คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีเลิกกัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4743/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเลิกกันตาม พ.ร.บ.เช็คหลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลไม่รับฎีกา
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว ทำให้หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 7 สิทธิของโจทก์ในการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39 จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ย่อมมีผลเท่ากับว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามป.วิ.อ.มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์มาโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8404/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเช็คเลิกกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้สิทธิฟ้องอาญาของโจทก์ระงับ
การที่ศาลชั้นต้นในคดีอาญาเห็นว่าโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งและศาลได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้วทำให้หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534 มาตรา 7 สิทธิของโจทก์ในการนำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39 จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ย่อมมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตาม ป.วิ.อ.มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8404/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเช็คเลิกกันหลังประนีประนอมยอมความ สิทธิฟ้องอาญาโจทก์ระงับตามกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นในคดีอาญาเห็นว่าโจทก์และจำเลยได้ทำ สัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งและศาลได้พิพากษา ตามยอม คดีถึงที่สุดแล้วทำให้หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อ ใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิด จากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธิของโจทก์ในการ นำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ย่อมมีผลเท่ากับศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5978/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเช็ค: การชำระหนี้ครบถ้วนหลังยื่นฎีกาทำให้คดีอาญาเลิกกันตามกฎหมาย
เมื่อโจทก์ได้รับชำระเงินจากจำเลยเพื่อชำระหนี้ตามเช็คจนครบถ้วนตามที่ฟ้องมาแล้วดังนี้หนี้ที่จำเลยออกเช็คจึงสิ้นผลผูกพันแม้โจทก์จะเรียกร้องเงินอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากเงินตามเช็คอีกภายหลังที่ยื่นคำฟ้องแล้วโดยจำเลยจะชดใช้ให้ก็เป็นเงินคนละจำนวนกับเช็คตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้หนี้ตามเช็คมีผลผูกพันกันใหม่ต้องถือว่าคดีเลิกกันสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับและเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลย่อมยกขึ้นอ้างได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6241/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบฟ้องอาญาเช็ค, การชำระหนี้หลังฟ้อง, และเหตุคดีเลิกกันตาม พ.ร.บ. เช็ค
การที่จะพิจารณาว่าคำบรรยายฟ้องของโจทก์ครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ต้องพิจารณา จากบทกฎหมายที่ใช้บังคับขณะยื่นฟ้องจำเลยจะอ้างว่าฟ้องโจทก์บรรยายไม่ครบองค์ประกอบความผิด ตามบทกฎหมายซึ่งใช้บังคับภายหลังที่โจทก์ยื่นฟ้องหาได้ไม่ เช็คพิพาทมีมูลหนี้อันเกิดจากการยอมความกันสืบเนื่องมาจากโจทก์ร่วมไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีจำเลยในข้อหายักยอกเงินของโจทก์ร่วมซึ่งจำเลยตกลงยอมใช้เงินแก่โจทก์ร่วม การที่จำเลยนำเงินตามเช็คพิพาทมาวางศาลในคดีที่จำเลยและโจทก์ร่วมพิพาทกันอยู่ แต่โจทก์ร่วมไม่ยอมรับโดยไม่ปรากฏว่าเพราะเหตุใด การกระทำของจำเลย เป็นการปฏิบัติตามข้อผูกพันซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องกระทำตามที่ตกลงยอมความไว้กับโจทก์ร่วมแล้ว จึงถือได้ว่าหนี้อันเกิดขึ้นจากการยอมความในส่วนที่จำเลยได้ออกเช็คพิพาท นั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึง เลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธิของโจทก์ในการนำคดี มาฟ้องจึงระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระเงินค่าเช็คหลังธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินทำให้คดีเลิกกันได้ แม้ไม่แจ้งให้ผู้รับทราบ
ที่พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 5 วรรคท้าย บัญญัติว่า ถ้าผู้กระทำผิดตามมาตรา 3 ได้นำเงินตามเช็คไปชำระแก่ผู้ทรงเช็ค หรือแก่ธนาคารเพื่อจ่ายเงินตามเช็คภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ผู้ทรงเช็คได้บอกกล่าวให้ผู้ออกเช็คได้รับทราบว่าธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินให้คดีเป็นอันเลิกกันตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา นั้นไม่ปรากฏข้อความบังคับว่าผู้ออกเช็คหรือจำเลยจะต้องแจ้งให้ผู้ทรงเช็คหรือโจทก์ทราบ หรือขอให้ธนาคารแจ้งให้ผู้ทรงเช็คทราบแทนผู้ออกเช็คหรือต้องแจ้งให้ธนาคารทราบว่า เงินที่ผู้ออกเช็คนำเข้าบัญชีนั้นเป็นการนำเข้าเพื่อจ่ายตามเช็คนั้นโดยเฉพาะเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1นำเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นจำนวนเงินเท่ากับจำนวนเงินตามเช็คนั้นโดยมีพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่าเป็นเงินที่ผู้ออกเช็คนำไปชำระแก่ธนาคารเพื่อจ่ายเงินตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องแล้ว คดีย่อมเป็นอันเลิกกันตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เช็คหลังฟ้องคดี ทำให้คดีอาญาเลิกกันตามกฎหมายเช็คใหม่
ก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยได้วางเงินจำนวน 400,000 บาท ต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง เพื่อชำระหนี้ตามมูลหนี้ในเช็คพิพาทซึ่งโจทก์ร่วมก็ยอมรับ โดยไม่คัดค้าน ถือได้ว่าหนี้ที่จำเลยออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้น ได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7อันเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดและเป็นคุณแก่ ผู้กระทำความผิดซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ใช้กฎหมาย ในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ไม่ว่าในทางใด สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามสัญญาและการระงับคดีอาญาเช็ค การชำระหนี้ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดทำให้คดีเลิกกัน
เช็คที่โจทก์อาศัยเป็นมูลฟ้องจำเลยเป็นเช็คฉบับเดียวกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค ต่อมาจำเลยได้ชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์โดยนำเงินไปวางศาลในคดีแพ่งดังกล่าว เมื่อเช็คพิพาทในคดีแพ่งเป็นเช็คที่จำเลยออกเพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินแก่โจทก์ การที่จำเลยนำเงินไปวางต่อศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าว จึงมีจุดประสงค์สำคัญเพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินและเพื่อให้หนี้ระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นความผูกพันมีผลทำให้หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญานี้ คดีจึงเลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้หลังฟ้องคดีเช็ค: คดีเลิกกันตามกฎหมายเช็คและสิทธิฟ้องอาญาเป็นอันระงับ
คดีความผิดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 7 และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(3).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับความผิดฐานออกเช็คเมื่อชำระหนี้ครบถ้วน ทำให้คดีเลิกกันตามกฎหมายเช็คและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เมื่อจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ร่วมครบถ้วนแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดคดีเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7และสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3)
of 3