พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเมืองโดยมิชอบ และความผิดต่อเนื่องตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง การนับอายุความ
การที่จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวแสดงตัวเป็น ช. ซึ่งเป็นคนต่างด้าวเช่นกันและผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองในนามของ ช.อันเป็นความเท็จนั้น มีผลเท่ากับจำเลยได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 21 ที่จะต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุดในทางที่เข้ามาโดยมิชักช้า ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม การอยู่ต่อมาในราชอาณาจักรไทยของจำเลยก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดต่อเนื่องตลอดมา เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าจำเลยได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่วันที่จำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรตลอดมาจนถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีเชื้อชาติจากประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูต ไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมืองหากไม่มีพฤติการณ์ต้องห้าม
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 15(7) บัญญัติถึงลักษณะคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรว่า 'มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นคนอันธพาลหรือเป็นคนที่น่าจะก่อเหตุร้าย หรืออันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชนหรือราชอาณาจักร' แต่โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงในคำฟ้องให้เห็นว่า ผู้โดยสารที่จำเลยนำมากับเครื่องบินเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะเช่นนั้น โจทก์กล่าวหาในฟ้องแต่ประการเดียวว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร เพราะมีเชื้อชาติรูเมเนียในเครือของประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่มีสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับประเทศไทย ข้อกล่าวหาของโจทก์จึงมิได้แสดงว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 15(7)แต่อย่างใด
หนังสือของกองตรวจคนเข้าเมืองถึงบริษัทการบินทุกบริษัทมีความว่า ขอมิให้รับบุคคลสัญชาติของประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยหรือคนของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์ และไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเดินทางต่อไปประเทศอื่น เป็นเพียงการขอความร่วมมือ ดังนั้น การที่บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับนี้ หรือการที่จำเลยรับบุคคลดังกล่าวนี้มากับเครื่องบินของจำเลยมาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยไม่ต้องด้วยหนังสือขอความร่วมมือ จึงหาเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างใดไม่
หนังสือของกองตรวจคนเข้าเมืองถึงบริษัทการบินทุกบริษัทมีความว่า ขอมิให้รับบุคคลสัญชาติของประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยหรือคนของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์ และไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเดินทางต่อไปประเทศอื่น เป็นเพียงการขอความร่วมมือ ดังนั้น การที่บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับนี้ หรือการที่จำเลยรับบุคคลดังกล่าวนี้มากับเครื่องบินของจำเลยมาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยไม่ต้องด้วยหนังสือขอความร่วมมือ จึงหาเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีเชื้อชาติจากประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูต ไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมืองหากไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่น
พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 15(7) บัญญัติถึงลักษณะคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรว่า "มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นคนอันธพาลหรือเป็นคนที่น่าจะก่อเหตุร้าย หรืออันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชนหรือราชอาณาจักร" แต่โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงในคำฟ้องให้เห็นว่า ผู้โดยสารที่จำเลยนำมากับเครื่องบินเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะเช่นนั้น โจทก์กล่าวหาในฟ้องแต่ประการเดียวว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร เพราะมีเชื้อชาติรูเมเนียในเครือของประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่มีสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับประเทศไทย ข้อกล่าวหาของโจทก์จึงมิได้แสดงว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 15(7) แต่อย่างใด
หนังสือของกองตรวจคนเข้าเมืองถึงบริษัทการบินทุกบริษัทมีความว่า ขอมิให้รับบุคคลสัญชาติของประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยหรือคนของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์ และไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเดินทางต่อไปประเทศอื่น เป็นเพียงการขอความร่วมมือ ดังนั้น การที่บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับนี้ หรือการที่จำเลยรับบุคคลดังกล่าวนี้มากับเครื่องบินของจำเลยมาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยไม่ต้องด้วยหนังสือขอความร่วมมือ จึงหาเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างใดไม่
หนังสือของกองตรวจคนเข้าเมืองถึงบริษัทการบินทุกบริษัทมีความว่า ขอมิให้รับบุคคลสัญชาติของประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยหรือคนของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์ และไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเดินทางต่อไปประเทศอื่น เป็นเพียงการขอความร่วมมือ ดังนั้น การที่บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับนี้ หรือการที่จำเลยรับบุคคลดังกล่าวนี้มากับเครื่องบินของจำเลยมาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยไม่ต้องด้วยหนังสือขอความร่วมมือ จึงหาเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญชาติไทย: ผู้ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศ ไม่มีสิทธิขอพิสูจน์สัญชาติภายใต้ พ.ร.ก.คนเข้าเมือง
ผู้ร้องซึ่งไม่เคยออกจากประเทศไทยเลยจะร้องขอพิสูจน์สัญชาติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 43 ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้ซึ่งเข้าในราชอาณาจักร
สิทธินำคดีมาฟ้อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้(คดีประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2509)
สิทธินำคดีมาฟ้อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้(คดีประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตรวจคนเข้าเมือง: บุคคลต่างด้าวที่มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ต้องผ่านการตรวจเมื่อเข้ามาในราชอาณาจักร
บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรต้องผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนตาม พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง 2493มาตรา 21 นั้นหมายรวมถึงบุคคลต่างด้าวที่มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ และออกไปนอกราชอาณาจักรตาม มาตรา 26 แล้วเข้ามาในราชอาณาจักรด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองย้อนหลัง: การกระทำก่อนมีกฎหมายไม่มีความผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อ พ.ศ. 2463 โดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 ปรากฏว่าพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองได้ประกาศในประเทศไทย เป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2470 จำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เมื่อ พ.ศ. 2493 ซึ่งยังไม่มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองในขณะนั้น จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน การเข้ามารในราชอาณาจักรไทยของจำเลยในปี พ.ศ. 2463 เป็นการเข้าได้โดยเสรี จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าล่วงเวลาจากคนเข้าเมือง: เงินรายได้เบ็ดเตล็ดต้องส่งคลัง ไม่ใช่สิทธิเจ้าหน้าที่
เงินค่าล่วงเวลาซึ่งจำเลยเก็บจากผู้มาติดต่อนอกเวลาราชการตามกฎกระทรวงมหาดไทย ข้อ 8 ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองพ.ศ.2493 เป็นเงินรายได้ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ดซึ่งจำเลยต้องนำส่งคลังเสียก่อน ส่วนจำเลยจะมีสิทธิในรายได้นี้เท่าใดเป็นเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงการคลังที่54779/2484 ลงวันที่ 23 กันยายน 2484 ซึ่งเป็นระเบียบการจ่ายเงินค่าล่วงเวลากฎนี้ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง จึงไม่ขัดกันกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง หรือขัดกับกฎของกระทรวงมหาดไทยที่ออกโดย พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2493
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตบทบัญญัติ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง: การบังคับใช้กับผู้เข้ามาอยู่ก่อนและหลังวันใช้กฎหมาย
บทบัญญัติมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 ซึ่งบัญญัติว่า "คนต่างด้าวผู้ใดอยู่ในราชอาณาจักรด้วย
การเข้ามาโดยฝ่าฝืนมาตรา 11 หรือไม่ปฎิบัติตามมาตรา 21 หรือโดยฝ่าฝืนหลีกเลี่ยงไม่กลับออกไปตามคำสั่งของ
พนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิด ฯลฯ" นั้น มุ่งหมายให้ใช้สำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาภายหลังวันใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
พ.ศ.2493 ถ้าเข้ามาอยู่ก่อนวันใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 ย่อมไม่มีความผิดตามมาตราที่กล่าว./
การเข้ามาโดยฝ่าฝืนมาตรา 11 หรือไม่ปฎิบัติตามมาตรา 21 หรือโดยฝ่าฝืนหลีกเลี่ยงไม่กลับออกไปตามคำสั่งของ
พนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิด ฯลฯ" นั้น มุ่งหมายให้ใช้สำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาภายหลังวันใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
พ.ศ.2493 ถ้าเข้ามาอยู่ก่อนวันใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 ย่อมไม่มีความผิดตามมาตราที่กล่าว./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับใช้ พ.ร.ก.คนเข้าเมือง พ.ศ.2493 กับผู้เข้ามาอยู่ก่อนวันมีผลบังคับใช้
บทบัญญัติมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493ซึ่งบัญญัติว่า 'คนต่างด้าวผู้ใดอยู่ในราชอาณาจักรด้วยการเข้ามาโดยฝ่าฝืนมาตรา 11 หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 21หรือโดยฝ่าฝืนหลีกเลี่ยงไม่กลับออกไปตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิดฯลฯ' นั้นมุ่งหมายให้ใช้สำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาภายหลังวันใช้ พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ.2493 ถ้าเข้ามาอยู่ก่อนวันใช้ พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ.2493 ย่อมไม่มีความผิดตามมาตราที่กล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1420/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'ยานพาหนะ' ใน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง: การใช้เรือถ่อโดยไม่มีการขนส่ง
มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2480 บัญญัติว่า " ยานพาหนะ " หมายถึงสิ่งใด ๆ ที่ใช้สำหรับขนส่งจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่อีกแห่งหนึ่ง ฉะนั้นถ้ามีผู้นำเรือถ่อโดยมิได้ใช้ขนส่งอะไรออกนอกประเทศและเข้าในประเทศโดยมิได้แจ้งกำหนดเรืออกจากท่าก็ดี เรือเข้ามาถึงท่าแล้ว ไม่ไปรายงานต่อเจ้าพนักงานก็ดี ก็ไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2480