คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อบกพร่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อบกพร่องคำฟ้องคดีอาญา: จำเป็นต้องแนบระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอเงินบำเหน็จ
ตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.2490 มาตรา 71การที่ศาลจะสั่งให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จจำต้องพิจารณาจากระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดขึ้นระเบียบดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริง รัฐมนตรีได้ออกระเบียบไว้หรือไม่ มีเงื่อนไขการจ่ายเงินบำเหน็จไว้อย่างไร จึงเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ต้องบรรยายฟ้องมาให้ศาลทราบหรือแนบระเบียบดังกล่าวมาด้วย เพื่อที่ศาลจะได้พิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จโดยถูกต้อง เมื่อโจทก์มิได้แนบระเบียบดังกล่าวมาให้ศาลทราบ ศาลจึงไม่อาจที่จะพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จได้ ทั้งนี้เนื่องจากการที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยจ่ายบำเหน็จเป็นเรื่องสำคัญมีผลเท่ากับลงโทษทางอาญาแก่จำเลย เพราะหากจำเลยไม่จ่ายเงินบำเหน็จแล้ว บทบัญญัติมาตรานี้ให้บังคับชำระเช่นเดียวกับการบังคับชำระค่าปรับในคดีอาญาโจทก์จึงต้องบรรยายฟ้องหรือแนบระเบียบดังกล่าวมาให้ศาลทราบระเบียบดังกล่าวคือข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี ตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.2499 ปัญหาเรื่องข้อบกพร่องของคำฟ้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลย่อมยกขึ้นมาพิพากษาให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยได้ ดังนี้ การที่ศาลยกเรื่องการจ่ายเงินบำเหน็จขึ้นมาพิพากษา จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5784/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานตามที่คู่ความอุทธรณ์ ชี้ขาดข้อบกพร่องการวินิจฉัยของศาลล่าง
เมื่อศาลแรงงานมิได้นำพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่โจทก์กล่าวไว้ในอุทธรณ์มาพิจารณาวินิจฉัยเลยสำหรับเอกสารบางฉบับ และบางฉบับก็มิได้พิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนจริง ดังนี้ย่อมไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาในการรับฟังพยานหลักฐานจึงต้องให้ศาลแรงงานวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่โจทก์ได้กล่าวอ้างในอุทธรณ์เสียก่อน ศาลฎีกาให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานและให้ศาลแรงงานพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7254/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารประกอบฟ้องไม่เคลือบคลุม & หน้าที่ชำระราคาตามสัญญา แม้มีข้อบกพร่อง
คำฟ้องของโจทก์บรรยายมาเป็นภาษาไทยชัดแจ้งแล้วเกี่ยวกับการซื้อเครื่องปรับสภาพน้ำ การติดตั้งและการชำระราคา จำเลยย่อมเข้าใจได้ดีกฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องส่งเอกสารมาท้ายคำฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18โจทก์อาจอ้างเอกสารเป็นพยานเมื่อจำเลยปฏิเสธและมีการสืบพยาน แม้โจทก์จะไม่ได้ทำคำแปลเอกสารท้ายฟ้องเป็นภาษาไทย ป.วิ.พ. มาตรา 46 วรรคสามบัญญัติไว้แต่เพียงว่า ให้ศาลสั่งให้คู่ความที่ส่งทำคำแปลแนบไว้กับต้นฉบับเท่านั้นฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยซื้อเครื่องปรับสภาพน้ำจากโจทก์และชำระราคาบางส่วนเมื่อโจทก์ติดตั้งให้จำเลยเรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้ผิดสัญญา จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์ ส่วนเครื่องปรับสภาพน้ำที่โจทก์ติดตั้งให้นั้นมีความชำรุดบกพร่อง ซึ่งโจทก์ต้องแก้ไขให้ตามสัญญานั้น เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องดำเนินการตามข้อสัญญาที่มีอยู่อีกส่วนหนึ่ง จะอ้างมาเป็นเหตุไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2008/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ศาลในการพิจารณาแก้ไขคำฟ้อง และผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา163,164การที่ศาลชั้นต้นไม่สั่งคำร้องนั้นแล้วพิพากษาคดีไปเป็นการมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนการพิจารณาชอบที่ศาลอุทธรณ์จะยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาหรือสั่งใหม่ตามรูปคดีตามมาตรา208(2)การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยเห็นว่าเป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่แถลงต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ดำเนินการดังกล่าวก่อนจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243-1244/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินมีข้อบกพร่องเรื่องเนื้อที่และทางเข้าออก ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องเงินคืน
จำเลยที่2เป็นโจทก์ในสำนวนหลังฟ้องอ้างว่าหลังจากทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์แล้วต่อมาได้ตรวจสอบที่ดินทราบว่าที่ดินไม่มีทางเข้าออกและเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ3ไร่โจทก์ให้การสู้คดีโดยมิได้ปฏิเสธให้แจ้งชัดว่าที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายมิได้มีเนื้อที่ขาดหายไปดังคำฟ้องจึงต้องฟังว่าโจทก์ยอมรับว่าที่ดินตามฟ้องเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ3ไร่ที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายระบุมีเนื้อที่รวม15ไร่2งาน36ตารางวาเมื่อเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ3ไร่การขาดหายจึงเกินจำนวนร้อยละห้าจำเลยที่2ผู้ซื้อจึงมีสิทธิบอกปัดไม่รับโอนที่ดินดังกล่าวจากโจทก์ได้ จำเลยที่1อายัดเช็คค่าดอกเบี้ยตามสัญญาจะซื้อขายภายหลังจำเลยที่2ตรวจพบว่าที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายเนื้อที่ขาดหายไปประมาณ3ไร่ถือได้ว่าเป็นการอายัดสืบเนื่องมาจากจำเลยที่2มีสิทธิบอกปัดไม่รับโอนที่ดินและบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา466จึงไม่เป็นการประพฤติผิดสัญญาจะซื้อขายที่เป็นเหตุให้โจทก์อ้างสิทธิเบิกสัญญาและริบมัดจำตามสัญญาจะซื้อขายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อบกพร่องคำให้การเรื่องอายุความมรดก ทำให้ไม่เกิดประเด็น และไม่ตัดสิทธิโจทก์
จำเลยให้การว่า บิดาโจทก์และจำเลยยืมเงินจำเลยไปใช้จ่ายในการต่อสู้คดี ต่อมาไม่มีเงินที่จะใช้คืนแก่จำเลยจึงตกลงเอาที่ดินพิพาทตีใช้หนี้จำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นชื่อของจำเลยตั้งแต่ปี 2520 และได้ครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจึงได้สิทธิครอบครองและคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องตามกฎหมาย คำให้การดังกล่าวของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความเรื่องอะไรและเพราะเหตุใดเป็นคำให้การที่ไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นเรื่องคดีของโจทก์ขาดอายุความมรดก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการแก้ไขข้อบกพร่องของเอกสารมอบอำนาจ: ศาลแก้ไขได้หากไม่กระทบสิทธิคู่ความ
โจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่า โจทก์มอบอำนาจให้ ป. และ ส.ฟ้องคดีนี้ เพียงแต่สำเนาหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องกลับระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องบุคคลอื่นไม่ใช่จำเลย แต่ต่อมาในระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นได้อนุญาตตามคำร้องของโจทก์ให้โจทก์ส่งหนังสือมอบอำนาจที่ถูกต้องได้ อันเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66 สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว และโจทก์ได้แก้ไขแล้ว ฟ้องโจทก์และกระบวนพิจารณาทั้งหมดของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการยึดหน่วงเงินค่าจ้างและการหักกลบลบหนี้ กรณีงานติดตั้งมีข้อบกพร่อง จำเลยต้องพิสูจน์การตกลงรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
เมื่อโจทก์มิได้เพิกเฉยไม่ซ่อมหลังคาดังที่จำเลยกล่าวอ้างจำเลยจึงไม่มีสิทธิจะยึดหน่วงเงินค่าจ้างที่ค้างชำระ เมื่อโจทก์ไม่ได้ตกลงรับจะเป็นผู้ออกเงินค่าใช้จ่ายในการแก้ไขโครงเหล็กหลังคา จำเลยจึงไม่มีสิทธินำค่าใช้จ่ายในการแก้ไขโครงเหล็กหลังคามาหักกลบลบหนี้กับเงินที่ค้างชำระ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง: แก้ไขข้อบกพร่องการระบุศาลในหนังสือมอบอำนาจก่อนส่งหมายนัด ถือว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องได้
การที่โจทก์มอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีโดยระบุในหนังสือมอบอำนาจที่ยื่นพร้อมคำฟ้องว่าให้ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งธนบุรี มิใช่ศาลแพ่งที่โจทก์ได้ยื่นคำฟ้องนั้นเป็นการระบุชื่อศาลจะฟ้องร้องผิดพลาด อันเป็นข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจ แต่ต่อมาก่อนส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย โจทก์ได้ยื่นใบมอบอำนาจใหม่ต่อศาลระบุว่ามอบอำนาจให้ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง ถือได้ว่าโจทก์ได้แก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2180/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำฟ้องหลังชี้สองสถาน: ข้อบกพร่องของโจทก์ในการตรวจสอบหลักฐานก่อนฟ้อง
เมื่อปรากฏจากคำร้องของโจทก์ว่า เอกสารอันเป็นหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยยังมียอดหนี้เพิ่มเติมจากยอดหนี้ที่โจทก์ยื่นฟ้องไว้เดิมอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์แล้วตั้งแต่ก่อนฟ้องคดี แสดงว่าโจทก์สามารถตรวจสอบหลักฐานดังกล่าวได้ตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานให้ละเอียดก่อนฟ้องคดีว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าไรกันแน่ การที่โจทก์เพิ่งทราบยอดหนี้ที่จำเลยมีต่อโจทก์เพิ่มหลังจากโจทก์ยื่นฟ้องและศาลชั้นต้นชี้สองสถานไปแล้วนับเป็นข้อบกพร่องของโจทก์เอง ความบกพร่องดังกล่าวไม่อาจจะยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อแก้ไขคำฟ้องหลังวันชี้สองสถานได้ ทั้งข้อเท็จจริงดังกล่าวก็หาใช้ข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง จึงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่โจทก์จะยื่นคำร้องขอแก้คำฟ้องได้หลังวันชี้สองสถานตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 บัญญัติยกเว้นไว้
of 5