พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3821/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจฟ้องคดีสมบูรณ์ แม้ผู้รับมอบอำนาจไม่ได้ลงลายมือชื่อ และการจดทะเบียนนิติบุคคลต่างประเทศ
หนังสือมอบอำนาจที่โจทก์แต่ฝ่ายเดียวลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจให้ ก. กระทำกิจการติดตามทวงถามหนี้สินตลอดจนดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสามแทนโจทก์นั้นแม้ ก. ไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจด้วยเพียงแต่มาเบิกความยืนยันว่าได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจก็ตามหนังสือมอบอำนาจย่อมสมบูรณ์และมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ก. จึงมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ หนังสือมอบอำนาจทำขึ้นในต่างประเทศมีการรับรองโดยโนตารีปับลิกและหัวหน้าฝ่ายกงสุลเมือง จากาตาร์ประเทศ อินโดนีเซีย รับรองอีกชั้นหนึ่งว่าได้มีการจัดทำเอกสารขึ้นอย่างแท้จริงหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวถือว่าถูกต้องตามกฎหมายประเทศดังกล่าวแล้วไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรจึงเป็นหนังสือมอบอำนาจที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลโดยจดทะเบียนในประเทศ อินโดนีเซีย มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการด้านประมงจำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดจดทะเบียนในประเทศ อินโดนีเซียและมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการขอออกใบอนุญาตในการทำการประมงภายในขอบข่ายงานการดำเนินการของบริษัทโจทก์กับเรือประมงต่างด้าวเพื่อการประมงในเขตน่านน้ำของประเทศ อินโดนีเซีย(อีซีแซด) ตามกฎหมายหรือไม่จำเลยทั้งสามไม่ทราบและไม่ยอมรับว่าโจทก์สามารถที่จะทำได้คำให้การของจำเลยทั้งสามดังกล่าวจึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งเพราะมิได้แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายโดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบถึงหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลของโจทก์อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3277/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีก่อนการวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์เป็นผู้เช่านาตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 โจทก์อ้างว่า จำเลยที่ 4 ได้บอกเลิกการเช่าโดยมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงร้องเรียนต่อ คชก.ตำบลดอนแฝก หลังจากคชก.ตำบลดอนแฝกมีคำวินิจฉัยแล้วโจทก์อุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อ คชก.จังหวัดนครปฐมโจทก์ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524มาตรา 57 คือให้ คชก.จังหวัดนครปฐมมีคำวินิจฉัยก่อน หลังจาก คชก.จังหวัด-นครปฐมวินิจฉัยแล้ว โจทก์ไม่พอใจคำวินิจฉัยดังกล่าว จึงนำคดีฟ้องร้องต่อศาลได้เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2653/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยทราบถึงการฟ้องคดีแล้ว
การสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ เป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งได้ตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 คดีนี้มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 โดยการปิดหมายเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2534 และให้แก่จำเลยที่ 2 โดย น.รับแทนเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 แต่ปรากฏว่าวันที่17 กรกฎาคม 2534 จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำให้การ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ทราบว่าตนถูกฟ้องตั้งแต่วันดังกล่าว และต่อมาก็ได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยการชี้สองสถานสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองและมีคำพิพากษาจนพ้นอายุอุทธรณ์ไปแล้ว จำเลยที่ 2จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะเพิกถอนกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3295/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอดถอนสมาชิกภาพต้องมีเหตุผลอันสมควร การกระทำที่ไม่สามารถควบคุมการฟ้องคดีของผู้อื่นไม่ถือเป็นเหตุให้ถอดถอนได้
โจทก์ที่ 1 เป็นสมาชิกและคณะกรรมการดำเนินการของจำเลยการที่โจทก์ที่ 1 ทำหนังสือยอมรับมติของคณะกรรมการดำเนินการของจำเลยในการเลิกจ้างนางสาว ก. และรับว่าจะไม่มีปัญหาใด ๆทางกฎหมายอีกนั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ที่ 1 กับคณะกรรมการดำเนินการของจำเลย การที่นางสาว ก. ฟ้องจำเลยในเรื่องเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและเรียกค่าเสียหายนั้นก็เป็นสิทธิส่วนตัวของนางสาว ก. โจทก์ไม่มีอำนาจบังคับนางสาว ก. มิให้ฟ้องคดีการที่นางสาว ก. ฟ้องจำเลยยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ที่ 1 แสดงตนเป็นปรปักษ์หรือไม่ซื่อตรงต่อจำเลยหรือทำให้จำเลยได้รับความเสียหายมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการจำเลยที่ให้ถอดถอนสมาชิกภาพของโจทก์ที่ 1 จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4278/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเจ้าหนี้มีประกัน จำเป็นต้องบรรยายการสละหลักประกันเมื่อจำเลยล้มละลาย และการจำนำต้องมีการส่งมอบทรัพย์
ปัญหาว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้มีประกัน แต่มิได้บรรยายฟ้องว่า เมื่อจำเลยล้มละลายแล้ว โจทก์ยอมสละทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยกู้เงินโจทก์และทำหนังสือสัญญาจำนำจักรเย็บผ้าแก่โจทก์ แต่มิได้มอบจักรเย็บผ้าให้โจทก์ไว้ ถือไม่ได้ว่ามีการจำนำตาม ป.พ.พ. มาตรา 747 โจทก์จึงมิใช่เจ้าหนี้มีประกัน
จำเลยกู้เงินโจทก์และทำหนังสือสัญญาจำนำจักรเย็บผ้าแก่โจทก์ แต่มิได้มอบจักรเย็บผ้าให้โจทก์ไว้ ถือไม่ได้ว่ามีการจำนำตาม ป.พ.พ. มาตรา 747 โจทก์จึงมิใช่เจ้าหนี้มีประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4077/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยขณะกระทำผิดและขณะฟ้องคดีมีผลต่ออำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน รวมถึงการได้รับอนุญาตฟ้อง
เยาวชนอายุ 14 ปีเศษ กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288และถูกฟ้องเมื่ออายุ 17 ปีเศษ ดังนี้ คดีอยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กฯ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 163 ข้อ 1 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กฯมาตรา 8(1) ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กฯ มาตรา 24 จัตวานั้น ห้ามพนักงานอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 24 ทวิ ต่อศาลทุกศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้แทนเฉพาะคดีของผู้ตายที่มิได้เป็นผู้วิกลจริต
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ตั้ง โจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะ คดีของ ต.และมีอำนาจฟ้องคดีแทน ต. เมื่อปรากฏว่า ต. ซึ่ง โจทก์อ้างว่าเป็นผู้วิกลจริตถึง แก่กรรมไปก่อนวันนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวแล้วศาลก็ไม่อาจตั้ง โจทก์เป็นผู้แทนเฉพาะ คดีของ ต. ได้เพราะ ต.ไม่ใช่ผู้วิกลจริตดัง ที่โจทก์กล่าวอ้างต่อไป ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 วรรคสองที่บัญญัติว่าถ้า ผู้เสียหายที่ตาย นั้นเป็นผู้วิกลจริตซึ่ง ผู้แทนเฉพาะ คดีได้ ยื่นฟ้องแทนไว้แล้ว ผู้ฟ้องแทนนั้นจะว่าคดีต่อไปก็ได้ นั้น หมายถึง กรณีที่ศาลได้ ตั้ง ผู้แทนเฉพาะ คดีของผู้เสียหายไว้แล้วก่อนที่ผู้เสียหายตาย หาได้ หมายความรวมถึงกรณีนี้ซึ่ง ผู้เสียหายได้ ตาย ไปเสียก่อนที่ศาลจะตั้ง ผู้แทนเฉพาะ คดีด้วย ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับไม้ของป่า ต้องระบุชัดเจนถึงการเคลื่อนย้ายไม้หลังจากได้รับอนุญาตหรือถึงด่านป่าไม้แล้ว จึงจะครบองค์ประกอบความผิด
การนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไป ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 38 ซึ่งต้องมีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยตามมาตรา 39 นั้น จะต้องปรากฏว่าได้มีการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่นำไม้หรือของป่าที่ได้รับใบอนุญาตไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตแล้ว หรือนำไม้ที่ทำโดยไม่ต้องรับอนุญาตออกไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว ดังนั้นเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยนำหวายเคลื่อนที่จากจังหวัดหนองคายมาถึงอำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม โดยผ่านเข้าเขตด่านป่าไม้ จังหวัดนครพนม โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นการนำไม้เคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่ไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาต หรือไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกตามมาตรา 38(1) หรือ (2) จึงขาดองค์ประกอบความผิดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4396/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนและการฟ้องคดีอาญา: การส่งสำนวนระหว่างพนักงานสอบสวนและการสอบสวนเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงานและพระราชบัญญัติศุลกากร เดิมพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสะเดา ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุเป็นผู้สอบสวน ต่อมากรมตำรวจได้แต่งตั้งให้ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามทำการสอบสวนคดีนี้แต่ฝ่ายเดียว พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจึงติดต่อขอรับสำนวนการสอบสวน จากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสะเดาหลายครั้ง แต่ไม่สามารถรับสำนวนการสอบสวนมาได้ ต่อมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอสะเดากลับส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง พนักงานอัยการโดยมีความเห็นสั่งฟ้องจำเลยที่ 1 พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจึงติดต่อขอสำนวนการสอบสวนคืนจากพนักงานอัยการ ซึ่งขณะนั้นยังมิได้มีคำสั่งให้ฟ้องหรือไม่ฟ้อง จำเลยที่ 1 พนักงานอัยการได้คืนสำนวนการสอบสวนดังกล่าวให้แก่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามทำการสอบสวนต่อไป โดยสอบ บุคคลอื่นเป็นผู้ต้องหาอีกหลายคนซึ่งมีจำเลยที่ 2 รวมอยู่ด้วยภายหลังพนักงานอัยการได้แนะนำให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามคืนสำนวนการสอบสวน และต่อมามีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามสอบสวนเพิ่มเติมทำการสอบสวนจนเสร็จสิ้น กรณีเช่นนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามยังมีอำนาจทำการสอบสวนคดีนี้อยู่การสอบสวนเพิ่มเติมของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดังกล่าว หาขัดกับบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 139ถึง มาตรา 143 ไม่ การสอบสวนของ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามจึงชอบด้วยกฎหมาย และพนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่1 และที่ 2 ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2528)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: คดีความผิดต่อชีวิตที่เกิดหลังประกาศคณะปฏิวัติ (พ.ศ.2514) อยู่ในอำนาจศาลทหารตั้งแต่แรกฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาฆ่าผู้อื่นต่อศาลพลเรือนแต่ขณะยื่นฟ้องนั้นปรากฏแต่แรกว่าขณะเกิดเหตุข้อหาความผิดต่อชีวิตคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษา ดังนี้ศาลพลเรือนย่อมไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณา