คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและฐานสนับสนุนการทุจริตในโครงการสร้างงานฯ โดยจำแนกสถานะเจ้าพนักงาน
จำเลยที่ 5 และที่ 6 เป็นผู้ใหญ่บ้านมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานและยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสภาตำบลโดยตำแหน่ง ซึ่งต้องรับผิดชอบร่วมกันกับคณะกรรมการสภาตำบลในการดำเนินการตามโครงการสร้างงานในชนบทตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยโครงการสร้างงานในชนบท พ.ศ. 2524 ข้อ 24 การที่จำเลยที่ 5 และที่ 6ปฏิบัติหน้าที่ไปตามระเบียบดังกล่าวย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 5 และที่ 6 ปฏิบัติงานในฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ส่วนจำเลยที่ 7ที่ 8 และที่ 9 เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาตำบล ที่ราษฎรเลือกตั้งขึ้นมาตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326 ลงวันที่ 13ธันวาคม 2515 ซึ่งไม่ได้ระบุให้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาแม้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยโครงการสร้างงานในชนบทพ.ศ. 2524 จะกำหนดให้ต้องรับผิดชอบร่วมกันกับคณะกรรมการสภาตำบลก็หาทำให้จำเลยที่ 7 ที่ 8 และที่ 9 มีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่ สำหรับจำเลยที่ 10 เป็นราษฎรเป็นกรรมการควบคุมงานต่อเติมทำนบที่สภาตำบลแต่งตั้งกันขึ้นมาเอง ไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายการที่จำเลยทั้งหมดโดยทุจริตร่วมกันเบียดบังเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามโครงการสร้างงานในชนบท จำเลยที่ 5 และที่ 6 ย่อมมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการส่วนจำเลยที่ 7 ถึงที่ 10 ซึ่งไม่ใช่เจ้าพนักงานคงมีความผิดเพียงฐานเป็นผู้สนับสนุน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266-2278/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, ปลอมเอกสาร, และการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
โจทก์ฟ้องจำเลย 13 สำนวน สำนวนละหลายข้อหา เมื่อข้อหาฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยสำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน และข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำคุกสำนวนละ 1 ปี นั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษของแต่ละกระทงความผิดและของแต่ละสำนวนที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
จำเลยฎีกาว่า การสอบสวนตามฟ้องจำเลยไม่ได้รับแจ้งข้อหาและปรึกษาทนายความกับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่โจทก์จำเลยต่างฎีกาว่า กำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักหรือเบาเกินไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ใบเสร็จรับเงินซึ่งทางราชการออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีรถยนต์ เป็นหลักฐานแสดงว่าทางราชการได้รับชำระค่าภาษีรถยนต์ไว้แล้วและมีผลทำให้การเก็บภาษีรถยนต์ของรัฐเอ็นอันเสร็จสิ้นไป จึงเป็นเอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารราชการ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแผนกทะเบียนยานพาหนะปลอมใบเสร็จรับเงินแล้วใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในใบเสร็จรับเงินนั้น ก็โดยเจตนาทำใบเสร็จรับเงินปลอมทั้งฉบับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่แท้จริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามมาตรา 266 และ 253

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2266-2278/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ปลอมเอกสารราชการ และการรวมพิจารณาคดีหลายสำนวน
โจทก์ฟ้องจำเลย 13 สำนวน สำนวนละหลายข้อหา เมื่อข้อหาฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยสำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน และข้อหาความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกสำนวนละ 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษจำคุกสำนวนละ 1 ปี นั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและโทษของแต่ละกระทงความผิดและของแต่ละสำนวนที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยไม่เกิน 5 ปีคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญามาตรา 218
จำเลยฎีกาว่า การสอบสวนตามฟ้องจำเลยไม่ได้รับแจ้งข้อหาและปรึกษาทนายความกับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และที่โจทก์จำเลยต่างฎีกาว่ากำหนดโทษที่ศาลอุทธรณ์ลงมานั้นหนักหรือเบาเกินไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ใบเสร็จรับเงินซึ่งทางราชการออกให้แก่ผู้มีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีรถยนต์เป็นหลักฐานแสดงว่าทางราชการได้รับชำระค่าภาษีรถยนต์ไว้แล้วและมีผลทำให้การเก็บภาษีรถยนต์ของรัฐเป็นอันเสร็จสิ้นไป จึงเป็นเอกสารราชการ
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแผนกทะเบียนยานพาหนะปลอมใบเสร็จรับเงินแล้วใช้ดวงตราของเจ้าพนักงานประทับลงในใบเสร็จรับเงินนั้น ก็โดยเจตนาทำใบเสร็จรับเงินปลอมทั้งฉบับ เพื่อให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จรับเงินที่แท้จริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามมาตรา 266 และ 253

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะลูกจ้างประจำฯ ไม่ใช่เจ้าพนักงาน แม้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ลงโทษฐานสนับสนุนได้เท่านั้น
จำเลยที่ 2 ทำงานเป็นลูกจ้างประจำรายเดือน ตำแหน่งช่างเครื่องเรือศุลกากร ประจำด่านศุลกากรคลองใหญ่สังกัดกรมศุลกากร มิใช่ข้าราชการที่รับเงินเดือนในงบประมาณประเภทเงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน แม้จะเป็นพนักงานศุลกากร มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ก็หาเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่ และทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงาน ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจึงจะถูกลงโทษฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ลงโทษบุคคลผู้เป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยเฉพาะตามที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษไม่ได้ คงลงโทษได้ตามบทมาตราดังกล่าวแต่ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะลูกจ้างประจำและเจ้าพนักงาน: การลงโทษในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยที่ 2 ทำงานเป็นลูกจ้างประจำรายเดือน ตำแหน่งช่างเครื่องเรือศุลกากร ประจำด่านศุลกากรคลองใหญ่สังกัดกรมศุลกากร. มิใช่ข้าราชการที่รับเงินเดือนในงบประมาณประเภทเงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน. แม้จะเป็นพนักงานศุลกากร มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร ก็หาเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่. และทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงาน. ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจึงจะถูกลงโทษฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149. ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ลงโทษบุคคลผู้เป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยเฉพาะตามที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษไม่ได้. คงลงโทษได้ตามบทมาตราดังกล่าวแต่ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ: โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง แม้จะได้รับความเสียหายจากการไม่ชำระหนี้
เอกชนเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้ากองปกครองท้องถิ่น ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ยักยอกทรัพย์ ตามฟ้องแสดงว่า เงินที่จำเลยรับมอบมานั้นเป็นเงินของรัฐบาล เมื่อจำเลยยังไม่ได้จ่ายให้โจทก์ ก็ยังคงเป็นเงินรัฐบาลอยู่ หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินรัฐบาล โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายเกี่ยวกับความผิดที่เกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกทรัพย์ของเจ้าหน้าที่รัฐ: โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
เอกชนเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้ากองปกครองท้องถิ่นในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ยักยอกทรัพย์ตามฟ้องแสดงว่าเงินที่จำเลยรับมอบมานั้นเป็นเงินของรัฐบาลเมื่อจำเลยยังไม่ได้จ่ายให้โจทก์ ก็ยังคงเป็นเงินของรัฐบาลอยู่ หากจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนก็เป็นการเบียดบังเอาเงินรัฐบาล โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายเกี่ยวกับความผิดที่เกิดขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหน้าที่จำกัดและการพิสูจน์ความเสียหายในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และรายงานเท็จ
จำเลยเป็นเลขานุการกรมเชื้อเพลิง มีหน้าที่แต่ทำหนังสือราชการ ไม่มีอำนาจและหน้าที่ในการสอบสวนสืบสวนความผิดเรื่องผู้ร้ายลักหรือยักยอกทรัพย์ของกรมเชื้อเพลิง หน้าที่พิเศษที่จำเลยได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นกรรมการสอบสวนหรือสืบสวนเรื่องผู้ร้ายลักหรือยักยอกแผ่นเหล็กของกรมเชื้อเพลิงนั้น จำเลยได้รับแต่งตั้งภายหลังเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้เรียกหรือรับสินบนจาก ส.และง. ซึ่งรับซื้อแผ่นเหล็กของกรมเชื้อเพลิงจึงถือไม่ได้ว่าขณะจำเลยกระทำการตามฟ้องจำเลยมีอำนาจหน้าที่ดังฟ้อง
ความผิดฐานรายงานเท็จ เมื่อไม่ปรากฏว่า การที่จำเลยรายงานเท็จดังฟ้องได้เกิดความเสียหาย หรืออาจจะเสียหายแก่กรมเชื้อเพลิงได้อย่างไร ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13996/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะ 'เจ้าพนักงาน' ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่: ส่วนราชการไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา
เจ้าพนักงานซึ่งจะเป็นผู้กระทำความผิดตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการนั้น หมายถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย โดยอาจระบุไว้เป็นการเฉพาะว่าให้ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน หรือระบุองค์การและให้ผู้ที่สังกัดอยู่เป็นเจ้าพนักงาน หรืออาจเป็นการแต่งตั้งโดยกฎหมายทั่วไปซึ่งระบุถึงวิธีการแต่งตั้งไว้ และได้มีการแต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าว สำหรับส่วนราชการ แม้จะมีฐานะเป็นนิติบุคคลมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ส่วนราชการเกิดขึ้นโดยบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน การแบ่งส่วนราชการหรือกฎหมายจัดตั้งส่วนราชการนั้น มิใช่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงหาใช่เจ้าพนักงานตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19348/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หัวหน้าโครงการมีหน้าที่ดูแลต้นไม้ในพื้นที่รับผิดชอบ แม้กรมป่าไม้เป็นผู้ปลูก การปล่อยปละละเลยถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยเป็นหัวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำดอกกรายโดยมีบ้านพักปลูกอยู่ในโครงการ ไม้ยูคาลิปตัสที่ตัดปลูกอยู่บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำ แม้กรมป่าไม้จะเป็นผู้ปลูก โดยพฤตินัยจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำก็ต้องมีหน้าที่ดูแลรักษาต้นยูคาลิปตัสดังกล่าว เพราะเป็นต้นไม้ของทางราชการ มิใช่วัชพืชหรือต้นไม้ไม่มีค่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ จำเลยจะอ้างว่ากรมป่าไม้ต้องมีหน้าที่ดูแลเพราะกรมป่าไม้เป็นผู้ปลูกไม่ได้ เพราะสถานที่ปลูกอยู่ในเขตโครงการอ่างเก็บน้ำที่จำเลยเป็นหัวหน้าและมีหน้าที่ควบคุมดูแลอยู่ หาใช่อยู่ในสถานที่ของกรมป่าไม้แต่อย่างใดไม่ และกรมป่าไม้ไม่ได้มีหน่วยงานดูแลอยู่ในที่เกิดเหตุ ดังนั้น เมื่อจำเลยจ้างหรือใช้ให้ บ. ไปตัดไม้ยูคาลิปตัสของกลาง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157
of 3