พบผลลัพธ์ทั้งหมด 51 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8259/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกจากทรัพย์สินที่ผู้จัดการมรดกขายไปแล้ว ศาลมีอำนาจแบ่งเงินที่ได้จากการขายให้ทายาทตามส่วน
โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยที่1ในฐานะผู้จัดการมรดกว่าจำเลยที่1นำที่ดินแปลงน.ส.3ก.ทรัพย์มรดกของนายย. และตกได้แก่โจทก์ทั้งสองคนละ1ใน6ส่วนไปขายโดยมิชอบแม้คำขอท้ายฟ้องจะขอให้เพิกถอนที่ดินแปลงดังกล่าวเอาที่ดินส่วนของโจทก์ทั้งสองคืนมาก็ถือได้ว่าเป็นการฟ้องเรียกมรดกจากผู้จัดการมรดกเมื่อไม่อาจเพิกถอนการขายที่ดินแปลงดังกล่าวเงินที่ได้จากการขายที่ดินนั้นต้องถือว่าเป็นทรัพย์มรดกที่จะต้องแบ่งให้แก่โจทก์ทั้งสองศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจแบ่งให้โจทก์ทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7556/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในสินสมรสเมื่อมีการขายทรัพย์สินโดยไม่ได้รับความยินยอม และสิทธิในการร้องกล่าวอ้างในคดีบังคับคดี
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ทำสัญญาขายที่พิพาททั้งแปลงให้แก่จำเลยและจำเลยครอบครองยึดถือเพื่อตนแล้ว จำเลยจึงได้สิทธิครอบครองที่พิพาท การที่จำเลยได้สิทธิครอบครองที่พิพาทจึงเป็นผลจากสัญญาซื้อขายที่โจทก์ตกลงขายและส่งมอบการครอบครองให้แก่จำเลย หาใช่จำเลยได้สิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 แต่ประการเดียวไม่ผู้ร้องจึงชอบที่จะกล่าวอ้างได้ว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ร้อง โจทก์ขายให้แก่จำเลยโดยผู้ร้องมิได้ให้ความยินยอม ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยได้สิทธิครอบครองที่พิพาท ให้โจทก์จดทะเบียนโอนแก่จำเลย หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิบังคับคดีตามคำพิพากษาเอาแก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปการที่ผู้ร้องร้องว่าโจทก์นำที่พิพาทซึ่งเป็นสินสมรสไปขายให้แก่จำเลยโดยผู้ร้องมิได้ให้ความยินยอม เท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าการซื้อขายที่พิพาทไม่ผูกพันที่พิพาทอันเป็นสินสมรสในส่วนของผู้ร้องและนับได้ว่าเป็นสิทธิอื่น ๆ ที่ผู้ร้องอาจขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามกฎหมาย ซึ่งการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องเข้ามาในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการพิจารณาคดีเนื่องจากจำเลยไม่ทราบเรื่องฟ้องคดี การส่งหมายที่ภูมิลำเนาเดิมหลังขายทรัพย์สิน
จำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องเพราะจำเลยขายบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมให้แก่ ช. ไป และได้ย้ายไปอยู่บ้านของภรรยาแล้ว และไม่ได้รับการติดต่อ จาก ช. เรื่องที่จำเลยถูกฟ้อง เนื่องจาก ช. ไม่ทราบที่อยู่ใหม่ของจำเลย และจำเลยไม่ได้ไปที่ บ้านเดิมอีกเลย กรณีถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา คำร้องของ จำเลยระบุว่า การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์ รวมทั้งคำบังคับ เนื่องจากโจทก์นำไปส่งที่บ้าน ที่จำเลยขายไปแล้ว ถือได้ว่าคำขอของจำเลย แสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์ นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้ไม่สามารถยื่น คำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทรัพย์สินชำรุดของราชการโดยสุจริตและนำเงินชำระค่าทรัพย์สินใหม่ ไม่ถือเป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยขายซากเรือที่ชำรุดใช้การไม่ได้โดยเปิดเผยและสุจริตใจเพียงแต่ไม่ได้ขออนุมัติขายตามระเบียบของทางราชการ แล้วจำเลยนำเงินที่ขายได้ซื้อรถตัดหญ้าในราคาสูงกว่าราคาที่ขายเรือได้ 400 บาท ให้แก่ทางราชการในทันที แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์ของทางราชการเป็นของตนหรือของผู้อื่น จึงไม่ผิด ป.อ. มาตรา 147
จำเลยได้นำเรือลำใหม่มาใช้แทนเรือลำเก่าที่ขายไปให้แก่กรม-ชลประทานแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาเรือแก่ทางราชการกรมชลประทานอีก
จำเลยได้นำเรือลำใหม่มาใช้แทนเรือลำเก่าที่ขายไปให้แก่กรม-ชลประทานแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาเรือแก่ทางราชการกรมชลประทานอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทรัพย์สินราชการชำรุดโดยสุจริตและนำเงินซื้อทรัพย์สินทดแทน ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์
จำเลยขายซากเรือที่ชำรุดใช้การไม่ได้โดยเปิดเผยและสุจริตใจเพียงแต่ไม่ได้ขออนุมัติขายตามระเบียบของทางราชการแล้วจำเลยนำเงินที่ขายได้ซื้อรถตัดหญ้าในราคาสูงกว่าราคาที่ขายเรือได้ 400 บาท ให้แก่ทางราชการในทันทีแสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์ของทางราชการเป็นของตนหรือของผู้อื่น จึงไม่ผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 จำเลยได้นำเรือลำใหม่มาใช้แทนเรือลำเก่าที่ขายไปให้แก่กรมชลประทานแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาเรือแก่ทางราชการกรมชลประทานอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3107/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทรัพย์สินระหว่างคดีแพ่ง: ไม่ถือเป็นโกงเจ้าหนี้ หากมูลหนี้ไม่แน่นอนและทรัพย์สินจำเลยมีมูลค่าสูงกว่าหนี้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายต้นยางพารา โดยให้โจทก์เข้าตัดโค่นไม้ยางพาราหรือให้จำเลยคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาและฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์คดีแพ่งดังกล่าวจึงยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าโจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยหรือไม่ และแม้หากจะฟังว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิเข้าตัดโค่นต้นยางพาราตามสัญญาก็ตาม โจทก์ก็ต้องชำระราคาที่เหลือให้จำเลย โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้เพียงไม่เกินค่าเสียหายตามคำขอท้ายฟ้องกับเงินมัดจำที่จะได้คืน ซึ่งน้อยกว่าทรัพย์สินที่จำเลยมีอยู่มากการที่ภายหลังจำเลยขายที่ดินและต้นยางพาราให้บุคคลอื่นจึงยังไม่ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนอันจะมีมูลความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดกขายทรัพย์สินเพื่อแบ่งมรดก ไม่ถือเป็นโกงเจ้าหนี้ แม้ยังไม่ถึงที่สุด
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งมรดกให้โจทก์ร่วม 1 ใน 6 ส่วน คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยขายที่ดินมรดกไปเพราะการรังวัดแบ่งแยกที่ดินระหว่างทายาทไม่สามารถแบ่งกันได้ โจทก์ร่วมขอแบ่งเงินที่ได้จากการขาย จำเลยไม่ให้อ้างว่ารอให้คดีถึงที่สุดก่อน จำเลยนำเงินจากการขายที่ดินไปรับจำนองที่ดินอื่นเพื่อหารายได้ให้แก่กองมรดก ทั้งที่ดินที่จำนองมีราคาสูงกว่าจำนวนเงินที่จำนอง จำเลยกระทำไปในนามของผู้จัดการมรดกโดยความเห็นชอบของทายาทอื่น และไม่ปรากฏว่ากระทำไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดกขายทรัพย์สินเพื่อแบ่งมรดก ไม่ถือเป็นโกงเจ้าหนี้ หากทำโดยสุจริตและได้รับความเห็นชอบจากทายาทอื่น
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งมรดกให้โจทก์ร่วม 1 ใน 6 ส่วน คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยขายที่ดินมรดกไปเพราะการรังวัดแบ่งแยกที่ดินระหว่างทายาทไม่สามารถแบ่งกันได้ โจทก์ร่วมขอแบ่งเงินที่ได้จากการขาย จำเลยไม่ให้อ้างว่ารอให้คดีถึงที่สุดก่อนจำเลยนำเงินจากการขายที่ดินไปรับจำนองที่ดินอื่นเพื่อหารายได้ให้แก่กองมรดก ทั้งที่ดินที่จำนองมีราคาสูงกว่าจำนวนเงินที่จำนอง จำเลยกระทำไปในนามของผู้จัดการมรดกโดยความเห็นชอบของทายาทอื่น และไม่ปรากฏว่ากระทำไปโดยทุจริตการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5916/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้เพื่อขายทรัพย์สิน: ไม่ถือว่าเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายอื่น
จำเลยยอมชำระหนี้ตามเช็คจำนวน 70,000 บาทให้แก่ผู้คัดค้านเพราะถูกผู้คัดค้านในฐานะเจ้าหนี้ยื่นฟ้องต่อศาล จำเลยยอมทำสัญญาประนีประนอมกับผู้คัดค้าน และยอมชำระหนี้จำนวนดังกล่าว มิฉะนั้นจำเลยไม่อาจทำนิติกรรมขายบ้านของตน ให้ กับบุคคลภายนอกได้ เนื่องจากผู้คัดค้านใช้วิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ดังนี้มิใช่กรณีที่จำเลยมุ่งประสงค์ให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่า: การขายทรัพย์สินที่ยกให้, การสืบพยานนอกฟ้อง, และพฤติการณ์เจ้าชู้ของโจทก์
หลังจากโจทก์แยกกับจำเลยไปอยู่กับมารดาโจทก์แล้วคงปล่อยให้จำเลยอยู่บ้านพร้อมกับบุตรตามลำพังโดยไม่เคยส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูจำเลยและบุตรเยี่ยงสามีภรรยาและบิดามารดากับบุตรที่ดินที่ปลูกบ้านก็เป็นที่ดินของคนอื่นซึ่งต้องการที่ดินคืนจำเลยจึงได้ขายบ้านหลังนี้ไปโดยพลการมิได้ปรึกษาหารือโจทก์เนื่องจากจำเลยมีเหตุจำเป็นดังกล่าวและเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ยกให้แก่จำเลยแล้วถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำตนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีหรือภรรยากันอย่างร้ายแรงโจทก์จะยกเอาเป็นข้ออ้างเป็นเหตุในการฟ้องหย่าหาได้ไม่ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องไว้เลยว่าหลังจากโจทก์จำเลยแยกกันอยู่แล้วจำเลยตามไปรังควานโจทก์ฉะนั้นการที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยตามไปทำลายประตูบ้านโจทก์และเอาอุจจาระไปป้ายที่นอนของโจทก์จึงเป็นการสืบนอกฟ้องศาลไม่อาจนำมาวินิจฉัยเป็นเหตุหย่าได้ โจทก์เป็นคนชอบดื่มสุราและเป็นคนเจ้าชู้ชอบติดพันหญิงอื่นฐานชู้สาว การที่จำเลยต่อว่าต่อขานถึงเรื่องดังกล่าวเป็นครั้งคราวจริงบ้างไม่จริงบ้างจึงเป็นเรื่องธรรมดาของภรรยาที่มีความรักต่อสามีการกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นเป็นผู้ประพฤติชั่วอันทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรงหรือได้รับความดูถูกเกลียดชังหรือได้รับความเสียหายเดือดร้อนจนเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้.