พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกสินบริคณห์ให้บุตรต้องมียินยอมจากสามี หากศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่รับพิจารณาข้อกฎหมายใหม่
ภรรยาเอาที่ดินและบ้านเรือน อันเป็นทรัพย์สินบริคณห์ไปทำหนังสือยกให้แก่บุตร ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยสามีได้รู้เห็นยินยอมด้วยครั้นภายหลังบุตรถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ยึดทรัพย์นั้น สามีจะไปร้องขอให้ปล่อยทรัพย์โดยอ้างว่าเป็นสินบริคณห์ ไม่ได้
สามีร้องขัดทรัพย์ โดยอ้างว่าภรรยาเอาสินบริคณห์ไปยกให้แก่บุตรโดยตนมิได้รู้เห็นยินยอม สัญญายกให้จึงใช้ไม่ได้ ครั้นศาลชั้นต้นฟังว่าสามีรู้เห็นยินยอมในการยกให้แล้ว ให้ยกคำร้อง สามีกลับคัดค้านในชั้นศาลอุทธรณ์อีกว่า สามีจะต้องให้ความยินยอมเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476 อีก ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะข้อกฎหมายนี้มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น และมิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
สามีร้องขัดทรัพย์ โดยอ้างว่าภรรยาเอาสินบริคณห์ไปยกให้แก่บุตรโดยตนมิได้รู้เห็นยินยอม สัญญายกให้จึงใช้ไม่ได้ ครั้นศาลชั้นต้นฟังว่าสามีรู้เห็นยินยอมในการยกให้แล้ว ให้ยกคำร้อง สามีกลับคัดค้านในชั้นศาลอุทธรณ์อีกว่า สามีจะต้องให้ความยินยอมเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476 อีก ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะข้อกฎหมายนี้มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น และมิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวให้ชำระค่าเช่าและการยกข้อกฎหมายใหม่ในอุทธรณ์ฎีกา
การบอกกล่าวให้ผู้เช่าให้ชำระค่าเช่าที่ค้างก่อนตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 560 นั้นไม่ใช่เป็นกรณี เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฉะนั้นเมื่อไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้นแล้ว จะมายกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อกฎหมายใหม่ในชั้นดีความ และข้อจำกัดในการรับฟังพยานหลักฐาน
ข้อกดหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงไนชั้นดีกานั้นต้องเปนข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาไนสาลชั้นต้น หรือเปนข้อที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือมีพรึติการน์นอกเหนือไม่อาดบังคับได้
ปัญหาที่ว่าการตั้งตัวแทนไม่มีหลักถานเปนหนังสือสาลจะรับฟังไม่ได้นั้น ไม่เปนปัญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ปัญหาที่ว่าการตั้งตัวแทนไม่มีหลักถานเปนหนังสือสาลจะรับฟังไม่ได้นั้น ไม่เปนปัญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3335/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่อุทธรณ์เหตุแก้ข้อกฎหมายใหม่ การบังคับคดีล้มละลายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 3 ที่ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดการบังคับคดี การรวบรวม หรือการจำหน่ายทรัพย์สินตามคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสิบเด็ดขาดไว้ชั่งคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยว่าบทบัญญัติ มาตรา 8 และมาตรา 10 แห่ง พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 63/2548 แล้วว่า บทบัญญัติมาตรา 8 และมาตรา 10 แห่ง พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 และต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของจำเลยที่ 3 แล้ว การที่จำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาโดยอ้างเหตุผลในข้อกฎหมายขึ้นมาใหม่ว่า ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยทั้งสิบกระทำความผิดต่อ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนฯ ขอให้มีคำพิพากษาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดการบังคับคดี การรวบรวม หรือการจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยทั้งสิบไว้จนกว่าคดีหลักจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น ข้อกฎหมายดังกล่าวเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 28