คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขาดตอน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายฐานโดยผู้กระทำผิดคนเดียวกัน: ศาลมีอำนาจฟ้องรวมกันได้ แม้การกระทำขาดตอน
ถ้าปรากฎความผิดหลายฐานได้กระทำลงโดยผู้กระทำผิดคนเดียว ก็ย่อมฟ้องคดีทุกเรื่องต่อศาลซึ่งมีอำนาจชำระใน ฐานความผิดซึ่งมีอัตราโทษสูงได้ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อาญา มาตรา 24(1) นั้นกฎหมายถือเอาบุคคลผู้กระทำผิดเป็นสำคัญ มิใช่อาศัยแต่การเกี่ยวพันเฉพาะฐานความผิดเท่านั้น
จำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ที่จังหวัดปากพนัง และถูกฟ้องยังศาลปากพนัง คดีอยู่ระหว่างพิจารณาจำเลยมากระทำผิดฐานมีอาวุธปืนและลูกระเบิดมือที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอีก ดังนี้ โจทก์จึงฟ้องคดีหลังต่อศาลจังหวัดปากพนังได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าห้องที่ขาดตอนหลังการแบ่งทรัพย์สินจากการหย่า การใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
โจทก์เช่าที่ของราชพัสดุแล้วปลูกห้องพิพาทให้จำเลยเช่าตอนนี้จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แต่ต่อมาโจทก์หย่ากับสามี และแบ่งทรัพย์กัน โดยโจทก์ยกฟ้องพิพาทให้แก่สามีโจทก์ ๆ ขายห้องนี้ให้กับจำเลย การเช่าระหว่างโจทก์,จำเลยก็ขาดตอนไม่ติดต่อกันอีก จะใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ มาบังคับโจทก์ในตอนหลังนี้ ย่อมไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ป้องกันตัวหลังวิวาทขาดตอน: การกระทำของจำเลยฟังได้ว่าเป็นการป้องกันตัวที่สมควร
จำเลยเป็นปากเสียงกันแล้วเลิกลากันไป สักครู่หนึ่งฝ่ายหนึ่งกลับย้อนมาเอามีดฟันอีกฝ่ายหนึ่ง จึงต่อสู้ทำร้ายกันและกันมีบาดเจ็บ ต้องฟังว่าป้องกันเพราะกรณีวิวาทขาดตอนไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวขาดตอน: การไล่ติดตามเพื่อจับกุมไม่ใช่การวิวาทต่อเนื่อง
พฤตติการณ์ที่ถือว่าการวิวาทขาดตอนจากการทำร้ายตอนหลังซึ่งเป็นการป้องกันตัว
การทำร้ายผู้อื่นขณะที่กำลังจะทำร้ายตัวนั้นเป็นการป้องกันตาม ม.50 ไม่ใช่ ม.49(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์และพยายามทำร้ายร่างกาย: การขาดตอนของความผิดและการแบ่งกระทง
พฤตติการณ์อย่างไร เรียกว่าการกระทำผิดขาดตอนกันแล้ว วิธีพิจารณาอาชญา การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดฐานชิงหรือปล้นนั้น ในชั้นแรกต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่าความผิดฐานลักในตอนแรกกับความผิดในตอนหลังขาดตอนกันแล้วหรือยัง พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ พ.ศ.2461 ม.3 แก้มาก ศาลเดิมลงปล้น 10 ปี ศาลอุทธรณ์ลงชิง 3 ปี ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8700/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องต่อเนื่อง เมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ การครอบครองเดิมขาดตอน
จำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ ช. เมื่อ ช. ขายที่ดินพิพาทและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บิดาโจทก์ทั้งห้าก่อนจำเลยทั้งสองครอบครองครบกำหนดสิบปี จำเลยทั้งสองไม่อาจยกการครอบครองดังกล่าวขึ้นยันบิดาโจทก์ทั้งห้าได้ การครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยทั้งสองจึงขาดตอนตั้งแต่บิดาโจทก์ทั้งห้าได้รับโอนกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนแล้ว จำเลยทั้งสองจะต้องเริ่มนับระยะเวลาครอบครองที่ดินพิพาทใหม่ จะนำระยะเวลาที่จำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินของ ช. มานับรวมด้วยไม่ได้ เมื่อจำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทหลังจากบิดาโจทก์ทั้งห้าได้กรรมสิทธิ์มายังไม่ครบสิบปี จำเลยทั้งสองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์
แม้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 จะเป็นผู้มอบอำนาจหลายคน แต่ต่างเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินและบ้านพิพาท จึงเป็นผู้มีอำนาจร่วมกันมอบอำนาจให้โจทก์ที่ 5 ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกระทำการมากกว่าครั้งเดียวโดยเสียอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข้อ 7 (ข) ซึ่งกำหนดไว้ 30 บาท ปรากฏว่าใบมอบอำนาจของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ติดอากรแสตมป์ 30 บาท โจทก์ที่ 5 จึงมีอำนาจฟ้องแทนโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองขาดตอนเมื่อผู้เยาว์ออกจากบ้านนาน ผู้กระทำไม่ผิดฐานพรากผู้เยาว์
การที่ ป.พ.พ. มาตรา 1566 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดานั้น เป็นบทบัญญัติในหมวด 2 สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาและบุตร อันเป็นบทบัญญัติที่กำหนดให้บิดามารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ ที่จะมีอำนาจจัดการเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของผู้เยาว์ รวมทั้งทรัพย์สินและหนี้สินของผู้เยาว์ เนื่องจากผู้เยาว์เป็นผู้ที่ยังอ่อนในด้านสติปัญญา ความคิด และร่างกาย ขาดความรู้ ความชำนาญ จึงต้องมีผู้ใช้อำนาจปกครองคอยปกครองดูแลจนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ แต่ความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วยตาม ป.อ. มาตรา 319 วรรคแรก นั้น แม้กฎหมายบัญญัติโดยมุ่งที่จะคุ้มครองอำนาจปกครองของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลของผู้เยาว์ เพื่อปกป้องมิให้ผู้ใดมาก่อการรบกวนหรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการล่วงละเมิดต่ออำนาจปกครองก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวนอกจากคุ้มครองอำนาจปกครองของบิดามารดาแล้ว ยังคุ้มครองอำนาจปกครองดูแลของผู้ปกครองและผู้ดูแลผู้เยาว์ด้วย เห็นได้ว่าการล่วงละเมิดอำนาจปกครองที่จะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 319 วรรคแรก มีความหมายแตกต่างจากอำนาจปกครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1566 ประกอบกับการพรากผู้เยาว์เป็นความผิดทางอาญาต้องตีความโดยเคร่งครัด จะขยายความไม่ได้ ดังนี้ การพรากผู้เยาว์ที่จะเป็นความผิดตามมาตรา 319 วรรคแรกได้นั้น ผู้เยาว์ต้องอยู่ในความปกครองดูแลของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลตามสภาพความเป็นจริงว่าผู้เยาว์อยู่ในความดูแลหรือไม่ หากผู้เยาว์ไปจากการดูแลของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเสียแล้ว อำนาจปกครองดูแลของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลย่อมขาดตอนหรือสิ้นสุดลง แต่หากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลยังดูแลเอาใจใส่ผู้เยาว์อยู่ ผู้เยาว์ย่อมอยู่ในอำนาจปกครองดูแลของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลตลอดเวลาโดยไม่ขาดตอนหรือสิ้นสุดลง
คดีนี้ ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เยาว์หนีออกจากบ้านพักที่อาศัยอยู่ร่วมกับผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นมารดาไปก่อนเกิดเหตุเกือบ 1 ปี และพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังว่า ผู้เสียหายที่ 1 ยังใส่ใจดูแลผู้เสียหายที่ 2 อยู่ ดังนี้ อำนาจปกครองของผู้เสียหายที่ 1 จึงขาดตอนและสิ้นสุดลง ทำให้ผู้เสียหายที่ 2 ไม่อยู่ในอำนาจปกครองของผู้เสียหายที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 เป็นธุระจัดหาให้ผู้เสียหายที่ 2 ไปค้าประเวณีให้แก่สายลับ จึงไม่เป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของผู้เสียหายที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากมารดาเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย
of 2