พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2042/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปฯ และการริบของกลางที่ถือเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
จำเลยฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
เทปหรือวัสดุโทรทัศน์ของกลางเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ที่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานตามกฎหมายแล้วจำเลยมีหน้าที่จัดให้มีการแสดงตราหมายเลขรหัสบนเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ของกลางตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2531) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 แต่ไม่มีการแสดงตรา หมายเลขรหัสบนเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ดังกล่าวซึ่งจำเลยมีไว้ในครอบครอง จำเลยผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการให้เช่าเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวมาตรา 6, 10, 36 ดังนี้ เทปและวัสดุโทรทัศน์ของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่ถือได้ว่าจำเลยมีไว้เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 32 เมื่อเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ถือได้ว่าจำเลยมีไว้เป็นความผิด ทั้งโจทก์บรรยายคำฟ้องอ้างบทบัญญัติดังกล่าวขอให้ศาลริบ ศาลจึงต้องริบตามคำขอของโจทก์
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพียงว่าให้ริบของกลางโดยมิได้พิพากษาว่า นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น ยังไม่ถูกต้องเพราะศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาแก้บทมาตราและโทษที่ลงแก่จำเลยแต่อย่างใดศาลฎีกาจึงเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
เทปหรือวัสดุโทรทัศน์ของกลางเป็นเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ที่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานตามกฎหมายแล้วจำเลยมีหน้าที่จัดให้มีการแสดงตราหมายเลขรหัสบนเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ของกลางตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2531) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 แต่ไม่มีการแสดงตรา หมายเลขรหัสบนเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ดังกล่าวซึ่งจำเลยมีไว้ในครอบครอง จำเลยผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการให้เช่าเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวมาตรา 6, 10, 36 ดังนี้ เทปและวัสดุโทรทัศน์ของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่ถือได้ว่าจำเลยมีไว้เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 32 เมื่อเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ถือได้ว่าจำเลยมีไว้เป็นความผิด ทั้งโจทก์บรรยายคำฟ้องอ้างบทบัญญัติดังกล่าวขอให้ศาลริบ ศาลจึงต้องริบตามคำขอของโจทก์
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เพียงว่าให้ริบของกลางโดยมิได้พิพากษาว่า นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น ยังไม่ถูกต้องเพราะศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาแก้บทมาตราและโทษที่ลงแก่จำเลยแต่อย่างใดศาลฎีกาจึงเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5538/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากคำสั่งและการควบคุมการกระทำของผู้อื่นก่อให้เกิดความเสียหาย
จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดต่อกับที่ดินโจทก์จำเลยที่ 3 เป็นบิดาจำเลยที่ 1 ได้ก่อสร้างอาคารตึก 3 ชั้น ลงในที่ดินของจำเลยที่ 1ที่ 2 เพื่อขายแก่บุคคลภายนอก โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร มีจำเลยที่ 4 ที่ 5 เป็นผู้ตอกเสาเข็ม แม้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือจัดการตอกเสาเข็ม อำนาจในการควบคุมการตอกเสาเข็ม การวางแผน วิธีการในการตอกเสาเข็ม การออกคำสั่ง การควบคุมคนงานในการตอกเสาเข็ม การกระทำต่าง ๆ เหล่านี้ตกอยู่ภายใต้อำนาจและการควบคุมของจำเลยที่ 4 ที่ 5 ทั้งสิ้นก็ตามแต่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ก็อาจต้องรับผิดต่อโจทก์ตามคำสั่งที่ให้ไว้ตามข้อยกเว้นของป.พ.พ. มาตรา 428 ได้ ซึ่งระหว่างการตอกเสาเข็มรายนี้ โจทก์ที่ 1 ได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการเขตดุสิตขอให้ระงับการตอกเสาเข็มและหาวิธีการมิให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก ผู้อำนวยการเขตเรียกทั้งสองฝ่ายไปเจรจากัน จำเลยที่ 1 และที่ 3 รับว่าจะควบคุมการตอกเสาเข็มมิให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียหาย ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วหรืออาจมีขึ้นอีกก็ยินดีชดใช้ให้ อันเป็นการยอมรับผิดในผลที่เกิดจากคำสั่งที่จำเลยทั้งสองนี้ให้ไว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 42 จำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4และที่ 5 อย่างลูกหนี้ร่วมต่อโจทก์โดยรับผิดเต็มจำนวนความเสียหาย ส่วนความรับผิดระหว่างจำเลยด้วยกันเป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกันเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3411/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการทำละเมิด: การประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมและการควบคุมดูแลทรัพย์สินที่เสียหาย
เมื่อรถจักรดีเซลของโจทก์เสียหายเนื่องจากการทำละเมิดและต้องนำมาซ่อมในโรงงานของโจทก์ โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงาน เช่น ค่าน้ำ ค่าเชื้อเพลิง ค่าเครื่องจักรเครื่องมือกลต่าง ๆ และค่าเสื่อมราคาโรงงาน ส่วนค่าควบคุมนั้นโจทก์ต้องใช้หัวหน้าหน่วยตลอดสายงานมาควบคุมดูแลการซ่อม จึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการทำละเมิด เพราะถ้าไม่มีการทำละเมิดเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย โจทก์ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงานและค่าควบคุมดังกล่าว แต่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นชัดแจ้งว่าโจทก์เสียหายแท้จริงเป็นจำนวนเท่าใด จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์เสียค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงานและค่าควบคุมตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 การที่วันเกิดเหตุโจทก์ต้องจัดขบวนรถพิเศษจากสถานีรถไฟนครสวรรค์ไปยังที่เกิดเหตุเพื่อยกรถจักรที่ตกราง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนี้แน่นอน จึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงที่โจทก์ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยรับผิดได้ แต่เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า โจทก์เสียหายไปเพียงใด ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์เช่นกัน ศาลได้กำหนดให้จำเลยรับผิดในค่าเบี้ยเลี้ยงพนักงานของโจทก์ที่ไปทำการยกหัวรถจักรที่ตกรางให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าอาหารเลี้ยงพนักงานดังกล่าวจากจำเลยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการละเมิด: การคำนวณค่าใช้จ่ายทั่วไปและค่าควบคุมที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมรถจักรดีเซล
ค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงาน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าสึกหรอของเครื่องจักร และค่าควบคุมคือ ค่าใช้จ่ายที่ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบความเสียหายและดำเนินการต่าง ๆ เป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องมีแน่นอนและโจทก์ได้ใช้ไปในการซ่อมรถจักรของโจทก์ที่ได้รับความเสียหายซึ่งสามารถคิดคำนวณเฉลี่ยออกมาได้ จึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงที่เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าเสียหายทั้งสองส่วนนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายเวชกรรม: พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม 2511 ยกเลิก พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะเดิม
พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ ฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับเวชกรรม ได้ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2511 แล้ว ดังนั้นที่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ ฯ ตามคำขอของโจทก์จึงไม่ถูกต้องปัญหานี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4876/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินทำนาเปลี่ยนเป็นเลี้ยงปลา ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.เช่าที่ดินฯ เมื่อไม่มี ร.ก. ควบคุม
ขณะเกิดกรณีพิพาทโจทก์ไม่ได้ทำนาในที่ดินพิพาทแล้ว แต่ได้ขุดบ่อเลี้ยงปลาจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาตามความหมายในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เป็นการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่น จึงต้องนำมาตรา 63 มาใช้บังคับ ซึ่งมีใจความว่าในกรณีที่การเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทใดนอกจากการเช่านาเมื่อรัฐบาลเห็นสมควรกำหนดให้การเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทนั้นมีการควบคุมก็ให้มีอำนาจกระทำการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา เมื่อปรากฏว่ายังไม่มีพระราชกฤษฎีกาควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่น ดังนั้น โจทก์จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และศาลพิพากษายกฟ้องแล้วฟ้องแย้งย่อมต้องตกไปเพราะการฟ้องแย้งนั้นจะมีได้ต้องมีฟ้องเดิมและตัวโจทก์เดิมที่จะเป็นจำเลยของฟ้องแย้งอยู่ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในละเมิดจากยานพาหนะ จำเลยที่ 2 ต้องครอบครอง/ควบคุมยานพาหนะขณะเกิดเหตุจึงจะร่วมรับผิด
แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาสืบให้ฟังได้ตามฟ้องของตน เมื่อทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์คันเกิดเหตุในขณะเกิดเหตุ คดีคงได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์ดังกล่าวชนเสาหินกันโค้งและรางระบาย น้ำคอนกรีตของโจทก์เสียหาย โดยรถยนต์เป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งได้เช่าซื้อมา ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2134/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมการก่อสร้างและผลกระทบต่อทรัพย์สินข้างเคียง ผู้รับเหมามีความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดจากการกระทำตามคำสั่ง
การตอกเสาเข็มและการขุดดินทำห้องใต้ดินบริเวณก่อสร้างของจำเลยทำให้บ้านของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นได้รับความเสียหายแม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ตอกเสาเข็มเองแต่ก็ได้ว่าจ้างบริษัทอื่นทำและจำเลยควบคุมการตอกเสาเข็มให้ถูกต้องตามจำนวนและตอกตรงจุดที่กำหนดให้ตอก ดังนี้การตอกเสาเข็มดังกล่าวกระทำไปตามคำสั่งหรือคำบงการของจำเลยความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากการกระทำตามคำสั่งของจำเลยโดยตรง จำเลยจึงหาพ้นจากความรับผิดตามป.พ.พ. มาตรา 428 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาการมึนเมามีผลต่อเจตนาชิงทรัพย์ การกระทำโดยผู้มึนเมาไม่ถือเป็นการชิงทรัพย์หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
จำเลยซึ่งกำลังมึนเมาสุราดึงลูกกุญแจรถจักรยานยนต์ไปจากรถ ผู้เสียหายขอคืน จำเลยไม่ยอมคืน ผู้เสียหายจึงปล้ำแย่งเอาคืนมาจากจำเลยได้แล้วควบคุมตัวจำเลยไว้รอให้เจ้าพนักงานตำรวจมาจับจำเลยไป ดังนี้ไม่เป็นการกระทำโดยเจตนาชิงทรัพย์เพราะจำเลยกระทำไปในขณะมึนเมาและไม่อยู่ในสภาพที่จะชิงรถจักรยานยนต์ไปจากผู้เสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาฟ้องคดีเด็กและเยาวชน ต้องเริ่มเมื่อมีการจับกุมในคดีนั้นจริง แม้ถูกควบคุมในคดีอื่นก่อน
จำเลยเป็นเยาวชนถูกจับกุมและควบคุมในคดีอื่น ต่อมาพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาคดีนี้ให้จำเลยทราบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกจับกุมและควบคุมในคดีนี้ การนับระยะเวลาตามมาตรา24 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการฟ้องคดีนี้จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 24 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่2/2530).