พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 376/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถเช่าซื้อและการไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด: สิทธิขอคืนของกลาง
ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด การให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของผู้ร้องหลังจากผู้ร้องให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไปแล้วผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองใช้สอยรถจักรยานยนต์ดังกล่าวผู้ร้องไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของผู้เช่าซื้อจะเอารถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิดเมื่อใดทางนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของจำเลย จึงน่าเชื่อว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด และที่ผู้ร้องไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา เช่าซื้อหลังจากทราบว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้กระทำความผิด จะถือว่าผู้ร้องทำไปเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นอันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหาได้ไม่ เพราะกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริตเมื่อรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องการยื่นคำร้องขอคืนของกลางก็เพื่อประโยชน์ของผู้ร้องเองดังนี้ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนของกลาง: ผู้ร้องต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของและไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด
การขอให้คืนของกลางที่ศาลสั่งริบตาม ป.อ. มาตรา 36 นั้นเป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญา จึงเป็นหน้าที่ของผู้ร้องที่ต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบ แสดงให้ศาลเห็นว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย เมื่อผู้ร้องแถลงไม่สืบพยานจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลาง: ผู้ร้องต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของและไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด
การขอให้ศาลสั่งคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36 เป็นส่วนหนึ่งของคดีอาญา เมื่อผู้ร้องอ้างว่าของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดก็เป็นหน้าที่ของผู้ร้องที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวอ้าง แม้จะฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางผู้ร้องก็ยังมีหน้าที่นำสืบว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย การที่ผู้ร้องแถลงไม่สืบพยาน จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2845/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอคืนของกลาง: บุคคลภายนอก vs. จำเลย – ประมวลกฎหมายอาญา ม.36 จำกัดสิทธิเฉพาะบุคคลภายนอก
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ให้สิทธิแก่บุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่จำเลยที่จะยื่นคำร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบได้ ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ในคดี ไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3227/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลางต้องสุจริต ผู้ร้องต้องเป็นผู้ขอคืนจริง หากมีเจตนาช่วยเหลือผู้กระทำผิด ศาลไม่คืนของกลางให้
การร้องขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 เป็นการใช้สิทธิทางศาลอย่างหนึ่ง ผู้ร้องต้องกระทำการโดยสุจริต ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลยแต่ น. ผู้เช่าซื้อรถบรรทุกของกลางและเป็นผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนผู้ร้อง มีพฤติการณ์ว่ารู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้กลับเข้าครองรถบรรทุกของกลางพยานหลักฐานผู้ร้องก็ฟังไม่ได้ว่าได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วทั้งผู้ร้องไม่เคยติดต่อขอรับรถบรรทุกของกลางคืนจากพนักงานสอบสวนแต่ น. ผู้เช่าซื้อเป็นผู้ติดต่อขอรับคืน ดังนี้ เห็นได้ว่าผู้ร้องยอมให้ น. ใช้ชื่อผู้ร้องในการขอคืนของกลางเพื่อประโยชน์แก่ น. ซึ่งเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่มีเหตุที่ศาลจะสั่งคืนให้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2739/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อและการขอคืนของกลาง: เจ้าของรถมีสิทธิขอคืนแม้มีข้อตกลงรับผิดชอบค่าเช่าซื้อ
สัญญาเช่าซื้อที่ระบุว่า ในระหว่างที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่หมดรถยนต์ที่เช่าซื้อเสียหายหรือสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆผู้เช่าซื้อตกลงยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างทั้งหมดให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อจนครบถ้วน นั้น มิได้มีความหมายถึงขนาดว่าผู้ให้เช่าซื้อเล็งเห็นผลว่า ผู้เช่าซื้อจะนำรถยนต์ไปกระทำความผิดอันจะฟังว่าผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด และการขอคืนของกลางก็เป็นสิทธิที่ผู้ให้เช่าซื้อซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริงจะร้องขอคืนได้แม้ว่าจะมีข้อสัญญาให้ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างจนครบถ้วนดังกล่าวแล้วก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2420/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์หลังคำพิพากษาถึงที่สุด: ผู้รับโอนไม่มีสิทธิขอคืนของกลาง
คดีเดิม ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวให้คู่ความฟังโดยชอบเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2530 และคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ปรากฏตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสองและหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกของกลางท้ายคำร้องว่า ผู้ร้องที่ 2 รับโอนรถยนต์บรรทุกของกลางจากผู้ร้องที่ 1 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2531 อันเป็นเวลาภายหลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ฉะนั้นผู้ร้องที่ 2 จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าของที่จะยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4031/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลาง: เจ้าของต้องพิสูจน์ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด แม้ศาลยกฟ้องคดีอาญา
ข้อวินิจฉัยในคดีขอคืนของกลางกับคดีเดิม มีปัญหาวินิจฉัยต่างกัน ไม่อาจนำมาสรุปเป็นเหตุและผลแก่กันได้ การที่ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่เพียงพอที่จะฟังลงโทษผู้ร้องในทางอาญานั้น หาเป็นผลทำให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับรถยนต์บรรทุกของกลางคืนไปไม่ ผู้ร้องยังคงต้องมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 บัญญัติไว้ เมื่อพยานหลักฐานของผู้ร้องรับฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับคืนรถยนต์บรรทุกของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2446/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลาง: เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง & การใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด
ในชั้นขอคืนของกลางตาม ป.อ. มาตรา 36 ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีเพียงว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของแท้จริง และมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดเท่านั้นเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดผู้ร้องที่ 2 ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงประกอบคำรับสารภาพของผู้ร้องที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงประกอบคำรับสารภาพของผู้ร้องที่ 2 ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดซึ่งต้องริบตาม ป.อ. มาตรา33(1) ผู้ร้องที่ 2 มิได้อุทธรณ์ ดังนี้ ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องจะยกขึ้นโต้เถียงในชั้นขอคืนของกลางอีกไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์พิพาท: ผู้ร้องไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้ จึงไม่มีสิทธิขอคืนของกลาง
ผู้ร้องร้องขอคืนของกลาง ศาลชั้นต้นฟังว่าของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลย จึงสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์และแม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ในข้อที่ว่าผู้ร้องมิใช่เจ้าของของกลาง ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาให้ยกคำร้อง ของผู้ร้อง ด้วยเหตุที่ของกลางมิใช่ของผู้ร้องได้ เมื่อผู้ร้องฎีกาต่อมา และศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของของกลาง ย่อมพิพากษายืนให้ยกคำร้อง ของ ผู้ร้องได้เช่นกัน เพราะผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอคืน