คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การนำสืบพยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2554/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานนอกประเด็นข้อพิพาทในคดีสัญญาเงินกู้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้ยืมเงินไปแล้วไม่ชำระหนี้ จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้ ลายมือชื่อผู้กู้ในหนังสือสัญญากู้ยืมท้ายฟ้องไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย สัญญาดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม ดังนี้ คดีมีประเด็นเพียงว่า จำเลยทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ตามฟ้องหรือไม่การที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว เป็นการนำสืบนอกประเด็นข้อพิพาท รับฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1952/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานและเอกสารหลังสืบพยานบุคคลเสร็จสิ้น: ผลกระทบต่อการรับฟังพยานหลักฐาน
โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน จำเลยนำเอกสารหมาย ล.1 (หนังสือโจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลย) มาอ้างภายหลังจากที่โจทก์ได้สืบพยานบุคคลเสร็จสิ้นไปแล้ว ในขณะที่โจทก์เบิกความจำเลยก็มิได้ถามค้านถึงเอกสารหมาย ล.1 และโจทก์ได้คัดค้านไว้แล้ว ฉะนั้น เอกสารหมาย ล.1 จึงรับฟังไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์จำนวนเงินกู้ที่ได้รับจริง ไม่ถือเป็นการแก้ไขเอกสาร และข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อย
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามจำนวนในสัญญากู้ 8,000 บาท แม้โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในคำฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินจำนวนนี้ไปแล้ว แต่พอเข้าใจตามคำฟ้องนั้นได้ว่าจำเลยได้รับเงินตามสัญญากู้แล้ว จำเลยให้การว่ากู้ไปเพียง 300 บาท แต่โจทก์ตกลงให้มารับเงินกู้ไปจนครบจำนวนที่ลงไว้ในสัญญากู้ จำเลยได้รับเงินกู้ไปหลายครั้ง เป็นเงินรวมทั้งหมด 3,300 บาท เห็นได้ว่าจำเลยสู้คดีว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์ส่งมอบเงินตามสัญญากู้ให้จำเลยไม่ครบจำนวนที่ตกลงกัน จำเลยมีสิทธิ์นำสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ว่าได้รับเงินจากโจทก์ไปแล้วเป็นจำนวนเท่าใด ไม่ใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีโดยมิได้นำข้อความในเอกสารบางข้อที่อ้างอิงขึ้นมาวินิจฉัย แต่นำข้อความบางข้อมาวินิจฉัยในทางที่เป็นผลร้ายแก่โจทก์ เป็นการมิชอบ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานในการวินิจฉัยคดีของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อความเสียหายของรถยนต์ที่จอดไว้ และประเด็นการนำสืบพยานที่ไม่ชัดเจน
บรรยายฟ้องว่ารถยนต์คันพิพาทได้เสียหายอะไรบ้าง ประมาณค่าเสียหายรวมกันเป็นเงินจำนวนหนึ่งดังรายการเอกสารท้ายฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรค 2 โดยไม่จำต้องกล่าวว่าเสียหายรายการใด ราคาเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลย และนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรม แล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดีมิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมันแต่ตามคำให้การจำเลยมิได้กล่าวไว้ให้ชัดแจ้งที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค, การเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ, การนำสืบพยานภายหลัง, เช็คเงินสด
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทแลกเงินสดจาก จ. และยอมเสียดอกเบี้ยให้ จ. โดยไม่มีกำหนดเวลาชำระต้นเงินคืน เมื่อจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยตามสัญญา แม้เช็คพิพาทจะมิได้ลงวันที่สั่งจ่ายไว้ ผู้ทรงก็มีสิทธิลงวันที่สั่งจ่ายได้ เมื่อนับจากวันที่ลงนั้นจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องยังไม่พ้น 1 ปีฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1002
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้ทรงคนเดิมมีสิทธิโอนต่อให้บุคคลอื่นได้ เมื่อมีผู้เอาเช็คพิพาทมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามมาตรา 904
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงจึงมีประเด็นว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ แม้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบภายหลังมิได้ถามค้านพยานจำเลยไว้ โจทก์ก็มีสิทธินำสืบได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คมาจาก ช.เพราะเป็นการนำสืบตามประด็นที่โจทก์ฟ้องและจำเลยต่อสู้ไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานในคดีกรรมสิทธิ์ที่ดิน ศาลต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบ ไม่ถือคำเบิกความในคดีก่อนเป็นคำรับ
ข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์กับจำเลยใครเป็นผู้มีสิทธิ(ในที่พิพาท)ดีกว่ากัน นั้น คู่ความทั้งสองฝ่ายยังโต้เถียงกันอยู่ ถือว่าเป็นประเด็นข้อพิพาทที่จะต้องพิจารณาสืบพยานกันต่อไปแม้ได้มีคำพิพากษาในคดีก่อนวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเป็นคุณแก่จำเลยแล้วจะถือเอาคำเบิกความของโจทก์ (คดีนี้)ที่เบิกความไว้ในคดีนั้น เป็นคำรับของโจทก์ในคดีนี้หาได้ไม่จึงไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำสืบให้ศาลเห็นว่าความจริงโจทก์มีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยถือเอาคำเบิกความของโจทก์ในคดีอื่นมาเป็นคำแถลงรับของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-การนำสืบพยาน การฟ้องร้องเรียกเงินคืนหลังคดีอาญาเกี่ยวเนื่อง และการนำสืบพยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่ศาลแขวงในข้อหาว่าฉ้อโกงและเรียกเงินคืนจากจำเลยด้วยศาลแขวงวินิจฉัยแต่เพียงว่า จำเลยไม่ได้ใช้อุบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าว ทั้งมิได้ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรแจ้งให้ทราบ คดีไม่มีทางลงโทษจำเลยทางอาญา ส่วนประเด็นที่ว่าเงิน 6,300 บาทที่โจทก์ไปไถ่ถอยจำนองจะเป็นเงินของโจทก์หรือไม่และจำเลยจะได้รับเงินอีก 700 บาทจากโจทก์หรือไม่ ศาลแขวงกล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยแสดงว่าประเด็นข้อนี้ศาลแขวงยังไม่ได้วินิจฉัยโจทก์มาฟ้องเรียกเงินจำนวน 7,000 บาทที่ศาลจังหวัดอีก ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ข้อที่จำเลยอ้างว่าการนำพยานบุคคลเข้าสืบหักล้างพยานเอกสาร เป็นการนำสืบที่ไม่ชอบนั้น จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เมื่อไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนย่อมต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นและขอบเขตการนำสืบพยานในคดีล้มละลาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไม่ได้บังคับให้ศาลต้องวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามที่คู่ความขอทุกเรื่องถ้าศาลเห็นว่าการวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวไม่เป็นคุณแก่ผู้อ้างเลยคือเห็นว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว จะสั่งให้รอไว้วินิจฉัยในคำพิพากษาก็ได้
เมื่อบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ แล้วไม่ชำระและจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่มีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้แก่โจทก์แล้วโจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้คนอื่นอยู่อีกและยังไม่ชำระหนี้ดังนี้ เป็นการสืบในประเด็นว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่ใช่สืบนอกประเด็น
เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ต้องประกอบด้วยเหตุใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 9 ส่วนมาตรา 8 เป็นเพียงข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ที่ไม่สามารถนำสืบให้ศาลเห็นได้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวโจทก์ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้องว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตาม มาตรา 8

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานนอกประเด็น การครอบครองมรดก และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในคดีขับไล่
ฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินมรดก จำเลยเป็นทายาทครอบครองร่วมกันมากับโจทก์ ข้อที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยครอบครองมา เพราะเจ้ามรดกยกให้เป็นส่วนสัดตั้งแต่ก่อนเจ้ามรดกตายไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการนำสืบพยาน: จำเลยต้องยกเหตุไม่มีอำนาจฟ้องเป็นข้อต่อสู้ก่อน และโจทก์ไม่ต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่จำเลยไม่โต้แย้ง
จำเลยกล่าวไว้ในตอนท้านคำให้การว่า "อย่างไรก็ดีโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องข้าพเจ้าเป็นจำเลย " เหตุใดจึงกล่าวว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้แสดงข้ออ้างอิงแต่ประการใดไม่ ทั้งจำเลยมิได้ให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ดังนี้ศาลได้แต่เพียงแปลความหมายว่าคำกล่าวที่ว่าไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องมาจากคำให้การของจำเลยในตอนต้น ๆ เช่นที่กล่าวว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ๆ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาใช่เรื่องตัดฟ้องไม่ จึงไม่มีประเด็นและมิจำเป็นที่ศาลจะวินิจฉัยเลยไปถึงว่าโจทก์จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่
ข้อเท็จจริงใดที่โจทก์กล่าวในฟ้องจำเลยจะต้องให้การปฏิเสธหรือคัดค้านหรือจะแก้ว่าอย่างใดก็ได้หากจำเลยมิได้ปฏิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลยถือว่าข้อเท็จจริงนั้นไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบ
ในเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าการทวงหนี้โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้จำเลยจัดการชำระเงินที่ค้างจำเลยไม่ชำระ ซึ่งในข้อนี้จำเลยมิได้ปฎิเสธหรือคัดค้านหรือแก้ว่าอย่างใดเลย จึงไม่มีประเด็นอันโจทก์จะต้องนำสืบด้วย
of 3