป็นบิดาของจำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์และอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันขณะผู้ร้องไม่อยู่บ้านจะเก็บกุญแจรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ในตู้โดยไม่มีที่ล็อกแต่ได้ความว่าผู้ร้องเคยอนุญาตให้จำเลยใช้รถแต่ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และยังเคยตักเตือนจำเลยว่าอย่าขับรถเร็วและอย่าประมาท ประกอบกับจำเลยขับรถจักรยานยนต์ไปใช้กระทำความผิดขณะที่ผู้ร้องไปเฝ้ามารดาที่ป่วยที่โรงพยาบาล พฤติการณ์จึงไม่มีข้อส่อแสดงว่าผู้ร้องยินยอมอนุญาตให้จำเลยนำรถของกลางไปใช้ได้ตลอดเวลาตามที่จำเลยต้องการโดยไม่คำนึงว่าจำเลยจะนำรถไปใช้ในกิจการใดอันจะถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดในลักษณะที่เป็นการเสี่ยงภัยต่อร่างกายและชีวิตของจำเลย ผู้ร้องย่อมมีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลาง (โทรศัพท์มือถือ) ในคดียาเสพติด ต้องพิสูจน์การใช้เพื่อกระทำผิดโดยตรง
เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้นำโทรศัพท์มือถือของกลางมาใช้สำหรับติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้โทษอย่างไร โทรศัพท์มือถือจึงไม่ใช่เครื่องมือเครื่องใช้ หรือวัตถุอื่นซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิด ซึ่งหมายถึงเฉพาะความผิดที่กระทำในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และ 33(2) จึงไม่อาจริบได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาเห็นควรหยิบยกว่ากล่าวและสั่งคืนแก่เจ้าของได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2894/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อแม้มีการนำไปใช้กระทำผิด ผู้ร้องมีสิทธิขอคืนได้
บริษัทผู้ร้องให้ ณ. เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลาง ณ. ชำระเรื่อยมา จำเลยก็นำรถของกลางไปกระทำผิด ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถของกลางยังเป็นของผู้ร้องอยู่ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอคืนรถของกลางได้ เมื่อจำเลยกระทำผิดโดยลำพัง ซึ่ง ณ. และผู้อื่นมิได้รู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย การที่ผู้ร้องขอคืนรถของกลางเพื่อให้ ณ. ปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อต่อไป จึงมิได้เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้กระทำผิดอันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด ต้องคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินจากคดียาเสพติด: พิจารณาฐานะทางเศรษฐกิจและที่มาของทรัพย์สิน
ผู้คัดค้านที่ 1 มีอาชีพค้าขายโคกระบือ แต่ในบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านที่ 1 มีรายการฝากแต่ละครั้งเป็นเงินจำนวนมาก บางครั้งมากถึง 500,000 บาท และแม้ผู้คัดค้านที่ 1 จะอ้างว่าตนเป็นเจ้ามือสลากกินรวบมีรายได้ประมาณเดือนละ 50,000บาท ถึง 70,000 บาท ก็มิใช่อาชีพสุจริตที่จะอ้างถึงมูลเหตุการได้มาซึ่งทรัพย์สินของตนได้ ประกอบกับทรัพย์สินที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินยึดและอายัดไว้นั้น นอกจากเงินสด 343,340 บาทแล้ว ล้วนแต่เป็นทองรูปพรรณและอัญมณีจำนวนมากถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่หรือได้มาเกินกว่าฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพโดยสุจริต จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 29 วรรคท้าย
ส่วนผู้คัดค้านที่ 2 แม้ว่าศาลจะพิพากษายกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ทำให้ไม่สามารถริบทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 2 ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ก็ตาม แต่เมื่อผู้คัดค้านทั้งสองเป็นสามีภริยากัน และศาลลงโทษผู้คัดค้านที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว ซึ่งผู้คัดค้านที่ 2 ก็รับว่าเป็นเพียงแม่บ้านมีหน้าที่ดูแลบุตรเท่านั้น ผู้คัดค้านที่ 2 จึงไม่มีอาชีพใดที่จะสามารถมีเงินได้เพื่อนำไปซื้อทรัพย์สินมีค่าเหล่านั้น แต่กลับมีเงินในบัญชีเงินฝากสูงสุดถึง340,000 บาท ทรัพย์สินอื่นก็ล้วนแต่เป็นทองรูปพรรณและอัญมณีจำนวนมากถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่เกินฐานะหรือความสามารถของผู้คัดค้านที่ 2 จึงเห็นได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ได้มาเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลจึงมีอำนาจริบทรัพย์สินนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเงินที่ได้จากการกระทำผิดก่อนคดีนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(2)
เงินของกลางที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งริบ เป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเฮโรอีนก่อนการจำหน่ายในคดีนี้ จึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้ ตามความแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(2) แม้จำเลยให้การรับสารภาพศาลก็ไม่มีอำนาจสั่งริบในคดีนี้ได้
ศาลล่างทั้งสองสั่งริบเงินของกลางไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติด การลดโทษ และอำนาจริบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดก่อนหน้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี รวม 2 กระทงจำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ซึ่งเท่ากับศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
เงินที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเฮโรอีนที่จำเลยได้กระทำผิดครั้งก่อนการกระทำผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนในคดีนี้ มิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(2)ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบเงินดังกล่าว
of 36