พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจร: การรู้เห็นเป็นใจกับคนร้ายเพื่อเรียกค่าไถ่รถจักรยานยนต์
จำเลยที่ 2 จดหมายเลขเครื่องรถจักรยานยนต์ที่ถูกชิงไปให้ผู้เสียหายดู ถ้าใช่ของผู้เสียหายก็ให้เอาเงินมาไถ่และบอกให้ตำรวจผู้จับไปเอารถของกลางคืนมาจากจำเลยที่ 1 ได้เป็นการรู้เห็นเป็นใจกับคนร้ายเรียกเงินค่าไถ่รถ ช่วยจำหน่ายตาม มาตรา357
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือคนร้ายจำหน่ายทรัพย์ที่ถูกลักไป โดยการเรียกค่าไถ่จากผู้เสียหาย
จำเลยรู้ว่ากระบือของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่กับคนร้าย จำเลยเรียกค่าไถ่กระบือจากผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยังไม่ได้ขอร้องให้จำเลยไปไถ่กระบือ ทั้งก่อนที่จะตกลงกันจำเลยยังทำหลักฐานเป็นหนังสือให้ผู้เสียหายลงชื่อไว้ว่าไม่เอาเรื่องกันแล้วจำเลยรับเงินจากผู้เสียหายและพาผู้เสียหายกับพวกไปเอากระบือคืน คนร้ายรับเงินจากจำเลยตามจำนวนที่จำเลยเรียกร้องมาโดยไม่ได้โต้แย้ง แล้วคนร้ายไปเอากระบือมาคืนให้ดั่งนี้แสดงว่าจำเลยรู้เห็นเป็นใจกับคนร้ายเรียกเอาเงินค่าไถ่กระบือจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการช่วยเหลือคนร้ายจำหน่ายทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2160/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการกระทำความผิด: การไปกับคนร้ายและการวิ่งหนีเมื่อถูกจับกุมเป็นหลักฐานการร่วมกระทำผิดได้
การที่จำเลยไปกับคนร้ายที่ลงมือกระทำความผิดและเมื่อคนร้ายวิ่งหนีไปจำเลยก็วิ่งหนีไปด้วย ประกอบกับคำรับของจำเลยต่อหน้ากำนันในตอนจับกุม ย่อมเป็นพฤติการณ์เพียงพอที่จะทำให้ฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับเงินค่าไถ่โดยมีส่วนได้เสียกับคนร้าย ไม่ถือเป็นความช่วยเหลือโดยสุจริต
รับเงินจากผู้เสียหายไปให้คนร้ายเป็นค่าไถ่โดยมีส่วนได้เสียร่วมกับคนร้าย ไม่ใช่ช่วยเหลือผู้เสียหายโดยสุจริต เป็นความผิดตามมาตรา 315
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์สินเกินกว่าเหตุ: การยิงสำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้าย
บ้านของจำเลยถูกลอบวางเพลิง ไฟกำลังไหม้หน้าบ้านจำเลยออกมาจากบ้านถือปืนออกมาด้วย แสดงว่าจะยิงคนร้ายครั้นเห็นผู้ตายยืนอยู่ที่หน้าบ้านจำเลยก็สำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้ายที่มาลอบวางเพลิง จำเลยจึงยิงผู้ตาย ถือได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันทรัพย์ของจำเลย แต่ไม่ได้ความว่าผู้ตายกำลังทำอะไรแก่บ้านของจำเลยที่ถูกไฟไหม้ ไม่มีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะต้องยิงผู้ตายจึงเป็นการเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนขู่เข็ญเพื่อชิงทรัพย์โค เปลี่ยนเป็นปล้นทรัพย์เนื่องจากมีคนร้ายหลายคนและใช้ปืน
น้องชายเจ้าทรัพย์นำโคกระบือของเจ้าทรัพย์ไปเลี้ยง และมีคนอื่นหลายคนเลี้ยงโคกระบืออยู่ที่นั่นด้วย จำเลยกับพวก รวม 8 คนมาทักทายคนเลี้ยงโคกระบือ แล้วจำเลยกับพวกจูงโคของเจ้าทรัพย์ไป 1 ตัวและยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด โดยไม่ได้หันมามองดูน้องชายเจ้าทรัพย์ซึ่งอยู่ห่างราว 10 วา เช่นนี้แสดงว่าจำเลยกับพวกมีเจตนายิงปืนขู่เข็ญพวกคนเลี้ยง โคกระบือซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ถูกยิงก่อนตายเป็นหลักฐานสำคัญมัดตัวคนร้ายได้
คำบอกกล่าวของผู้ตายซึ่งถูกทำร้ายกล่าวถึงตัวคนร้ายที่ยิงตนขณะที่รู้ตัวว่าจะต้องตายนั้น รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226
ผู้ตายถูกยิงล้มเจ็บอยู่กับที่เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาถึง ผู้ตายได้เล่าถึงพฤติการณ์ที่ถูกยิงโดยตลอด ระบุชื่อผู้ยิงและเมื่อภริยาผู้ตายมาถึงผู้ตายก็ได้เล่าให้ภริยาฟังอย่างเดียวกันและได้กล่าวด้วยว่า "อยู่ไม่ได้แล้ว ร้อนจริง เลี้ยงลูกให้ดี" ประกอบกับพฤติเหตุแวดล้อมในเรื่องสาเหตุเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักพอแก่การรับฟังลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227
ผู้ตายถูกยิงล้มเจ็บอยู่กับที่เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาถึง ผู้ตายได้เล่าถึงพฤติการณ์ที่ถูกยิงโดยตลอด ระบุชื่อผู้ยิงและเมื่อภริยาผู้ตายมาถึงผู้ตายก็ได้เล่าให้ภริยาฟังอย่างเดียวกันและได้กล่าวด้วยว่า "อยู่ไม่ได้แล้ว ร้อนจริง เลี้ยงลูกให้ดี" ประกอบกับพฤติเหตุแวดล้อมในเรื่องสาเหตุเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักพอแก่การรับฟังลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและการป้องกันสิทธิ: การยิงโดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนร้าย
จำเลยถูกขว้างหลังคาบ้านจึงไปแจ้งความตำรวจ กลางคืนตำรวจกับพวกเข้าไปดูคนร้ายในบริเวณบ้านจำเลย โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบ. และคืนนั้นก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีก จึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้าน และอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลย โดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลย จำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้น กระสุนปืนถูกพวกที่ไปกับตำรวจตาย เห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าตำรวจกับพวกเป็นคนร้าย เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไป จำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้าย: การยิงเพื่อป้องกันสิทธิเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยถูกขว้างหลังคาบ้านจึงไปแจ้งความตำรวจกลางคืนตำรวจกับพวกเข้าไปดูคนร้ายในบริเวณบ้านจำเลย โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบและคืนนั้นก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีกจึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้าน และอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลยโดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลยจำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้นกระสุนปืนถูกพวกที่ไปกับตำรวจตายเห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าตำรวจกับพวกเป็นคนร้าย เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไปจำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมปล้นทรัพย์ด้วยการเป็นผู้ขับรถให้คนร้าย มิใช่ถูกบังคับ
เมื่อฟังว่า จำเลยเป็นคนพาพวกปล้นไปว่าเช่ารถจากผู้หนึ่ง โดยออกอุบายว่าจะจ้างไปบรรทุกหวาย หลังจากที่ได้หยุดรถรับพรรคพวกจนครบแล้วจำเลยก็เข้าทำหน้าที่ขับเอง และยังได้หยุดรถแจกอาวุธกัน ต่อจากนั้นจำเลยก็ขับไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อเสียงปืนดังขึ้นเจ้าของรถเห็นท่าไม่ดีจะขับรถกลับ จำเลยเองกลับเป็นผู้ใช้กรรไกรขู่ไม่ให้เจ้าของรถลงจากรถ แล้วจำเลยเลื่อนรถเข้าไปคอยพรรคพวก และพาหนีกลับจนกระทั่งรถน้ำมันหมด จำเลยจึงทิ้งรถไปกับพวกคนร้าย ต้องถือว่าตามพฤติการณ์จำเลยได้ร่วมกระทำความผิดด้วยโดยแบ่งหน้าที่รับเป็นผู้ขับรถให้