พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร: เหตุสุดวิสัยและความสามารถในการคาดการณ์
การที่เด็กชาย ส. อายุ 10 ปี ใช้ก้อนอิฐขว้างเด็กชาย ธ.อายุ 9 ปี ได้รับบาดเจ็บลับหลังบิดามารดาของตนเป็นพฤติการณ์ที่บิดามารดาของเด็กชาย ส.ไม่อาจคาดคิดหรือควรคิดได้ว่า เด็กชาย ส. จะกระทำเช่นนั้น เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเหลือวิสัยที่บิดามารดาของเด็กชาย ส.จะใช้ความระมัดระวังได้ บิดามารดาของเด็กชาย ส. จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของเด็กชาย ส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร การกระทำโดยบังเอิญและเหลือวิสัย
การที่เด็กชาย ส.อายุ10ปีใช้ก้อนอิฐขว้างเด็กชายธ.อายุ 9 ปี ได้รับบาดเจ็บลับหลังบิดามารดาของตนเป็นพฤติการณ์ที่บิดามารดา ของเด็กชาย ส.ไม่อาจคาดคิดหรือควรคิดได้ว่า เด็กชาย ส. จะกระทำเช่นนั้น เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเหลือวิสัย ที่บิดามารดาของเด็กชายส.จะใช้ความระมัดระวังได้ บิดามารดาของเด็กชายส.จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของ เด็กชายส.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร กรณีเหตุสุดวิสัย
การที่เด็กชายส.อายุ10ปีใช้ก้อนอิฐขว้างเด็กชายธ.อายุ9ปีได้รับบาดเจ็บลับหลังบิดามารดาของตนเป็นพฤติการณ์ที่บิดามารดาของเด็กชายส.ไม่อาจคาดคิดหรือควรคิดได้ว่าเด็กชายส.จะกระทำเช่นนั้นเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเหลือวิสัยที่บิดามารดาของเด็กชายส.จะใช้ความระมัดระวังได้บิดามารดาของเด็กชายส.จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของเด็กชายส..
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์: การพิสูจน์ความระมัดระวัง
คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้ด้วยว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรอยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 บิดามารดาผู้แทนโดยชอบธรรม เป็นคำฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาที่จะขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 แม้จะมิได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามสมควรแก่หน้าที่ก็ตาม เพราะการใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามควรแก่หน้าที่นั้น เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะต้องพิสูจน์ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 648/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร การใช้รถผิดประเภท และการดูแลตามสมควร
จำเลยที่ 1 อายุ 17 ปี อยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดา จำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟซึ่งลุกไหม้ที่ไร่อ้อยเป็นเหตุให้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ถูกไฟไหม้เสียหาย แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 เคยเห็นจำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์มาก่อนและมิได้ว่ากล่าวห้ามปรามก็ตามการขับรถแทรกเตอร์ของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 รู้เห็นและมิได้ห้ามปรามนั้นเป็นการขับรถแทรกเตอร์ตามปกติ แต่การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1ในคดีนี้เป็นการขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟ โดยรถแทรกเตอร์ของโจทก์มิได้มีไว้เพื่อใช้ในการดับไฟ เป็นการใช้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ผิดจากปกติ หาใช่การขับรถที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ว่ากล่าวห้ามปรามไม่ ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุถึง1 กิโลเมตรเศษย่อมไม่อาจห้ามปรามมิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟได้ และการที่ไฟไหม้ไร่อ้อยเป็นเหตุเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่อาจคาดหมายและกำชับล่วงหน้ามิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3ไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำนอกเหนือขอบเขตการจ้างของลูกจ้าง แม้เกิดจากเหตุละเมิดก่อนหน้า
บุตรโจทก์มิได้ถึงแก่ความตายเพราะจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนในขณะกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2แต่ถึงแก่ความตายเพราะเมื่อชนแล้วจำเลยที่ 1 โดยเจตนาฆ่าบุตรโจทก์เพื่อปกปิดความผิด ได้นำบุตรโจทก์ไปทิ้งในคูน้ำริมถนนเพื่อให้จมน้ำตายการกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นคนละเรื่องคนละตอนกับที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนบุตรโจทก์และเห็นได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะเจาะจงหาเกี่ยวกับการที่จำเลยที่ 2 ได้จ้างให้จำเลยที่ 1 กระทำไม่ การกระทำของจำเลยที่ 1 ในการฆ่าบุตรโจทก์จึงไม่เป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในฐานะนายจ้าง: สัญญาจ้างทำของ vs. สัญญาจ้างแรงงาน และขอบเขตความรับผิดต่อการกระทำละเมิดของผู้อื่น
จำเลยที่ 14 เป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุ ได้ว่าจ้าง พ. ไปยึดรถคันดังกล่าวคืนมา พ. ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ทำการยึดอีกต่อหนึ่ง เมื่อยึดรถได้แล้วจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาเพื่อมอบให้ พ. ระหว่างทางจำเลยที่ 2ขับรถโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 จ้างพ. ไปยึดรถยนต์เป็นการจ้างทำของมิใช่จ้างแรงงาน เพราะเป็นการถือเอาความสำเร็จของงานเป็นวัตถุประสงค์ของสัญญา มิใช่สัญญาระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง เมื่อ พ. จ้างจำเลยที่ 2 ไปยึดรถอีกต่อหนึ่ง จำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อยู่ในฐานะนายจ้างและไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1306/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิด: รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและวันที่รู้การละเมิดเป็นสำคัญ
ปลัดจังหวัดสั่งอนุมัติให้ผู้ช่วยเสมียนตราจังหวัดยืมเงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดไปใช้ในงานก่อสร้าง ของแผนกโยธาจังหวัดโดยผิดระเบียบวิธีการงบประมาณและการคลังส่วนจังหวัด เป็นเหตุให้ผู้ช่วยเสมียนตราจังหวัดยักยอกเอาเงินไปใช้ส่วนตัว ถือได้ว่าปลัดจังหวัดและผู้ช่วยเสมียนตราจังหวัดร่วมกันกระทำการละเมิดต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดต้องใช้สิทธิเรียกร้องภายในอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่รู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทน
ผู้ต้องเสียหายรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแน่นอนแล้ว เป็นแต่เพียงผู้เสียหายมีหนังสือสอบถามไปว่า จะยอมชดใช้เงินหรือไม่ ถ้ายอมใช้ก็ไม่ต้องตั้งกรรมการสอบสวน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี และอาจมีผู้อื่นต้องร่วมรับผิดอีกก็ได้นั้น ไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นมาขยายเวลาสิทธิเรียกร้องได้ ความที่ยังไม่รู้ตัวผู้ร่วมกระทำผิดด้วย หานำมาอ้างว่าไม่รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ไม่
ผู้ต้องเสียหายรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแน่นอนแล้ว เป็นแต่เพียงผู้เสียหายมีหนังสือสอบถามไปว่า จะยอมชดใช้เงินหรือไม่ ถ้ายอมใช้ก็ไม่ต้องตั้งกรรมการสอบสวน เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี และอาจมีผู้อื่นต้องร่วมรับผิดอีกก็ได้นั้น ไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นมาขยายเวลาสิทธิเรียกร้องได้ ความที่ยังไม่รู้ตัวผู้ร่วมกระทำผิดด้วย หานำมาอ้างว่าไม่รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งห้ามชั่วคราวเป็นอันยกเลิกเมื่อคดีถึงที่สุด แม้โจทก์ชนะคดี หากมิได้ขอห้ามการกระทำนั้นต่อเนื่อง
การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยโดยมิได้ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อ ซึ่งการละเมิด แต่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยกระทำละเมิดต่อไปชั่วคราวก่อนพิพากษา และศาลมีคำสั่งห้ามตามคำขอของโจทก์ไว้แล้ว ดังนี้เมื่อศาลตัดสินคดีแล้ว ถึงแม้โจทก์จะเป็นฝ่ายชนะได้รับชดใช้ค่าเสียหาย คำสั่งห้ามนั้นก็เป็นอันยกเลิกไปในตัว เพราะโจทก์ไม่อาจขอให้บังคับคดีห้ามมิให้จำเลยกระทำการอันโจทก์ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1743/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดต้องระบุเหตุแห่งการกระทำละเมิดที่ชัดเจน หากบรรยายเพียงผลที่เกิดขึ้น ฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างของบุตรโจทก์. แต่ในฟ้องบรรยายเพียงว่า จำเลยใช้ให้บุตรโจทก์ลงไปขุดทรายในบ่อแล้วดินพังลงมาทับตายเช่นนี้. ตามคำฟ้องย่อมไม่มีเหตุที่เป็นข้ออ้าง.ว่าจำเลยได้ทำละเมิดแก่บุตรโจทก์อันจะพึงบังคับให้จำเลยต้องรับชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์. ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172.