พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกที่ดินและครอบครองเพื่ออ้างสิทธิในที่ดินส่วนตน ทุนทรัพย์พิพาทจำกัดผลต่อการฎีกา
แม้เดิมที่พิพาทจะเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน แต่โจทก์ฟ้องว่าได้มีการแบ่งแยกกันเป็นส่วนสัด และโจทก์แต่ละคนต่างครอบครองมากว่าสิบปีแล้ว คำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้พิพากษาให้โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ครอบครองกันมา ส่วนคำขอที่ขอให้เพิกถอนนิติกรรมยกให้ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ก็ต้องถือว่าโจทก์แต่ละคนขอให้เพิกถอนนิติกรรมในส่วนที่ดินของตนซึ่งตามรูปคดีโจทก์แต่ละคนอาจฟ้องตามส่วนของตนโดยลำพังได้ แม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์พิพาทของโจทก์แต่ละคนเมื่อปรากฏว่าทุนทรัพย์พิพาทของโจทก์แต่ละคนไม่เกิน 5,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คู่ความจึงฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งแยกที่ดินและกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วน ทุนทรัพย์พิพาทแต่ละโจทก์มีผลต่อการฎีกา
แม้เดิมที่พิพาทจะเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน แต่โจทก์ฟ้องว่าได้มีการแบ่งแยกกันเป็นส่วนสัด และโจทก์แต่ละคนต่างครอบครองมากว่าสิบปีแล้ว คำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้พิพากษาให้โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ครอบครองกันมา ส่วนคำขอที่ขอให้เพิกถอนนิติกรรมยกให้ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ก็ต้องถือว่าโจทก์แต่ละคนขอให้เพิกถอนนิติกรรมในส่วนที่ดินของตนซึ่งตามรูปคดีโจทก์แต่ละคนอาจฟ้องตามส่วนของตนโดยลำพังได้ แม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์พิพาทของโจทก์แต่ละคน เมื่อปรากฏว่าทุนทรัพย์พิพาทของโจทก์แต่ละคนไม่เกิน 5,000 บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คู่ความจึงฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ดุลพินิจศาลในการรอการลงโทษคดีอาวุธปืน การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโทษเป็นเรื่องต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งฐานรับสารภาพ. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษดังกล่าวไว้มีกำหนด 3 ปี. กรณีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อถอนพืชผลในที่พิพาท: สิทธิครอบครอง, คำสั่งเจ้าพนักงาน, และข้อจำกัดในการฎีกาข้อเท็จจริง
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง การที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยนำสืบไม่ได้ว่าตนเองมีสิทธิพิเศษอย่างใด อันจะถือได้ว่า ทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ผิด และไม่มีเจ้าพนักงานคนใดสั่งให้จำเลยทำลายทรัพย์สินของโจทก์ เช่นนี้ ฎีกาโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดทุนทรัพย์ในคดี และผลกระทบต่อการฎีกา หากจำเลยไม่โต้แย้งราคาเดิม และไม่แสดงเหตุผลในการขอเพิ่มราคา
โจทก์ฟ้องตั้งราคาทรัพย์สินที่พิพาทเพียง 1,000 บาท จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านในเรื่องราคาทรัพย์ที่พิพาทประการ ใด ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอตีราคาทรัพย์สินที่พิพาทเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 บาท แต่มิได้ยกเหตุผลให้เห็นว่าทุนทรัพย์ ที่พิพาทมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะเหตุหนึ่งเหตุใดตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 150 วรรค 3 ทั้งโจทก์ก็ได้คัดค้านไว้แล้ว และ ศาลก็ยังหาได้อนุญาตให้ราคาทรัพย์ที่พิพาทเพิ่มขึ้นฉะนั้น จึงต้องถือว่าคดีมีทุนทรัพย์เท่าเดิม เมื่อศาลอุทธรณ์พ
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคู่ความย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคู่ความย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาล - การรับฟังพยานหลักฐาน - การฎีกา
การที่ศาลชั้นต้นไม่รับฟังว่านายตำรวจสันติบาลผู้ทำการสอบสวนคดีหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจสอบสวน เนื่องจากโจทก์มีแต่คำนายตำรวจผู้สอบสวนคนเดียวมาเบิกความว่าตำรวจสันติบาลมีตำแหน่งหน้าที่สอบสวนคดีได้ทั่วราชอาณาจักร โดยมิได้อ้างเหตุว่าอาศัยบทกฎหมายข้อบังคับหลักฐานอันใดมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้และพิพากษายกฟ้องนั้นเป็นการพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะคู่ความและการฎีกา - การที่จำเลยยังไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดี
ราษฏรเป็นโจทก์ฟ้องกันเองขอให้ลงโทษทางอาญา ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งงดสืบพยานต่อไปแล้ว ยกฟ้องโจทก์เสีย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป แล้วสั่งหรือพิพากษาใหม่นั้น จำเลยจะฎีกายังไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ ส่วนจำเลยยังมิได้เข้ามามีฐานะเป็นคู่ความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นฎีกาต้องตั้งในศาลชั้นต้น
ข้อกฎหมายที่ยกขึ้นฎีกาต่อศาลฎีกาได้นั้น จะต้องเป็นข้อที่ได้ตั้งประเด็นว่ากันมาแล้วตั้งแต่ในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์: การแก้อาญาแผ่นดินที่ถือว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยหรือไม่
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.246,++6 และ 298 จำคุก 2 ปีศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตาม ม.276 แต่บทเดียวจำคุก+เดือนและให้รอการลงอาญาไว้ดังนี้เป็นแก้มากฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คดีอาญาศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ม.246,+76 จำคุก 6 เดือนและรอการลงอาญาไว้ ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตาม ม.276 แต่บทเดียวกำหนดโทษคงเดิม ดังนี้เป็นแก้น้อยฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้
คดีอาญาศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ม.246,+76 จำคุก 6 เดือนและรอการลงอาญาไว้ ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตาม ม.276 แต่บทเดียวกำหนดโทษคงเดิม ดังนี้เป็นแก้น้อยฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยคดีตามพยานหลักฐาน: ศาลฎีกาชี้ว่าการวินิจฉัยไม่ตรงกับพยานหลักฐานต่างจากการวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้อง
ปัญหากฎหมายข้อที่ว่าศาลล่างวินิจฉัยคดีผิดจากพะยานหลักฐานในสำนวนอันเป็นข้อกฎหมายที่จะฎีกาได้นั้นต้องปรากฎว่าศาลล่างวินิจฉัยตรงกันข้ามกับพะยานหลักฐาน+สำนวน เพียงแต่ศาลวินิจฉัยความถูกต้องคั่งที่ควรจะอ้างเป็นเหตุฎีกาข้อกฎหมายหาได้ไม่