พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลางในคดีพนัน ผู้ร้องเป็นเจ้าของและของกลางไม่ได้ใช้ในการกระทำผิด ศาลฎีกายืนคืนของกลาง
++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติการพนัน (ชั้นขอคืนของกลาง) ++
++ โจทก์ฎีกา ++
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
ในคดีร้องขอคืนของกลาง เมื่อได้ความว่าโทรทัศน์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดซึ่งศาลไม่มีอำนาจสั่งริบ จึงต้องคืนโทรทัศน์ของกลางให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของ
++ โจทก์ฎีกา ++
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
ในคดีร้องขอคืนของกลาง เมื่อได้ความว่าโทรทัศน์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดซึ่งศาลไม่มีอำนาจสั่งริบ จึงต้องคืนโทรทัศน์ของกลางให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของของกลางในคดีพนัน: พยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ
จำเลยเป็นเจ้าของและเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ผู้ร้องอ้างว่าโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์เป็นของผู้ร้องก็เพียงแต่อ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ไปจากผู้ร้องปรากฏตามสัญญาเช่าซื้อที่อ้างเป็นพยานหลักฐาน ซึ่งหากมีสัญญาเช่าซื้อในขณะที่จำเลยถูกจับกุมจำเลยน่าจะนำมาแสดงต่อเจ้าพนักงานตำรวจในชั้นจับกุมหรือสอบสวนการที่จำเลยไม่บอกต่อเจ้าพนักงานตำรวจหรือแสดงสัญญาเช่าซื้อนั้นคงเป็นเพราะจำเลยไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อไว้ การที่ผู้ร้องนำมาแสดงในภายหลังเพื่อร้องขอของกลางคืน อาจจะทำขึ้นในภายหลังก็เป็นได้ผู้ร้องอ้างตนเองเป็นพยานเพียงปากเดียวไม่มีพยานอื่นเบิกความสนับสนุน และคดีนี้ศาลสั่งริบของกลางเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องขอคืนของกลาง พยานผู้ร้องจึงเป็นพิรุธไม่น่าเชื่อถือ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ของกลางเป็นของผู้ร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5872/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำทั้งปรับสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำในคดีพนัน ภายใน 3 ปี โทษปรับถือเป็นการพ้นโทษแล้ว
โทษปรับถือเป็นโทษอย่างหนึ่งในจำพวกโทษทั้ง 5 ชนิด ที่ลงแก่ผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18(5) เมื่อศาลลงโทษปรับจำเลยและมีการชำระค่าปรับครบถ้วนแล้วในวันเวลาใด ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้พ้นโทษนับแต่วันที่ชำระค่าปรับนั้นแล้ว ฉะนั้นหากจำเลยพ้นโทษปรับแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี มา กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติการพนันนี้อีกจึงเข้าหลักเกณฑ์ต้องวางโทษทั้งจำทั้งปรับตามวิธีการที่พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา14 ทวิ บัญญัติไว้ในอนุมาตรา (1) หรือ (2) แล้วแต่กรณี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษคดีพนันเล็กน้อย พิจารณาจากพฤติการณ์และโอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี
แม้จะมีผู้เข้าร่วมเล่นการพนันเป็นจำนวนมาก แต่ เงินของกลางมีเพียง 23 บาท แสดงว่าเป็นการเล่นพนันกันครั้งละเล็ก ๆ น้อย ๆและยังมีเหตุน่าเชื่อว่าการเล่นการพนันกันดังกล่าวเป็นการเล่นพนันกันในระหว่างบรรดาผู้ที่ไปช่วย งานฌาปนกิจ ศพมารดาของจำเลยที่ 1ทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 15 ต่าง มีการงานทำเป็นหลักแหล่ง และไม่ ปรากฏว่าเคยต้อง โทษจำคุกมาก่อนอยู่ในวิสัยที่จะกลับตน เป็นพลเมือง ดีได้ เป็นเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำเลยทั้งสองดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีพนัน: การฟ้องดำเนินคดีซ้ำในความผิดกรรมเดียว ย่อมระงับตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกที่บ้านจำนวน2 วง โดยแต่ละวงมีผู้เข้าร่วมเล่นหลายคน การกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็น 2 คดีตามจำนวนวงการพนันในข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกเมื่อคดีสำนวนหนึ่งศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยที่ 1ไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 อีกคดีหนึ่งย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5045/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดในคดีพนัน: จำเลยปฏิเสธ โจทก์ต้องพิสูจน์ได้เอง และข้อยกเว้นสถานที่ไม่ถือว่าเข้าเล่นพนัน
จำเลยอยู่ในวงการพนันไฮโลว์แต่วงการพนันไฮโลว์ที่เกิดเหตุอยู่ที่เพิงขายอาหารซึ่งตั้งอยู่บนทางสาธารณะหน้าอู่รถโดยสารประจำทางซึ่งประชาชนทั่วไปมีความชอบธรรมจะเข้าไปได้ที่เกิดเหตุจึงเป็นสาธารณสถานต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 6 ที่มิให้สันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้เข้าเล่นการพนันด้วย เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องเมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4665/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาโดยบันทึกในศาลแขวง และการลดโทษในคดีพนัน
คำพิพากษาของศาลแขวงสามารถกระทำได้โดยเพียงบันทึกไว้เท่านั้น แม้คำพิพากษามิได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยก่อน แต่เมื่ออ่านประกอบกันโดยตลอดแล้ว เป็นที่เข้าใจได้ว่าศาลได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงไว้เท่าใด ทั้งได้อ้างมาตราที่ลดโทษให้จำเลยไว้ด้วยแล้ว ไม่มีทางที่จะเข้าใจหรือแปลความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลแขวงจึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เครื่องเล่นไฟฟ้าจักรกลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ดังนี้จำเลยจะฎีกาเถียงเป็นอย่างอื่น หาได้ไม่เพราะขัดกับคำรับสารภาพ ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือใน การกระทำผิดมีมากถึง 46 ตู้ เงินเหรียญบาทถึง 30,231 เหรียญ ถือได้ว่าเป็นการเล่นการพนันรายใหญ่ อาจเป็นการมอมเมาเยาวชน ให้หลงไหลในการพนัน เป็นผลเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนโทษและรอการลงโทษให้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เครื่องเล่นไฟฟ้าจักรกลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ดังนี้จำเลยจะฎีกาเถียงเป็นอย่างอื่น หาได้ไม่เพราะขัดกับคำรับสารภาพ ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือใน การกระทำผิดมีมากถึง 46 ตู้ เงินเหรียญบาทถึง 30,231 เหรียญ ถือได้ว่าเป็นการเล่นการพนันรายใหญ่ อาจเป็นการมอมเมาเยาวชน ให้หลงไหลในการพนัน เป็นผลเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนโทษและรอการลงโทษให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4665/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาโดยบันทึกของศาลแขวง และการลดโทษในคดีพนัน
คำพิพากษาของศาลแขวงสามารถกระทำได้โดยเพียงบันทึกไว้เท่านั้น แม้คำพิพากษามิได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยก่อน แต่เมื่ออ่านประกอบกันโดยตลอดแล้ว เป็นที่เข้าใจได้ว่าศาลได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงไว้เท่าใด ทั้งได้อ้างมาตราที่ลดโทษให้จำเลยไว้ด้วยแล้ว ไม่มีทางที่จะเข้าใจหรือแปลความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลแขวงจึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เครื่องเล่นไฟฟ้าจักรกลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ดังนี้จำเลยจะฎีกาเถียงเป็นอย่างอื่น หาได้ไม่เพราะขัดกับคำรับสารภาพ ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือใน การกระทำผิดมีมากถึง 46 ตู้ เงินเหรียญบาทถึง 30,231 เหรียญ ถือได้ว่าเป็นการเล่นการพนันรายใหญ่ อาจเป็นการมอมเมาเยาวชน ให้หลงไหลในการพนัน เป็นผลเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนโทษและรอการลงโทษให้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เครื่องเล่นไฟฟ้าจักรกลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ดังนี้จำเลยจะฎีกาเถียงเป็นอย่างอื่น หาได้ไม่เพราะขัดกับคำรับสารภาพ ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือใน การกระทำผิดมีมากถึง 46 ตู้ เงินเหรียญบาทถึง 30,231 เหรียญ ถือได้ว่าเป็นการเล่นการพนันรายใหญ่ อาจเป็นการมอมเมาเยาวชน ให้หลงไหลในการพนัน เป็นผลเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนโทษและรอการลงโทษให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2732/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการริบของกลางคดีพนัน: การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เรื่องการริบของกลางเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ฎีกาอีกไม่ได้
พระราชบัญญัติการพนันฯ มาตรา 10 วรรคสอง ให้ศาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจในการริบเครื่องมือเครื่องใช้ในการเล่นการพนันโดยจะริบหรือไม่ริบก็ได้ ศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลย 600 บาท และริบโต๊ะบิลเลียด ไม้คิวและลูกบิลเลียดของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะไม่ริบของกลางเท่านั้น จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยโจทก์จะฎีกาขอให้ริบของกลางอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงอีกไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รอการลงโทษคดีพนัน: พิจารณาจากประวัติผู้ต้องหา ฐานะครอบครัว และความผิดไม่ร้ายแรง
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยในคดีการพนัน 3 เดือน ปรับ 1,500 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุก 1 เดือน 15 วัน ปรับ 1,500 บาท ไม่รอการลงโทษ แต่ให้ลงโทษกักขังแทนโทษจำคุก 1 เดือน 15 วัน ปรับ 1,500 บาท จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษโดยผู้พิพากษาผู้พิจารณาในศาลชั้นต้นเห็นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ให้รอการลงโทษจำคุกได้