พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อจากคดีก่อนหน้า แม้สำนวนคดีก่อนหน้ายังมิได้ลงสารบบ แต่ศาลทราบแล้วว่ามีการพิพากษาลงโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดร้อยเอ็ด โดยขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดำที่ 197/2517 ของศาลมณฑลทหารบกที่ 6 (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) ศาลอ่านคำพิพากษาลงโทษคดีดำที่ 197/2517 ก่อน และในวันเดียวกันนั้นก็อ่านคำพิพากษาลงโทษคดีนี้ติดต่อกันไปเลย โดยยังมิได้นำสำนวนคดีดำที่ 197/2517 นั้นไปลงสารบบออกเลขคดีแดงเสียก่อน โจทก์จึงไม่มีโอกาสแถลงให้ศาลทราบได้ก่อนว่าคดีดำที่ 197/2517 นั้นเป็นคดีหมายเลขแดงที่เท่าใด แต่ก็ย่อมปรากฏชัดแก่ศาลและคู่ความแล้วว่าคดีดำที่ 197/2517 นั้นศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้วโดยไม่จำต้องให้โจทก์แถลงแก่ศาลซ้ำ ศาลย่อมพิพากษาให้นับโทษคดีนี้ต่อกับโทษในคดีดำที่ 197/2517 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362-1364/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ที่ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ แม้เคยมีประเด็นเกี่ยวกับสถานะบริวารในคดีก่อนหน้า
คดีก่อน เรื่องขับไล่ ศาลมีคำสั่งว่าบุคคลที่โจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลยนั้น ไม่ใช่บริวารของจำเลย
โจทก์มาฟ้องขับไล่บุคคลเหล่านั้นเป็นจำเลยในคดีใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะไม่ใช่ประเด็นเดียวกันและไม่ใช่คู่ความเดียวกัน
โจทก์มาฟ้องขับไล่บุคคลเหล่านั้นเป็นจำเลยในคดีใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะไม่ใช่ประเด็นเดียวกันและไม่ใช่คู่ความเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกเงินทดรองที่เคยถูกคิดบัญชีหักหนี้กันแล้วในคดีก่อนหน้า ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องว่า ได้ออกเงินทดรองไปให้จำเลยจำเลยปฏิเสธดังนี้ โจทก์มีหน้าที่นำสืบ เมื่อสืบไม่สมโจทก์ก็ต้องแพ้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินทดรองที่ออกแทนจำเลยเมื่อปรากฏว่าเงินจำนวนนี้เป็นจำนวนเดียวกับในคดีที่โจทก์จำเลย ได้ว่ากล่าวกันจนคดีถึงที่สุดแล้วดังนี้เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์จะรื้อร้องฟ้องอีกไม่ได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินทดรองที่ออกแทนจำเลยเมื่อปรากฏว่าเงินจำนวนนี้เป็นจำนวนเดียวกับในคดีที่โจทก์จำเลย ได้ว่ากล่าวกันจนคดีถึงที่สุดแล้วดังนี้เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์จะรื้อร้องฟ้องอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาอ้างอิงคดีก่อนหน้า: ตัดสินตามแนวทางเดิม
หมายเหตุ ตัดสินอย่างเดียวกับคดีดำที่ 296/2489 หรือ คดีแดงที่ 382/2490 ทุกประการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการนำสืบพยานเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกรื้อถอน แม้มีคำพิพากษาในคดีก่อนหน้า
ไนกรนีที่จำเลยรื้อเรือนนอกชานครัวและยุ้งข้าวที่ปลูกหยู่ไนที่ดินของโจทไปนั้น จำเลยมีสิทธิที่จะนำพยานบุคคลมาสืบว่าทรัพย์เหล่านั้นเปนของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การรุกล้ำ การเช่า และผลของการตัดสินคดีก่อนหน้า
คำพิพากษาที่ให้ยกฟ้องโจทก์ไม่ได้หมายความว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ และไม่ปิดปากคนที่ 3 จะต่อสู้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3619/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพิเศษครอบครองปรปักษ์ผูกพันตามคำพิพากษาเดิม การอ้างสิทธิขัดแย้งกับคดีก่อนหน้า
ผู้ร้องเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับจำเลยทั้งสี่ ผู้ร้องบรรยายคำร้องกล่าวอ้างแสดงอำนาจพิเศษและเบิกความในชั้นไต่สวนว่า ผู้ร้องครอบครองปรปักษ์ที่ดินตามที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว นับแต่ ป. ละทิ้งการครอบครองไป แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ขัดแย้งกับที่ผู้ร้องกล่าวอ้างในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 339/2551 ของศาลชั้นต้นเดียวกัน ซึ่งผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงเดียวกันนี้เฉพาะเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ โดยการครอบครองปรปักษ์อ้างเหตุ ป. ยกที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง ยิ่งไปกว่านั้นในคดีแพ่งดังกล่าว โจทก์คดีนี้ก็ได้ยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 1151/2552 วินิจฉัยว่า ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะเป็นบริวารของ ป. และผู้ร้องมิได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 ผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ พิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ดังนี้ คำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความคือผู้ร้องและโจทก์ในฐานะผู้คัดค้าน นับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา จนถึงวันที่คำพิพากษานั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย ถ้าหากมีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องยกขึ้นอ้างเพื่อสนับสนุนว่าผู้ร้องมีอำนาจพิเศษจึงรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3714/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีโดยอ้างข้อเท็จจริงขัดแย้งกับคดีก่อนหน้าถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริิต ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1905/2550 ของศาลชั้นต้น โจทก์กล่าวอ้างว่าสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นนิติกรรมอำพรางนิติกรรมการกู้ยืมเงิน เท่ากับอ้างว่าไม่มีการซื้อขายที่ดินพิพาทกันจริง โจทก์ยังเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ดังนั้นโจทก์จึงไม่อาจครอบครองปรปักษ์ที่ดินของตนเองได้ เพราะการครอบครองปรปักษ์จะมีได้แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และคดีถึงที่สุดแล้ว การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่าสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทมีผลสมบูรณ์บังคับได้ กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตกเป็นของ ส. แล้ว และอ้างว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ คำฟ้องคดีนี้จึงขัดกับคำฟ้องเดิม ทั้งเป็นการอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่เพื่อประโยชน์ในเชิงคดีของโจทก์เท่านั้น อันแสดงให้เห็นได้โดยชัดแจ้งว่าการฟ้องคดีของโจทก์ในคดีนี้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ตาม ป.พ.พ. มาตรา 5 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6220/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาผูกพันคู่ความในคดีก่อนหน้าย่อมมีผลผูกพันในคดีต่อมา แม้ผู้ค้ำประกันไม่ได้เป็นคู่ความ
โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่างเป็นคู่ความในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวได้วินิจฉัยแล้วว่าจำเลย (โจทก์ในคดีนี้) เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อและพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ (จำเลยที่ 1 ในคดีนี้) โดยรับรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนไปในสภาพปัจจุบัน คดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษาของศาลในคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และจำเลยทั้งสามในคดีนี้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง โจทก์จะกล่าวอ้างหรือโต้เถียงให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้แตกต่างไปจากเดิมไม่ได้ แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจะไม่ได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวด้วย เมื่อเป็นกรณีคำพิพากษาผูกพันคู่ความแล้วก็ต้องฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อ ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้เพื่อให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้ออีก
โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่กำหนดให้จำเลยทั้งสามรับผิดชำระค่าเสียหาย 1,090,000 บาท แต่มาฎีกาโต้แย้งเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง การคำนวณทุนทรัพย์เพื่อเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาจึงต้องคำนวณจากทุนทรัพย์ 1,090,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่
โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่กำหนดให้จำเลยทั้งสามรับผิดชำระค่าเสียหาย 1,090,000 บาท แต่มาฎีกาโต้แย้งเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง การคำนวณทุนทรัพย์เพื่อเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาจึงต้องคำนวณจากทุนทรัพย์ 1,090,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7264/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษจำคุก: ผลของการเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน แม้จะเป็นคดีก่อนหน้า
ตาม ป.อ. มาตรา 56 (ที่แก้ไขใหม่) บัญญัติว่า ถ้าปรากฏว่าผู้นั้น (1) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน... ศาลจะรอการลงโทษผู้นั้นไว้ก็ได้ นั้น หมายถึงว่า จำเลยไม่ได้รับโทษจำคุกมาก่อนคดีที่ศาลกำลังจะพิพากษา ซึ่งมาตรา 56 (ที่แก้ไขใหม่) มิได้ระบุว่าคดีที่จำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนนั้น ต้องเป็นการกระทำความผิดมาก่อนคดีเรื่องหลัง เมื่อจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและเป็นโทษในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นโทษจำคุกเกินกว่าหกเดือนและมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 56 (ที่แก้ไขใหม่) ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้