คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขอบเขตวินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3405/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์และการฎีกาของผู้คัดค้านในคดีครอบครองปรปักษ์
แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะพิพากษาให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดี แต่ผู้คัดค้านทั้งหกฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าพิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้อง ซึ่งไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งหกจึงเป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าพิพากษาไม่ถูกต้องตรงตามประเด็นและผลของคำพิพากษาทำให้เสียสิทธิของผู้คัดค้านทั้งหก ผู้คัดค้านทั้งหกจึงมีสิทธิฎีกาได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งหกคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้านทั้งหกมิใช่เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นเพียงผู้อาศัย คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ฟังข้อเท็จจริงไปด้วยว่าที่ดินพิพาทฟังไม่ได้ว่า ห.ได้ยกให้ ท.กับ ล.และมิได้ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกของ ห.ตกทอดได้แก่ทายาทรวมทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 4 และส.ซึ่งเป็นบุตรของ ท.ซึ่งมีสิทธิเข้ารับมรดกแทนที่ ผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยพยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งหกที่นำสืบหักล้างพยานหลักฐานของผู้ร้อง อันเป็นการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีประกอบเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนั้น หาใช่เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องไม่ เมื่อคำวินิจฉัยในส่วนนี้มิใช่การฟังข้อเท็จจริงในประเด็นข้อพิพาทโดยตรงแล้วย่อมไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหกตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145
ผู้คัดค้านทั้งหกอุทธรณ์และฎีกาโดยเพียงแต่มีคำขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 และศาลฎีกาพิพากษาว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นบางส่วนไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ไม่ได้ขอให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดี โดยเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาที่ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง จึงเป็นอุทธรณ์และฎีกาที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตาม ตาราง1 ท้าย ป.วิ.พ ข้อ (3) (ก)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลแรงงานและการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมายในคดีแรงงาน
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การทะเลาะวิวาทระหว่างโจทก์กับ ฉ.เป็นการโต้เถียงเพียงเล็กน้อยไม่ร้ายแรง หลังจากเลิกรากันแล้ว อ.ได้ขึ้นมาบนรถจึงมีการทะเลาะวิวาทกันระหว่าง อ.กับ ฉ.อีกครั้งหนึ่ง และ อ.ได้ทำร้ายร่างกายฉ. โจทก์มิได้เป็นผู้กระทำ ถือได้ว่าโจทก์มิได้ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในกรณีร้ายแรง จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชยและค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้น เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งว่าโจทก์ได้ร่วมกับ อ.บุตรชายโจทก์ทำร้าย ฉ.ดังที่ศาลแรงงานวินิจฉัยหรือไม่ เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย
อุทธรณ์โจทก์ที่ว่า โจทก์ได้ทำงานเกินเวลาทำงานปกติ และทำงานในวันหยุดตามประเพณีและวันหยุดพักผ่อนประจำปีนั้น เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลแรงงานที่ว่าโจทก์นำสืบไม่ถึงในส่วนที่เกี่ยวกับเวลาทำงานที่เกินจากปกติตลอดจนส่วนที่เกี่ยวกับการทำงานในวันหยุดตามประเพณีหรือในวันหยุดพักผ่อนประจำปีศาลแรงงานจึงไม่กำหนดค่าทำงานและค่าจ้างให้ตามที่โจทก์เรียกร้อง อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวนี้เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
ศาลแรงงานฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์วางเงินประกันจำนวน5,000 บาท ต่อจำเลยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2526 โจทก์ได้ทำงานมาตลอดตั้งแต่ปี 2526 จนถึงปี 2535 ในเดือนที่มีการเลิกจ้างจำเลยแสดงหนังสือรับสภาพหนี้ที่โจทก์รับสภาพต่อจำเลยในช่วงปี 2534 นอกจากนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกตามเอกสารหมาย ล.3 พยานโจทก์ไม่อาจหักล้างเรื่องหนี้ที่เกิดจากการกระทำของโจทก์ในระหว่างการทำงานให้จำเลย ซึ่งโจทก์ต้องรับผิดชอบ จำเลยจึงมีสิทธิยึดหน่วงเงินประกันได้ อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าโจทก์ได้ผ่อนชำระหนี้ให้จำเลยไปแล้ว ความเสียหายตามเอกสารหมาย ล.3 ไม่ยืนยันว่าโจทก์จะต้องรับผิดทางแพ่ง จึงเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4258/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักค่าใช้จ่ายทางภาษี กรณีชดเชยค่าระวางเรือให้บริษัทในเครือ และขอบเขตการวินิจฉัยของศาล
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า ขอให้สั่งให้จำเลยงดเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์เท่านั้น การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลดเงินเพิ่มจึงเป็นเรื่องนอกคำฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ยอมรับผิดต่อผู้ซื้อในค่าระวางเรือสำหรับน้ำหนักสินค้าที่ขาดไปเมื่อสินค้าถึงท่าเรือปลายทาง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา ก็เพื่อลดต้นทุนของผู้ซื้อซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน ดังนั้นการที่จำเลยไม่ยอมนำค่าระวางเรือดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายและนำมาเป็นรายรับเพิ่มขึ้น จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3006/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีแรงงาน การรับฟังพยานหลักฐาน และขอบเขตการวินิจฉัยของศาล
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของโจทก์ที่อ้างว่าโจทก์ไม่ทราบว่าลูกจ้างคนใดเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานบ้างนั้นไม่น่ารับฟังเพราะโจทก์สามารถตรวจสอบจากรายชื่อลูกจ้างที่ไม่ได้เข้าทำงานในระหว่างนัดหยุดงานได้ ดังนี้การที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีโดยมิได้ถือข้อเท็จจริงตามถ้อยคำสำนวน เพราะข้อเท็จจริงในสำนวนปรากฏว่าโจทก์ไม่ทราบว่าใครบ้างเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน จี.เอส.สตีลนั้น จึงเป็นการอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง อันเป็นการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 54 ส่วนที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยพยานหลักฐานโจทก์โดยหยิบยกเอาคำพยานบุคคลของโจทก์ขึ้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าการเชื่อพยานเพียงใดหรือไม่นั้นเป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน โจทก์อุทธรณ์ข้อนี้เป็นการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยศาลอุทธรณ์: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยได้ถึงทางภาระจำยอม แม้ประเด็นเดิมเป็นทางสาธารณะ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ทางพิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์หรือไม่ และจำเลยมีสิทธิปิดกั้นทางพิพาทหรือไม่ การที่ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม จำเลยไม่มีสิทธิปิดกั้น ย่อมอยู่ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดไม่เป็นการนอกประเด็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยประเด็นโมฆะของสัญญาขายฝาก: ศาลวินิจฉัยตามประเด็นที่ท้ากัน
โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลชี้ขาดว่าสัญญาขายฝากที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นโมฆะหรือไม่ คำว่าสัญญาขายฝากย่อมหมายความรวมถึงข้อความทั้งหลายในสัญญานั้น เมื่อในสัญญาดังกล่าวมีข้อความว่าจะนำสัญญาไปจดทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ ศาลจึงวินิจฉัยชี้ขาดว่าสัญญานั้นเป็นสัญญาจะขายฝาก ไม่เป็นโมฆะ ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยตามประเด็นที่ท้ากันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยฎีกาในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับคดีแพ่ง: ศาลฎีกาจะไม่วินิจฉัยเกินประเด็นที่ฎีกาขอ หากโจทก์พอใจในโทษ
คดีอาญาซึ่งโจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตายนั้น ประเด็นโดยตรงแห่งคดีมีแต่เพียงว่าจำเลยกระทำผิดโดยประมาทหรือไม่ การที่ศาลล่างกล่าวหาผู้ตายมีส่วนประมาทอยู่ด้วยนั้น เป็นเพียงเพื่อจะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษจำเลยเท่านั้น และข้อเท็จจริงในคดีอาญาซึ่งศาลที่จะพิจารณาคดีส่วนแพ่งจะต้องถือตามนั้นก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดีอาญาโดยตรงเท่านั้น เมื่อโจทก์ฎีกาเพียงข้อเดียวว่าคดีควรฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว ผู้ตายมิได้ประมาทด้วย ส่วนข้ออื่น ๆรวมทั้งโทษที่ศาลอุทธรณ์วางไว้โจทก์พอใจแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้ เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีนี้แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาล: ประเด็นที่จำกัด vs. ประเด็นตามฟ้องและต่อสู้
โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดากัน โจทก์ฟ้องขอแบ่งส่วนมรดกของบิดาครึ่งหนึ่ง จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์มีส่วนไม่ถึงครึ่ง เพราะควรตกเป็นของมารดาจำเลย 2 ใน 3 ที่เหลืออีก 1 ใน 3 จึงเป็นของโจทก์เพียง 1 ใน 3
ในวันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาเพรื่องฟ้องและทำให้การโดยย่อ ข้อที่คู่ความรับกัน และต่างไม่ติดใจสืบพยาน แล้วศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาต่อไปว่า ประเด็นมีเฉพาะข้อที่ว่าโจทก์ควรได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งตามฟ้องหรือควรได้ส่วนแต่เท่าที่จำเลยต่อสู้
ดังนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม่ใช่เรื่องที่คู่ความท้ากันโดยจำกัดให้ศาลชี้ขาดเพียง 2 ทางว่าส่วนแบ่งนั้นถ้าโจทก์ไม่ได้ครึ่งหนึ่งตามฟ้องแล้ว จักต้องเป็นไปดังจำเลยให้การต่อสู้ หากแต่เป็นเรื่องที่คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ฟ้องและต่อสู้ซึ่งศาลจะต้องพิพากษาไปตามบทกฎหมายและรูปคดี ฉะนั้นศาลมีอำนาจพิพากษาแบ่งส่วนเป็นอย่างอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยคดีมรดก: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่คู่ความยกขึ้นเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยอ้างว่าเป็นบุตรอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเช่นนี้ ศาลย่อมจะวินิจฉัยไปถึงว่า โจทก์เป็นบุตรที่บิดาได้รับรองแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1627 จึงมีสิทธิได้รับมรดกตาม มาตรา1533 ด้วยไม่ได้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อต่อสู้แห่งคดี
คำสั่งศาลว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย นั้นมีผลตั้งแต่วันที่คดีถึงที่สุดแต่ทรัพย์มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาทในทันทีที่เจ้ามรดกตายฉะนั้นเมื่อศาลสั่งว่าโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายภายหลังเจ้ามรดกตายแล้วจึงไม่มีทรัพย์มรดกเหลืออยู่ โจทก์ไม่มีทางได้รับส่วนแบ่ง
of 2