พบผลลัพธ์ทั้งหมด 126 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องหลังสืบพยาน: ศาลมีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยในคำฟ้องได้ หากไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ
ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้ออันเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องระบุไว้ชัดเจนว่าได้ทำขึ้นระหว่างโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อโดย ว. ผู้รับมอบอำนาจตามหนังสือมอบอำนาจฝ่ายหนึ่งกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้ออีกฝ่ายหนึ่ง เมื่ออ่านคำฟ้องแล้วจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญาย่อมเข้าใจได้ดีว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ ว. เป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์การที่โจทก์ระบุในคำฟ้องว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ลงนามในสัญญาแทน และส่งสำเนาหนังสือมอบอำนาจฉบับที่โจทก์มอบอำนาจให้ ส. มีอำนาจลงนามแทนโจทก์ประกอบคำฟ้องนั้นเป็นเพียงข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ แม้จะเป็นการขอแก้ไขคำฟ้องหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้วและมิได้มีการส่งสำเนาคำร้องให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะเป็นการแก้ไขคำฟ้องให้ตรงกับข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญาทราบดีอยู่แล้วและเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย จึงถือมิได้ว่าทำให้จำเลยที่ 1 เสียเปรียบในทางคดีแต่อย่างใด เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับตัวผู้รับมอบอำนาจแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจรับฟังหนังสือมอบอำนาจฉบับใหม่ที่ถูกต้องแทนฉบับเดิมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1957/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเพื่อความถูกต้องของต้นเงินคำนวณดอกเบี้ย เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่ศาลทำได้
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแก้ไขคำพิพากษาในส่วนของจำนวนเงินที่เป็นฐานในการคิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จตามคำร้องของจำเลย เป็นการแก้ไขให้ถูกต้องตรงกับเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่กล่าวไว้ในคำพิพากษาจึงเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย มิใช่เป็นการทำคำสั่งซึ่งเป็นการกลับหรือแก้คำวินิจฉัยในคำพิพากษาเดิม จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันตามคำพิพากษา แก้ไขได้เฉพาะข้อผิดพลาดเล็กน้อย
เมื่อมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้วย่อมผูกพันคู่ความตามนั้น และแม้สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาตามยอมก็ตาม แต่การจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ก็ต่อเมื่อเป็นข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 143 เท่านั้น การที่โจทก์และจำเลยทั้งสองขอเพิ่มเติมหมายเลขโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินอีก 1 แปลงเข้ามาใหม่ ซึ่งผิดไปจากเดิม จึงมิใช่ข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อยที่ศาลมีอำนาจแก้ไข โจทก์และจำเลยทั้งสองไม่อาจขอแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันคู่ความ แก้ไขได้เฉพาะข้อผิดพลาดเล็กน้อย การเพิ่มเติมโฉนดที่ดินไม่ใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อย
เมื่อคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ย่อมผูกพันคู่ความตามนั้น และแม้สัญญาประนีประนอมยอมความจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาก็ตาม แต่จะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ก็ต่อเมื่อเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 วรรคหนึ่ง เท่านั้น เมื่อโจทก์และจำเลยทั้งสองขอเพิ่มเติมหมายเลขโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินอีก 1 แปลง เข้ามาใหม่ จึงมิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยที่ศาลมีอำนาจแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3124/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุข้อผิดพลาดของคำพิพากษาอย่างชัดเจน และแสดงเหตุผลที่ศาลอาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้
จำเลยกล่าวอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าสัญญากู้เป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการที่โจทก์จัดให้แก่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโจทก์ โจทก์ต้องเสนอข้อพิพาทต่อศาลแรงงานกลาง และจำเลยโต้แย้งเกี่ยวกับอำนาจฟ้องและยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้อง หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดี คำพิพากษาคงเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นข้ออ้างลอย ๆมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไร ทั้งไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่าหากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว จึงเป็นคำขอที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความหลังศาลพิพากษาตามยอม ต้องใช้สิทธิอุทธรณ์ ไม่ใช่คำร้องแก้ไข
โจทก์และจำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมผูกพันคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 หากโจทก์เห็นว่าคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้เป็นไปตามเจตนารมณ์หรือมิได้เป็นไปตามข้อตกลง โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 138 วรรคสอง เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ได้แก้ไขให้เป็นไปตามข้อตกลงหรือเจตนารมณ์ของโจทก์และจำเลยทั้งสาม แต่โจทก์หาได้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่ กลับใช้สิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความอันเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ซึ่งการจะขอแก้ไขข้อผิดพลาดได้จะต้องเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 143 วรรคแรก เมื่อส่วนที่โจทก์ขอแก้ไขและศาลชั้นต้นไม่อนุญาตนั้นเป็นการเพิ่มความรับผิดให้จำเลยทั้งสามต้องรับผิดมากขึ้นกว่าเดิม จึงมิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ แม้จำเลยทั้งสามจะไม่คัดค้านโจทก์ก็ไม่อาจขอแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: การใช้สิทธิอุทธรณ์ vs. การขอแก้ไขข้อผิดพลาด
โจทก์และจำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 หากโจทก์เห็นว่าคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้เป็นไปตามเจตนารมณ์หรือมิได้เป็นไปตามข้อตกลง โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 วรรคสอง เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ได้แก้ไขให้เป็นไปตามข้อตกลงหรือเจตนารมณ์ของโจทก์และจำเลยทั้งสาม แต่โจทก์หาได้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่ กลับใช้สิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความอันเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ซึ่งการจะขอแก้ไขข้อผิดพลาดได้จะต้องเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 วรรคแรก เมื่อส่วนที่โจทก์ขอแก้ไขและศาลชั้นต้นไม่อนุญาตนั้นเป็นการเพิ่มความรับผิดให้จำเลยทั้งสามต้องรับผิดมากขึ้นกว่าเดิม จึงมิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ แม้จำเลยทั้งสามจะไม่คัดค้านโจทก์ก็ไม่อาจขอแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความต้องเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย หากเป็นการเพิ่มความรับผิดชอบเกินกว่าที่ตกลงกันเดิม แม้จำเลยไม่คัดค้าน ก็ไม่อาจแก้ไขได้
เมื่อโจทก์และจำเลยทั้งสามทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลและศาลพิพากษาตามยอมแล้ว คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 หากโจทก์เห็นว่าคำพิพากษาตามยอมมิได้เป็นไปตามเจตนารมณ์หรือข้อตกลง โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 วรรคสองแต่โจทก์กลับยื่นคำร้องขอแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความอันเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ซึ่งการจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ต้องเป็นข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 วรรคแรก การที่โจทก์ขอแก้ไขให้จำเลยทั้งสามรับผิดในเบี้ยปรับและดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากที่ตกลงกันจึงเป็นการทำให้จำเลยทั้งสามต้องรับผิดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม กรณีมิใช่ข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยแม้จำเลยทั้งสามจะไม่คัดค้าน โจทก์ก็ไม่อาจขอแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5285/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนัดพิจารณาคดีที่ผิดพลาดและการมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องนัดจำเลยมาให้การแก้คดีและนัดสืบพยานโจทก์ ต่อมาได้มีการเลื่อน นัดสอบคำให้การ จำเลยและสืบพยานโจทก์ไปอีก แต่เจ้าหน้าที่ผู้พิมพ์รายงานกระบวนพิจารณาพิมพ์วันนัดผิดไปจากที่คู่ความตกลงกันไว้โดยผู้พิพากษามิได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาที่พิมพ์ผิดนั้นให้คู่ความฟังก่อน เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดตามที่เจ้าหน้าที่พิมพ์ถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคหนึ่งอันจะเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องได้ โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9603/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและหมายนัดพยานโดยวิธีปิดหมายชอบด้วยกฎหมาย แม้มีข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายงานเจ้าพนักงาน
เจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 ทั้งได้ทำรายงานลงข้อความระบุแน่ชัดถึงตัวบุคคล ชื่อเจ้าพนักงานผู้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องและชื่อผู้รับ รวมทั้งวิธีการส่ง วันเดือนปีและสถานที่ส่ง พร้อมทั้งลงลายมือชื่อของเจ้าพนักงานผู้ทำรายงานแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 80 การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 ณ ภูมิลำเนาโดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งของศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว การที่เจ้าพนักงานศาลทำรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า ในขณะนำส่งหมายได้พบชาย - หญิงอายุประมาณ 30 - 50 ปี ณ สถานที่ดังกล่าวและบุคคลดังกล่าวแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ผู้จัดการจำเลยที่ 4 และที่ 5 ออกไปธุระต่างจังหวัด ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 5 อ้างว่าไม่เป็นความจริง เพราะในวันดังกล่าวเป็นวันหยุดทำการของจำเลยที่ 4 ที่ 5 จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพบบุคคลดังกล่าวนั้น ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่เจ้าพนักงานศาลทำรายงานต่อศาลเท่านั้น และข้อเท็จจริงดังกล่าวถึงแม้จะเป็นวันหยุดทำการก็อาจมีพนักงานของจำเลยที่ 4 ที่ 5 มาทำงานก็ได้ จึงไม่ทำให้การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีปิดหมายเสียไป
รายงานการเดินหมายของเจ้าพนักงานศาลเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานศาลทำรายงานต่อศาลชั้นต้น และได้ระบุถึงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบุคคล ชื่อเจ้าพนักงานผู้ส่งหมาย วิธีส่ง วันเดือนปี และเวลาที่ส่ง และรายงานนั้นได้ลงวัน เดือน ปี และลงลายมือชื่อของเจ้าพนักงานผู้ทำรายงานแล้ว การส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์จึงเป็นการส่งโดยชอบ ส่วนที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 อ้างว่า การส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ในรายงานเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่า ส่งให้แก่จำเลยคนใด ณ บ้านเลขที่ใดนั้น ก็ปรากฏจากบันทึกการปิดหมายของเจ้าพนักงานศาลว่า ได้ส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 5 ณ บ้านเลขที่ตามฟ้องแล้ว ส่วนรายงานของเจ้าพนักงานศาลต่อศาลชั้นต้นเกี่ยวกับบ้านเลขที่ของจำเลยที่ 3 ว่าเป็นบ้านเลขที่ 49/5 ซึ่งความจริงบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นเลขที่ 59/4 นั้นก็เป็นเพียงข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายงานระหว่างเจ้าพนักงานศาลที่ทำรายงานต่อศาลชั้นต้นเท่านั้น ไม่ทำให้การส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์เสียไป
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง รวมทั้งการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ไม่สามารถกระทำได้โดยการส่งหมายวิธีปกติ ดังนั้น ศาลชั้นต้นจึงแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งห้าทราบโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาลอันเป็นวิธีอื่นใดตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคแรก
รายงานการเดินหมายของเจ้าพนักงานศาลเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานศาลทำรายงานต่อศาลชั้นต้น และได้ระบุถึงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบุคคล ชื่อเจ้าพนักงานผู้ส่งหมาย วิธีส่ง วันเดือนปี และเวลาที่ส่ง และรายงานนั้นได้ลงวัน เดือน ปี และลงลายมือชื่อของเจ้าพนักงานผู้ทำรายงานแล้ว การส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์จึงเป็นการส่งโดยชอบ ส่วนที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 5 อ้างว่า การส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ในรายงานเจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่า ส่งให้แก่จำเลยคนใด ณ บ้านเลขที่ใดนั้น ก็ปรากฏจากบันทึกการปิดหมายของเจ้าพนักงานศาลว่า ได้ส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 5 ณ บ้านเลขที่ตามฟ้องแล้ว ส่วนรายงานของเจ้าพนักงานศาลต่อศาลชั้นต้นเกี่ยวกับบ้านเลขที่ของจำเลยที่ 3 ว่าเป็นบ้านเลขที่ 49/5 ซึ่งความจริงบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นเลขที่ 59/4 นั้นก็เป็นเพียงข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายงานระหว่างเจ้าพนักงานศาลที่ทำรายงานต่อศาลชั้นต้นเท่านั้น ไม่ทำให้การส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์เสียไป
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง รวมทั้งการส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ไม่สามารถกระทำได้โดยการส่งหมายวิธีปกติ ดังนั้น ศาลชั้นต้นจึงแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งห้าทราบโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาลอันเป็นวิธีอื่นใดตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคแรก