คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ครอบครัว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 61 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอาศัยในบ้านหลังมีญาติให้พักอาศัย แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก็มีสิทธิอาศัยได้ตามกฎหมาย
จำเลยเป็นภริยาของส. แม้จำเลยกับส. จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยก็มีฐานะเป็นลูกสะใภ้ของนางล.นางล.ยอมให้จำเลยเข้ามาอยู่ในบ้านพิพาทร่วมกับตนย่อมถือได้ว่าจำเลยมีฐานะเป็นบุคคลในครอบครัวและในครัวเรือนของนางล. ผู้มีสิทธิอาศัยในบ้านพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1405แล้วแม้ต่อมานางล. จะไปรักษาตัวอยู่ที่จังหวัดอื่นและไม่ได้อยู่ในบ้านพิพาทก็ตามนางล. ก็ยังมิได้สละสิทธิอยู่อาศัยในบ้านพิพาทยังคงมีสิทธิอยู่อาศัยในบ้านพิพาทได้ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่สิทธิอยู่อาศัยของนางล. หาได้สิ้นไปเพราะมิได้อยู่ในบ้านพิพาทไม่ดังนั้นจำเลยซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวและในครัวเรือนของนางล.จึงมีสิทธิอยู่ในบ้านพิพาทได้โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6980/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วางเพลิงเผาโรงเรือนจากความขัดแย้งในครอบครัว ศาลลดโทษเนื่องจากบันดาลโทสะ
ปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดเพราะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ แม้จำเลยไม่ได้ยกเหตุนี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ แต่เมื่อกรณีมีเหตุอันควรลดหย่อนผ่อนโทษ ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ จำเลยรักใคร่ให้การอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่ผู้เสียหายในฐานะที่จำเลยเป็นมารดาอย่างดีจนสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี ระหว่างศึกษาผู้เสียหายมีท้องไม่มีพ่อเมื่อคลอดบุตรแล้วก็นำมาให้จำเลยเลี้ยงเมื่อผู้เสียหายสำเร็จการศึกษาและเข้ารับราชการครูได้สมรสกับ ถ.แต่อยู่กินกันได้เพียง1เดือนก็ถูกถ.ฟ้องหย่า ต่อมาผู้เสียหายลักลอบได้เสียกับโจทก์ร่วมและจะนำโจทก์ร่วมเข้ามาอยู่ในบ้าน จำเลยไม่ยอม ผู้เสียหายได้ขโมยไม้บางส่วนซึ่งเก็บไว้ที่บ้านจำเลยไปสร้างบ้านด้วยจำเลยบอกให้รื้อถอนออกไป ผู้เสียหายกลับโต้แย้งสิทธิว่า ยกให้โดยไม่เป็นความจริง เห็นได้ว่าผู้เสียหายได้สร้าง ความชอกช้ำระกำใจอับอายขายหน้าให้จำเลยผู้เป็นมารดามาโดยตลอดประกอบกับผู้เสียหายบุกรุกเข้ามาสร้างบ้านในที่ดินของจำเลยแล้วโต้เถียงสิทธิไม่ยอมออกไป ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยวางเพลิงเผาโรงเรือนดังกล่าวของผู้เสียหายและโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ครอบครองอาวุธปืนไทยประดิษฐ์และกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาให้รอการลงโทษโดยคำนึงถึงครอบครัวและพฤติการณ์
อาวุธปืนของกลางเป็นเพียงอาวุธปืนพกชนิด ไทยประดิษฐ์ส่วนกระสุนปืนแม้เป็นชนิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้แต่ก็มีเพียง1นัดไม่ปรากฏว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางและกระสุนปืนไปประกอบอาชญากรรมหรือกระทำการอันมิชอบกลับได้ความว่าจำเลยมีครอบครัวและมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดาและมีความประพฤติดีสมควรปรานีเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีแต่ควรวางโทษปรับด้วยเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและมิให้กลับไปก่อความผิดใดๆขึ้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การใช้ทางร่วมในครอบครัวไม่ก่อให้เกิดสิทธิปรปักษ์ แม้ใช้ทางต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี
การใช้ทางพิพาทของ ส. ผ่านที่ดินของ ถ. ซึ่งเป็นภรรยาเป็นการใช้ในลักษณะที่อาศัยความสัมพันธ์ในครอบครัว ถ. ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านเป็นการยินยอมให้ ส. ใช้ทางพิพาทโดยปริยายการใช้ทางพิพาทของ ส. ไม่มีลักษณะเป็นการ ปรปักษ์อันจะได้สิทธิภารจำยอมไม่ว่าจะใช้ทางพิพาทมานานเท่าใดก็ไม่เกิดสิทธิภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 ในครอบครัว กระทำโดยทุจริต ละโมบ และขาดเมตตาธรรม
จำเลยที่1 ขอสลากกินแบ่งรัฐบาลจากโจทก์ไปตรวจกับผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จำเลยที่2จดไว้แล้วไม่คืนให้โจทก์กลับนำไปมอบให้ธนาคารขอรับเงินรางวัลแทนและนำเงินมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่2และ ท. ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่2และมารดาจำเลยที่1ที่ธนาคารดังกล่าวอันเป็นการเบียดบังเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทและเงินรางวัลที่ได้รับมาเป็นของตนและของบุคคลอื่นโดยทุจริตการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานยักยอก จำเลยทั้งสองฉวยโอกาสจากการที่เป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกันและใกล้ชิดสนิทสนมกับโจทก์ยักยอกเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทซึ่งถูกรางวัลที่1เป็นจำนวนเงินถึง6,000,000บาทอันนับได้ว่าเป็นโชคลาภสูงสุดของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและบุคคลอื่นโดยทุจริตด้วยความละโมบโลภมากไม่คำนึงถึงบาปบุญคุณโทษและศีลธรรมอันดีอีกทั้งยังขาดเมตตาธรรมต่อโจทก์ผู้ที่ควรจะได้รับประโยชน์และความสุขจากโชคลาภดังกล่าวจนกระทั่งในที่สุดโจทก์ถึงแก่ความตายเพราะถูกฆ่าในระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นตาม พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุที่จะลงโทษจำเลยทั้งสองในสถานเบา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการแสดงอำนาจพิเศษ: ข้อจำกัดในการฎีกาคดีครอบครัวและที่อยู่อาศัย
คดีของผู้ร้องเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยผู้ถูกฟ้องขับไล่ซึ่งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์และคดีระหว่างโจทก์จำเลยเป็นคดีที่ฟ้องขับไล่บุคคลใดๆออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาทซึ่งคู่ความในคดีฟ้องขับไล่นั้นต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสองเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ว่าศาลจะฟังว่าบุคคลดังกล่าวสามารถแสดงอำนาจวิเศษให้ศาลเห็นได้หรือไม่คดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติทั้งหลายและบริวารของจำเลยจึงห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสาม ฎีกาผู้ร้องที่ว่าแม้ผู้ร้องจะเข้ามาอยู่ในบ้านพิพาทในฐานะบุตรสะใภ้จำเลยแต่จากการนำสืบผู้ร้องได้หย่าขาดกับบุตรจำเลยและอาศัยในบ้านพิพาทในลักษณะแยกครอบครัวจากครอบครัวจำเลยไม่เกี่ยวข้องกันมาเป็นเวลา20ปีแล้วโดยผู้ร้องไม่ได้แยกทะเบียนบ้านใหม่สำเนาทะเบียนบ้านไม่อาจนำมาวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยได้เมื่อผู้ร้องได้รับสิทธิให้เข้าอยู่ในแฟลตก็เป็นการยืนยันว่าผู้ร้องมีครอบครัวแยกต่างหากมิได้อยู่อาศัยสิทธิของจำเลยและฎีกาผู้ร้องต่อมาที่ว่าเมื่อโจทก์หรือทางราชการยังมิได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงโดยหาที่อยู่ชั่วคราวให้แก่ผู้ร้องก่อนซึ่งเป็นการต่างตอบแทนตามข้อตกลงและผู้ร้องยังไม่ถูกตัดสิทธิและมีสิทธิได้รับการพิจารณาถึงสิทธิตามบัตรสิทธิผู้ร้องจึงมีอำนาจพิเศษที่จะอยู่อาศัยในบ้านพิพาทต่อไปได้ล้วนเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาที่ว่าผู้ร้องสามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้นั่นเองจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7583/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าอยู่อาศัยจริงมีผลต่อการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน
โจทก์และครอบครัวมีภูมิลำเนาอยู่อาศัยอยู่ห่างห้องพิพาทไปประมาณ 200 เมตร การที่โจทก์ยอมให้ ม.บุตรสาวโจทก์พร้อมทั้งสามีและบุตรของม.ซึ่งไม่มีที่อยู่ที่อื่นเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทและแจ้งชื่อทั้งหมดเข้าอยู่ในทะเบียนบ้านห้องพิพาท ฟังได้ว่าเป็นการเข้าอยู่อาศัยในห้องพิพาท หาใช่เพียงเป็นผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาห้องพิพาทให้โจทก์ไม่ จึงไม่ได้รับงดเว้นการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 10 ที่แก้ไขโดย พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2475 มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5289/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิหึงหวงและการปกป้องครอบครัว: เหตุสมควรในการกีดกันสามีจากภรรยาอื่น
โจทก์กับจำเลยแยกกันอยู่เพราะโจทก์ยกย่องหญิงอื่นเป็นภริยาย่อมเป็นสิทธิของจำเลยที่จะหึงหวงและป้องกันมิให้โจทก์ทอดทิ้งตนและบุตร จำเลยร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์ให้โอนย้ายโจทก์เพื่อให้โจทก์เลิกยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่น และให้ความรักความอบอุ่นแก่ครอบครัว แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตัวดีขึ้น จำเลยจึงต้องร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์อีกหลายครั้ง เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาว่ากล่าวตักเตือนโจทก์ แต่โจทก์ไม่นำพา จนถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงทัณฑ์ทางวินัย และการที่โจทก์ยกย่องหญิงอื่นเป็นภริยา ทั้งเห็นดีเห็นชอบให้หญิงอื่นแสดงตนเทียบฐานะเสมอจำเลย โดยใช้สรรพนามแทนตนว่า "แม่" ต่อบุตรทั้งสองของโจทก์จำเลย ย่อมเกินกว่าที่จำเลยจะยอมรับได้ ที่จำเลยกีดกัน หลบเลี่ยง มิให้โจทก์พบปะบุตร จึงมีเหตุผลที่จะกระทำได้ โจทก์จะอ้างว่าเป็นกรณีที่จำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5196/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกกันอยู่โดยการย้ายไปทำงาน และหน้าที่การกลับมาดูแลครอบครัว ไม่ถือเป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย
โจทก์ย้ายไปรับราชการตามจังหวัดต่างๆโดยจำเลยมิได้ติดตามไปด้วยโจทก์มีหน้าที่จะต้องกลับมาเยี่ยมเยียนดูแลบุตรภริยาการที่โจทก์ไม่ยอมกลับมาเยี่ยมจำเลยและบุตรจะถือว่าเป็นการแยกกันโดยความสมัครใจของจำเลยด้วยไม่ได้เมื่อเป็นความสมัครใจของโจทก์แต่ฝ่ายเดียวโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(4/2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5161/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: การกู้เงินใช้จ่ายครอบครัว, การทะเลาะวิวาท, และความสัมพันธ์ชู้สาว ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้
จำเลยกู้ยืมเงินคนอื่นเพื่อใช้จ่ายในคดีที่โจทก์ถูกจับฐานพกอาวุธปืนและเพื่อใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของบุตรหนี้สินทั้งหมดจึงเกิดจากการนำมาใช้จ่ายในครอบครัวระหว่างโจทก์จำเลยและบุตรมิใช่เกิดขึ้นเพราะจำเลยนำไปเล่นสลากกินรวบดังที่โจทก์อ้างการกระทำของจำเลยไม่ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(2) การที่จำเลยหึงหวงและโกรธที่โจทก์หนีไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจึงด่าโจทก์และบุพการีว่ามึงมันเลวเหมือนโคตรมึงนั้นไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือบุพการีของโจทก์เป็นการร้ายแรงเพราะเป็นเพียงถ้อยคำที่จำเลยกล่าวด้วยความน้อยใจการกระทำของจำเลยต่อโจทก์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะโจทก์เป็นผู้ก่อขึ้นถือว่าเป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างสามีภริยาทั่วไปไม่ร้ายแรงถึงกับเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(3) หลังจากทำทัณฑ์บนแล้วโจทก์ยังมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับหญิงอื่นจำเลยจึงดุด่าและทำร้ายโจทก์อีกการกระทำของจำเลยมีสาเหตุจากการกระทำของโจทก์จึงยังไม่ถือว่าเป็นการประพฤติผิดทัณฑ์บนที่ให้ไว้อันจะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1516(8)
of 7