พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงประชาชนเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน โดยแสดงข้อความเท็จและยักยอกทรัพย์สิน
จำเลยที่ 1 ประกาศรับสมัครคนงานไปทำงานในต่างประเทศจนผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งรวม 7 คนหลงเชื่อไปสมัครเพื่อทำงาน ตามที่จำเลยประกาศจำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไว้เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียหายไม่ได้ไปทำงานยังต่างประเทศตามที่ จำเลยกับพวกประกาศชักชวนดังนี้การกระทำของจำเลยที่1ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยทุจริตหลอกลวงประชาชนรวม ทั้งผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และโดยการ หลอกลวงได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ต้องมีรายละเอียดของข้อความเท็จและองค์ประกอบความผิดอาญา
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ข้อความอันเป็น เท็จที่แจ้งจะต้องเกี่ยวกับความผิดอาญาด้วย แต่คำฟ้องของโจทก์ระบุเพียงว่า จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ได้มาขอยืมเครื่องเพชรพลอยต่าง ๆคิดเป็นมูลค่าถึง 166,900 บาท แล้วหายเงียบไปเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าข้อความที่จำเลยแจ้งนั้นเกี่ยวกับความผิดอาญาอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ครบองค์ประกอบความผิด คำฟ้องของโจทก์ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 มิได้บรรยายว่า ข้อความที่จำเลยนำส่งลงพิมพ์โฆษณามีว่าอย่างไรทั้งมิได้แนบข้อความในหนังสือพิมพ์ที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้องด้วย จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแสดงข้อความเท็จต่อประชาชนสำคัญกว่าจำนวนผู้เสียหายในความผิดฉ้อโกงประชาชน
การแสดงข้อความอันเป็นเท็จจริงต่อประชาชน ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั้น หาได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหาย ที่ถูกหลวงลวงมากหรือน้อย เป็นหลักไม่ แต่ถือเอาเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหรือขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน ดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยเห็นว่าควร เชื่อตามพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญา เพราะจำเลยมิได้หลอกลวงผู้เสียหาย ก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เช่นกัน
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหรือขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน ดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยเห็นว่าควร เชื่อตามพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญา เพราะจำเลยมิได้หลอกลวงผู้เสียหาย ก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงประชาชน: พิจารณาเจตนาแสดงข้อความเท็จต่อสาธารณะ ไม่จำกัดจำนวนผู้เสียหาย
การแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั้น หาได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากหรือน้อยเป็นหลักไม่ แต่ถือเอาเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหรือขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน ดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยเห็นว่าควรเชื่อตามพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญาเพราะจำเลยมิได้หลอกลวงผู้เสียหายก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหรือขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน ดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยเห็นว่าควรเชื่อตามพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญาเพราะจำเลยมิได้หลอกลวงผู้เสียหายก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1785/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อความเท็จในเอกสารราชการ (แผนที่พิพาท) ไม่ถือเป็นความผิดตาม ม.267 หากเป็นเพียงการบันทึกข้อความที่จำเลยอ้าง
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรื่องที่ดิน ศาลสั่งให้ทำแผนที่พิพาทจำเลยบอกให้เจ้าพนักงานผู้ทำแผนที่บันทึกลงในแผนที่พิพาทว่า "จำเลยว่าทุกฝ่ายที่เคยมีชื่อในโฉนดครอบครองร่วมกัน ไม่เคยแบ่งแยกเป็นส่วนสัด ฯลฯ" ไม่ว่าข้อความนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นแต่เพียงการบันทึกให้ปรากฏไว้ว่าจำเลยอ้างว่าอย่างไรเท่านั้น หาอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งดังกล่าวโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือผู้อื่นหรือประชาชนได้ไม่ จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1785/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อความเท็จในแผนที่พิพาท ไม่ถือเป็นความผิดมาตรา 267 หากเป็นเพียงการบันทึกข้อความที่จำเลยอ้าง
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรื่องที่ดิน ศาลสั่งให้ทำแผนที่พิพาทจำเลยบอกให้เจ้าพนักงานผู้ทำแผนที่บันทึกลงในแผนที่พิพาทว่า "จำเลยว่าทุกฝ่ายที่เคยมีชื่อในโฉนดครอบครองร่วมกัน ไม่เคยแบ่งแยกเป็นส่วนสัด ฯลฯ" ไม่ว่าข้อความนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นแต่เพียงการบันทึกให้ปรากฏไว้ว่าจำเลยอ้างว่าอย่างไรเท่านั้น หาอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งดังกล่าวโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือผู้อื่นหรือประชาชนได้ไม่จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อความเท็จเกี่ยวกับการสืบราคาจัดซื้อสีและการพิสูจน์หลักฐานความถูกต้อง
ฟ้องของโจทก์มีความหมายว่า ระหว่างวันเวลาที่โจทก์กล่าวในฟ้องเพื่อที่จำเลยจะซื้อสีและอุปกรณ์การทาสีไว้ทาบ้านพักข้าราชการมิได้มีการตั้งกรรมการสืบราคา และกรรมการมิได้ทำการสืบราคาสีและอุปกรณ์การทาสี แต่จำเลยได้ทำหลักฐานอันเป็นเท็จว่า ได้มีการตั้งกรรมการ และกรรมการได้ทำการสืบราคาถูกต้องตามระเบียบของทางราชการแล้วนั้น มิได้หมายความถึงว่าจำเลยได้ซื้อสีหรืออุปกรณ์การทาสีไว้ก่อนแล้ว โดยมิได้มีการตั้งกรรมการสืบราคาและไม่มีการสืบราคาก่อนซื้อ เพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้พอเข้าใจได้เป็นทำนองนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสำเนาเอกสารสิทธิที่มีข้อความเท็จและลงนามรับรอง ถือเป็นการปลอมเอกสาร แม้ไม่มีต้นฉบับ
ทำเอกสารมีข้อความเป็นเท็จทั้งสิ้น และจำเลยเซ็นชื่อรับรองว่าเป็นสำเนาอันถูกต้อง แม้ต้นฉบับอันแท้จริงไม่มี ก็เท่ากับเป็นการปลอมเอกสารขึ้นทั้งหมดเพื่อให้เห็นว่าคัดมาจากต้นฉบับที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นการทำเอกสารปลอม
(อ้างฎีกาที่ 1472/2496)
(อ้างฎีกาที่ 1472/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกเงินโดยข่มขู่ด้วยข้อความเท็จ แม้ผู้เสียหายไม่ได้กระทำผิด ย่อมเป็นกรรโชก
กระบือของจำเลยหายไปโดยที่ผู้เสียหายมิได้ลักไป จำเลยไปเรียกเงินจากผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าผู้เสียหายลักกระบือของจำเลยไปและพูดจาขู่เข็ญผู้เสียหายว่า ถ้าไม่ให้เงินจะพาตำรวจมาจับและผู้เสียหายจะต้องติดคุก ทั้ง ๆ ที่จำเลยไม่ทราบว่า ผู้เสียหายลักกระบือจำเลยไปจริงหรือไม่ ผู้เสียหายกลัวจะเสียเวลาทำมาหากิน จึงให้เงินจำเลยไปโดยไม่สมัครใจ เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จึงมีความผิดฐานกรรโชก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความไม่ต้องรับผิดชอบต่อข้อความเท็จในคำฟ้อง หากได้จากการบอกเล่าของลูกความ
จำเลยที่ 2 เรียงคำฟ้องและรับว่าความในหน้าที่ของทนายความ.ข้อความที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นข้อความที่ได้จากคำบอกเล่าของจำเลยที่ 1(ซึ่งเป็นลูกความ) และจะเป็นความเท็จหรือความจริง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทนายความย่อมไม่มีโอกาสจะทราบได้นอกจากจะปรากฏตามหลักฐานที่นำสืบ. หากในเวลาภายหน้าความปรากฏขึ้นว่า คำฟ้องมีข้อความอันเป็นเท็จ. ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบก็คือจำเลยที่ 1 หาใช่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแต่ผู้เรียงคำฟ้องตามคำบอกเล่าในหน้าที่ของทนายความไม่.