คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การเช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 54 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเชิดตัวแทนทางธุรกิจและการรับผิดในหนี้จากการสั่งซื้อสินค้า แม้มีการเช่าดำเนินงาน
ชื่อโอเชี่ยนวิวเป็นชื่อในทางการค้าของบริษัทจำเลย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โรงแรมโอเชี่ยนวิว จำเลยให้ผู้อื่นเช่าโรงแรมโอเชี่ยนวิว และบังคับให้ผู้เช่าใช้ชื่อเดิม จนเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าโรงแรมโอเชี่ยนวิวเป็นกิจการของจำเลย ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่บริษัทจำเลยแสดงออกแก่โจทก์และบุคคลทั่วไปว่าการดำเนินกิจการโรงแรมเป็นกิจการของบริษัทจำเลยเอง จึงเป็นการเชิดผู้เช่าเป็นตัวแทนของบริษัทจำเลย ดังนั้น เมื่อผู้เช่าโรงแรมโอเชี่ยนวิวสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์และไม่ชำระราคาบริษัทจำเลยจะยกเหตุแห่งการเช่าระหว่างกันเองมาเป็นเหตุปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตหาได้ไม่ หนังสือขอผัดผ่อนการชำระหนี้มีข้อความยอมรับว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ ซึ่งมีหนี้จำนวนเดียวเท่านั้น ลงชื่อโดยผู้แทนโรงแรมโอเชี่ยนวิว ซึ่งดำเนินกิจการโดยผู้เช่าโรงแรมที่บริษัทจำเลยเชิดขึ้นเป็นตัวแทน หนังสือดังกล่าวจึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 จำเลยจึงต้องผูกพันตามหนังสือดังกล่าวต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่สาธารณสมบัติ: การครอบครองและการเช่าทำให้สิทธิเหนือผู้อื่นสิ้นสุดลง
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(2) นั้นผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ คงมีแต่สิทธิดีกว่าผู้อื่น ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้นเมื่อผู้ครอบครองให้เช่า ที่ดินไปแล้วสิทธิดีกว่าผู้อื่นก็สิ้นไปโดยผู้เช่าย่อมเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่นต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3918/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่สาธารณะ: โจทก์ไม่ต้องระบุรายละเอียดความเป็นมาของที่ดิน และการเช่าระยะสั้นไม่ทำให้เสียสภาพสาธารณสมบัติ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลย 1 ปีปรับ 5,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฟ้องของโจทก์ในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองทางสาธารณะ อันเป็นที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้นโจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่า ที่ดินพิพาทนั้นเป็นที่ดินของรัฐได้อย่างไรและเป็นที่ดินของรัฐตั้งแต่เมื่อใดเพราะเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาคดี เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 (5) แล้ว
ที่พิพาทแม้ทางราชการจะเคยให้เอกชนเช่าอยู่ 3 ปีก็เลิกเช่า แต่ประชาชนสัญจรไปมาในที่พิพาทตลอดมาถือได้ว่า ที่พิพาทยังคงเป็นที่ดินของรัฐเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โจทก์มีอำนาจฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่า: ผลของการบอกกล่าวเลิกสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายและการปฏิเสธการรับหนังสือ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นแห่งคดีว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วหรือไม่ จึงถือว่าคดีมีประเด็นดังกล่าวเท่านั้นมิได้มีประเด็นขยายความไปถึงการไม่บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าก่อน จึงเลิกสัญญาเช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรคสอง และมาตรา 566ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อคดีได้ความว่าโจทก์ได้บอกกล่าว เลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยและบริวารจึงต้องออกไป จากตึกพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3267/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรและการยกข้อต่อสู้เรื่องการเช่า การพิสูจน์สิทธิการเช่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ใบรับมัดจำค่าเช่าในกรณีที่ตกลงกันว่าจะทำสัญญาเช่าเป็นหนังสืออีก เมื่อไม่ได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือ ผู้เช่ายกเรื่องการเช่าขึ้นต่อสู้ไม่ได้
ข้อที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และข้อที่ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้นไม่ได้เพราะพฤติการณ์นอกเหนือนั้น แม้ผู้อุทธรณ์ยกขึ้นอ้างในอุทธรณ์ได้ แต่ศาลอุทธรณ์จะไม่ยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: สิทธิของผู้รับโอนจากการเช่า และการเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือ
ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ม. เป็นเพียงผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ ม. ทำกับโจทก์จำเลยรับโอนที่นาพิพาทจาก ม. ย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ ม. มีอยู่ คือมีฐานะเป็นผู้ยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์สืบต่อจาก ม. เท่านั้นจะถือว่าจำเลยแย่งการครอบครองจากโจทก์ไม่ได้ จนกว่าจำเลยจะได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 แต่ตามฟ้องและคำให้การไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะการยึดถือดังกล่าวจำเลยจึงไม่มีทางที่จะอ้างว่าโจทก์มิได้ฟ้องเอาคืนการครอบครองภายใน 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618-1621/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่า: ประเด็นการแจ้งบอกเลิกและการปฏิบัติตามระยะเวลาที่กำหนด
จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่า ดังนี้ ไม่มีประเด็นว่าโจทก์บอกเลิกการเช่าไม่ถูกตามระยะเวลาที่บังคับไว้ให้ต้องบอกล่วงหน้าตาม มาตรา 566

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินและการฟ้องขับไล่ผู้บุกรุก แม้มีการเช่าก่อนหน้า โจทก์ยังมีสิทธิฟ้องได้
ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ให้บุคคลภายนอกเช่าที่พิพาทไปแล้วโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยอาศัยโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยไม่ออก โดยเพิกเฉยอยู่ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นการฟ้องอ้างว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิด มิใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยอาศัย เป็นเพียงการกล่าวถึงมูลกรณีเดิมว่าจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทได้อย่างไรเท่านั้น แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทโดยการเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว ยังขืนอยู่ต่อมา ก็เป็นการอยู่โดยละเมิดตรงตามฟ้องโจทก์นั่นเองศาลจึงพิพากษาขับไล่จำเลยได้ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1950/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมเปลี่ยนแปลงสิทธิสัญญาเช่าและการคิดดอกเบี้ยค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญากับโจทก์ ให้โจทก์เช่าห้องในโรงแรมจำเลยตามสัญญากำหนดว่าโจทก์จะต้องเสนอแบบแปลนการตบแต่งห้องให้จำเลยอนุญาตและทำตามที่จำเลยอนุมัติ หาไม่ให้จำเลยเลิกสัญญาและริบเงินประกันการเช่าได้ แม้จะปรากฏว่าโจทก์เข้าไปจัดการตบแต่งห้อง โดยไม่ได้เสนอแบบแปลนต่อจำเลยเสียก่อน แต่การที่จำเลยมอบกุญแจห้องให้โจทก์เข้าไปตบแต่งห้องและมีคนของจำเลยเข้าไปบงการดูแลในการตบแต่งทั้งจำเลยก็กระทำกิจการอยู่ในที่แห่งเดียวกัน ปล่อยให้โจทก์ตบแต่งห้องได้ โดยไม่คัดค้านประการใด พฤติการณ์แวดล้อมดังนี้เป็นปริยายว่าจำเลยได้อนุญาตให้โจทก์เข้าตบแต่งห้องเช่าได้ โดยไม่ต้องยื่นแบบแปลนแล้ว จำเลยจะกลับมาอ้างว่าโจทก์ทำผิดสัญญา ไม่เสนอแบบแปลนก่อนตบแต่งหาได้ไม่
จำเลยขัดขวางไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาให้เช่าและเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาจนโจทก์ต้องมาฟ้องเรียกเงินประกันการเช่าคืนและเรียกค่าเสียหาย ถือได้ว่าโจทก์ยินยอมเลิกการเช่ากับจำเลยแล้วโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในเงินประกันการเช่าที่จะได้คืนจากจำเลยนับตั้งแต่วันที่จำเลยได้รับเงินนั้นไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 เมื่อโจทก์ขอเพียงนับตั้งแต่วันที่จำเลยบอกเลิกสัญญาศาลย่อมพิพากษาให้เพียงเท่าที่โจทก์ขอส่วนดอกเบี้ยในเงินค่าเสียหายโจทก์เรียกได้นับแต่วันที่จำเลยผิดนัด เมื่อไม่ปรากฏวันผิดนัดแน่นอนศาลย่อมคิดให้นับแต่วันฟ้อง
กรรมการทำสัญญาในฐานะผู้แทนของบริษัทจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคลไม่ต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า แม้ไม่มีสัญญาซื้อขายที่เป็นหนังสือ การแสดงเจตนาเช่าถือเป็นการโอนสิทธิ
จำเลยทำสัญญาขายที่นาให้โจทก์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อที่นานั้นเป็นที่ดินมือเปล่ามีแต่เพียงสิทธิครอบครองและจำเลยซึ่งเคยครอบครองอยู่ได้ขอเช่าที่นานั้นจากโจทก์หลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว กรณีจึงต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 วรรคหนึ่ง ว่าการโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมเป็นผล ถ้าผู้โอนแสดงเจตนาว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอน ถือได้ว่าได้มีการโอนการครอบครองให้โจทก์แล้วโดยถูกต้อง
of 6