พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่: ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากศาลชั้นต้น ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นตันฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนที่จะตกมาเป็นของโจทก์ และฟังว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายที่ชนะคดีตามที่ท้ากันไว้นั้น แต่ศาลอุทธรณ์ กลับฟังว่าจำเลยไม่ได้เช่าจากเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้แก่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารเสียนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะคดีมโนสาเร่คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฏหมายเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีมโนสาเร่: ศาลอุทธรณ์ต้องยึดข้อเท็จจริงจากศาลชั้นต้น
คดีมโนสาเร่ที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้เช่าเรือนพิพาทอยู่อาศัยมาจากเจ้าของเดิมตั้งแต่ก่อนที่จะตกมาเป็นของโจทก์ และฟังว่าฝ่ายโจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงว่าจำเลยได้อาศัยอยู่ในเรือนพิพาท จำเลยจึงต้องเป็นฝ่ายที่ชนะคดีตามที่ท้ากันไว้นั้น แต่ศาลอุทธรณ์กลับฟังว่าจำเลยไม่ได้เช่าจากเจ้าของเดิมคนสุดท้ายที่โอนให้แก่โจทก์ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารเสียนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนจากคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคดีมโนสาเร่คู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่ ค่าเช่าต่ำ & การใช้ห้องเช่าเพื่อค้า ไม่ได้รับความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีฟ้องขับไล่ออกจากห้องเช่าเดือนละ 12 บาท เป็นคดีมโนสาเร่อันต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม.224 เมื่อฟ้องอุทธรณ์ส่วนมากเป็นข้อเท็จจริงและศาลชั้นต้นสั่ง "รับอุทธรณ์" เฉย ๆ ไม่มีข้อความแสดงว่ารับรองว่าให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย กรณีก็ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้น ศาลอุทธรณ์หาจำต้องรับวินิจฉัยให้ไม่
อันว่าสิทธิรับมอบให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม.248 นั้นต้องเป็นข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงต้องห้ามมาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้วจะกลับมารับรองเพื่อรื้อฟื้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยใหม่หาได้ไม่
การใช้ห้องเช่าทำเป็นร้านตัดผมเป็นการใช้เพื่อทำการค้าหาใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ไม่
อันว่าสิทธิรับมอบให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ม.248 นั้นต้องเป็นข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงต้องห้ามมาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้วจะกลับมารับรองเพื่อรื้อฟื้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยใหม่หาได้ไม่
การใช้ห้องเช่าทำเป็นร้านตัดผมเป็นการใช้เพื่อทำการค้าหาใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่และการอุทธรณ์ข้อเท็จจริง: ข้อจำกัดตามกฎหมายและข้อยกเว้น
คดีฟ้องขับไล่ออกจากห้องเช่าเดือนละ 12 บาทเป็นคดีมโนสาเร่อันต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 224 เมื่อฟ้องอุทธรณ์ส่วนมากเป็นข้อเท็จจริง และศาลชั้นต้นสั่ง " รับอุทธรณ์" เฉยๆ ไม่มีข้อความแสดงว่ารับรองว่าให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย กรณีก็ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้น ศาลอุทธรณ์หาจำต้องรับวินิจฉัยให้ไม่
อันว่าสิทธิรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม มาตรา 248นั้นต้องเป็นข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงต้องห้ามมาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้วจะกลับมารับรองเพื่อรื้อฟื้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยใหม่หาได้ไม่
การใช้ห้องเช่าทำเป็นร้านดัดผมเป็นการใช้เพื่อทำการค้าหาใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ไม่
อันว่าสิทธิรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม มาตรา 248นั้นต้องเป็นข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว คดีนี้ข้อเท็จจริงต้องห้ามมาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้วจะกลับมารับรองเพื่อรื้อฟื้นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยใหม่หาได้ไม่
การใช้ห้องเช่าทำเป็นร้านดัดผมเป็นการใช้เพื่อทำการค้าหาใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลเจตนาสัญญาเช่า: กรณีเช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือค้าขาย และขอบเขตการอุทธรณ์คดีมโนสาเร่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านที่เช่าเพื่อทำการค้าซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 36 บาท จำเลยต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน เมื่อจำเลยมิได้ยกคำแปลข้อความในสัญญาเป็นข้อต่อสู้ประการใด ก็ย่อมถือว่าเป็นคดีมโนศาเร่ตาม ป.วิ.แพ่ง ม. 189 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องสัญญาเช่า: การตีความเจตนาใช้ประโยชน์ในสัญญาเช่าและการพิจารณาว่าเป็นคดีมโนสาเร่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านที่เช่าเพื่อทำการค้าซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 36 บาท จำเลยต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันเมื่อจำเลยมิได้ยกคำแปลข้อความในสัญญาเป็นข้อต่อสู้ประการใดก็ย่อมถือว่าเป็นคดีมโนสาเร่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา189(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่ ศาลฎีกาต้องยึดข้อเท็จจริงเดิมของศาลชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์ไม่ได้โต้แย้ง
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อก.ม.นั้น ศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อก.ม.อย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฎว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ ก.ม.ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ม.ที่มาสู่ศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่ ศาลอุทธรณ์ต้องยึดข้อเท็จจริงเดิมของศาลชั้นต้น หากไม่ยกเหตุว่าข้อเท็จจริงเดิมผิดกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉะนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อ กฎหมายอย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ กฎหมาย ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมโนสาเร่: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์มิได้พิสูจน์ว่าผิดกฎหมาย
คดีมโนสาเร่ซึ่งคู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลอุทธรณ์ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน ฉะนั้นถ้าศาลอุทธรณ์กลับไปถือเอาข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยไว้โดยศาลอุทธรณ์มิได้ยกเหตุว่าการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นผิดต่อ กฎหมายอย่างใดแล้ว และเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่เป็นการผิดต่อ กฎหมาย ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีหุ้นส่วนเลิกห้าง - คดีมโนสาเร่ - การสืบพยานบุคคล
ฟ้องขอให้ศาลสั่งเลิกหุ้นส่วนและให้จำเลยชำระบัญชีหุ้นส่วนหรือตั้งผู้ชำระบัญชีไม่ได้ฟ้องเรียกทรัพย์สินอะไรจาก จำเลย และไม่ได้ตั้งราคาทุนทรัพย์เรียกร้องมาในฟ้องเสียค่าขึ้นศาล 15 บาท อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ดังนี้เป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นคดีมโนสาเร่
การเข้าหุ้นส่วนซื้อข้าวสารมาทำการค้าขายกันนั้นไม่มีกฎหมายบังคับไว้ว่า ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงฉะนั้นจึงพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94
การเข้าหุ้นส่วนซื้อข้าวสารมาทำการค้าขายกันนั้นไม่มีกฎหมายบังคับไว้ว่า ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงฉะนั้นจึงพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94