พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2160/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสัญญาให้โอกาสทำสัญญาใหม่ไม่ใช่สัญญาผูกพัน
ข้อสัญญาว่า ถ้าครบกำหนดเช่าผู้เช่าต้องมาทำสัญญาใหม่ใน 7 วันมิฉะนั้นยอมให้เก็บค่าเช่าเป็นเดือนละ 1,000บาทได้ ดังนี้ เป็นแต่ให้โอกาสทำสัญญาใหม่ แม้ผู้เช่าขอทำสัญญาใหม่ใน 7 วัน ก็ยังไม่เป็นสัญญาผูกพันผู้ให้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์สูญหาย: ข้อสัญญาบังคับชำระหนี้ได้หากไม่ขัดต่อกฎหมาย
ข้อสัญญาในสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ว่า แม้รถสูญหายโดยเหตุสุดวิสัย ผู้เช่าซื้อก็จะชำระค่าเช่าซื้อจนครบ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้: ข้อความในสัญญาเป็นหลักฐานสำคัญ หากจำเลยอ้างต่างจากสัญญา ต้องมีหลักฐานสนับสนุน
สัญญากู้มีข้อความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กู้และได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว จำเลยจะนำสืบว่าความจริงจำเลยมิได้รับเงินไปแต่เป็นเรื่องเช่านาโจทก์ทำโจทก์เกรงจะไม่ได้ค่าเช่า จึงให้จำเลยทำเป็นสัญญากู้เงิน นั้น นำสืบไม่ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 246/2485 และ 799/2493)
การดำเนินคดีในทางแพ่งนั้นเมื่อฝ่ายชนะคดีมิได้แต่งตั้งทนายว่าความ ศาลก็ไม่จำต้องพิพากษาให้ฝ่ายแพ้คดีใช้ค่าทนายแทน
การดำเนินคดีในทางแพ่งนั้นเมื่อฝ่ายชนะคดีมิได้แต่งตั้งทนายว่าความ ศาลก็ไม่จำต้องพิพากษาให้ฝ่ายแพ้คดีใช้ค่าทนายแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดัดแปลงทรัพย์เช่าและการเลิกสัญญาเช่า: การตีความข้อสัญญาและการบังคับใช้บทบัญญัติกฎหมาย
ในเรื่องสัญญานั้นมีบางเรื่องกฎหมายบัญญัติไว้เป็นทำนองแทนการแสดงเจตนาของคู่กรณีในเมื่อไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
กรณีที่คู่สัญญาขอให้ศาลวินิจฉัยว่า การกระทำเป็นการฝ่าฝืนสัญญาหรือไม่นั้น มิใช่เป็นการขอวินิจฉัยข้อสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นเรื่องให้วินิจฉัยข้อสัญญาซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้แทนการแสดงเจตนาด้วย
ข้อสัญญาในเรื่องซ่อมแซมทรัพย์ที่เช่า ย่อมไม่กินความถึงการดัดแปลงต่อเติม
ข้อสัญญาในเรื่องที่ผู้เช่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ย่อมไม่เกี่ยวกับสิทธิเลิกสัญญา
การดัดแปลงต่อเติมทรัพย์ที่เช่านั้น เมื่อไม่มีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่น ผู้ให้เช่าย่อมไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
การบอกเลิกสัญญาตาม มาตรา 386 จะบอกเลิกได้โดยข้อสัญญาหรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
การบอกเลิกสัญญาเพราะคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ตามมาตรา 387 หมายถึงการไม่ชำระหนี้ตามสัญญา ไม่ใช่หมายถึงการชำระค่าเสียหายหรือไม่ปฏิบัติการเป็นอย่างอื่น
กรณีที่คู่สัญญาขอให้ศาลวินิจฉัยว่า การกระทำเป็นการฝ่าฝืนสัญญาหรือไม่นั้น มิใช่เป็นการขอวินิจฉัยข้อสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นเรื่องให้วินิจฉัยข้อสัญญาซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้แทนการแสดงเจตนาด้วย
ข้อสัญญาในเรื่องซ่อมแซมทรัพย์ที่เช่า ย่อมไม่กินความถึงการดัดแปลงต่อเติม
ข้อสัญญาในเรื่องที่ผู้เช่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ย่อมไม่เกี่ยวกับสิทธิเลิกสัญญา
การดัดแปลงต่อเติมทรัพย์ที่เช่านั้น เมื่อไม่มีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่น ผู้ให้เช่าย่อมไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
การบอกเลิกสัญญาตาม มาตรา 386 จะบอกเลิกได้โดยข้อสัญญาหรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
การบอกเลิกสัญญาเพราะคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ตามมาตรา 387 หมายถึงการไม่ชำระหนี้ตามสัญญา ไม่ใช่หมายถึงการชำระค่าเสียหายหรือไม่ปฏิบัติการเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3407/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองเพื่อประกันหนี้จำกัดวงเงิน ผู้จำนองไม่ผูกพันหนี้ส่วนที่เกินวงเงินจำนอง แม้มีข้อสัญญาเพิ่มเติม
ผู้จำนองแต่ละคนมีเจตนาจำนองที่ดินของตนเพื่อประกันหนี้ของลูกหนี้ ในวงเงินที่ระบุไว้ในสัญญาจำนองเท่านั้น แม้สัญญาจำนองจะมีข้อสัญญาด้วยว่า "เมื่อถึงการบังคับจำนองเอาทรัพย์ซึ่งจำนองนี้ขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกับค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังได้กล่าวแล้วนั้น เงินยังขาดอยู่จำนวนเท่าใด ผู้จำนองและลูกหนี้ยอมรับผิดชดใช้เงินที่ขาดจำนวนนั้นให้แก่ผู้รับจำนองจนครบจำนวน" ก็มีความหมายแต่เพียงว่าผู้จำนองแต่ละคนยอมเข้ารับผิดร่วมกับลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญาภายในต้นเงินจำนองพร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระของต้นเงินดังกล่าวเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายว่าจะต้องรับผิดชำระหนี้ที่ขาดจำนวนหลังจากบังคับจำนองซึ่งเท่ากับจำนวนหนี้ที่ลูกหนี้เป็นหนี้ต่อเจ้าหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4973/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาตัวแทนขายและการห้ามบอกเลิกสัญญา ข้อสัญญาต้องเป็นธรรมและไม่จำกัดสิทธิเกินควร
จำเลยมีความประสงค์จะขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์ จึงตกลงกับโจทก์ให้โจทก์เป็นฝ่ายขายโดยได้รับบำเหน็จเป็นการตอบแทน การทำสัญญาดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีการบังคับขู่เข็ญ ต่างสมัครใจเข้าทำสัญญา ซึ่งข้อความในสัญญาสามารถอ่านเข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าทำสัญญา จึงต้องผูกพันตามข้อสัญญา แม้จะห้ามจำเลยบอกเลิกสัญญาก็ตาม แต่ช่วงระยะเวลาเพียง 10 เดือน ไม่เป็นการจำกัดสิทธิของจำเลยในการขายที่ดินพร้อมทาวน์เฮาส์ตลอดไปหรือภายในระยะเวลายาวนานจนทำให้จำเลยเสียหาย ในทางตรงกันข้ามหากไม่กำหนดข้อสัญญาห้ามจำเลยเลิกสัญญาไว้ อาจเป็นช่องทางให้จำเลยเลิกสัญญาเอาเปรียบโจทก์ได้เนื่องจากโจทก์ได้ลงทุนประกาศขายโดยเขียนป้ายประกาศตามสถานที่ต่าง ๆ ประกาศโฆษณาในสิ่งพิมพ์และทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งปรากฏภาพทาวน์เฮาส์ของจำเลย ผู้พบเห็นทางโฆษณาสามารถเดินทางไปดูสภาพและทำเลได้ ซึ่งอาจพบและพูดคุยกับจำเลยจนตกลงซื้อขายกันโดยไม่ผ่านโจทก์ ก็จะทำให้โจทก์เสียหาย ด้วยเหตุนี้ข้อสัญญาดังกล่าวจึงเป็นธรรมแก่ทั้งโจทก์และจำเลย หาใช่ไม่เป็นธรรมแก่จำเลยแต่อย่างใด
1/1
1/1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาฝึกอบรมต่างประเทศ: ข้อตกลงผูกพันทำงานหลังฝึกอบรมไม่ถือเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
สัญญาฝึกอบรมและดูงานต่างประเทศระหว่างโจทก์กับจำเลย มีข้อกำหนดให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการส่งจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างไปฝึกอบรมต่างประเทศและมีข้อกำหนดให้จำเลยนำวิชาความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่ได้จากการไปฝึกอบรมและดูงานต่างประเทศกลับมาใช้ในการทำงานให้เกิดประโยชน์แก่โจทก์ มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน แม้ระยะเวลาที่ให้โจทก์ส่งจำเลยไปฝึกอบรมจะมีกำหนด 2 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาที่ให้จำเลยกลับมาทำงานให้โจทก์มีกำหนด 3 ปี ก็ไม่ทำให้โจทก์ได้เปรียบจำเลย เพราะในระหว่างที่จำเลยต้องกลับมาทำงานให้โจทก์นั้น จำเลยยังคงได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานตามปกติ มิได้ถูกตัดทอน ทั้งตามข้อกำหนดในสัญญาดังกล่าวยังให้สิทธิจำเลยไม่ต้องกลับมาทำงานให้โจทก์ได้โดยจำเลยต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการไปฝึกอบรมและดูงานทั้งหมดคืนแก่โจทก์ การคำนวณจำนวนค่าใช้จ่าย หรือค่าเสียหายที่จำเลยต้องชดใช้ในกรณีที่จำเลยกลับมาทำงานให้โจทก์ไม่ครบกำหนด 3 ปี โดยเอาค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและดูงานทั้งหมดหารด้วย 36 เดือน แล้วคูณด้วยจำนวนเดือนที่จำเลยยังทำงานไม่ครบ ก็สอดคล้องกับข้อตกลงที่ให้สิทธิจำเลยเลือกชดใช้ค่าใช้จ่ายในการไปฝึกอบรมและดูงานทั้งหมดคืนโจทก์ แทนการกลับมาทำงานให้โจทก์มีกำหนด 3 ปี ไม่ทำให้โจทก์ได้เปรียบจำเลยเช่นกัน จึงไม่ใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน สัญญาฝึกอบรมและดูงานต่างประเทศระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงไม่เป็นโมฆะ