คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดสองกรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์และการมีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน
จำเลยเอาวิทยุมือถือของผู้เสียหายไปโดยปราศจากความรู้เห็นยินยอมของผู้เสียหายเพราะขณะนั้นผู้เสียหายนอนหลับแม้จำเลยจะรู้จักกับผู้เสียหายแต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยและผู้เสียหายมีความสนิทสนมกันถึงขนาดที่จำเลยสามารถหยิบฉวยสิ่งของของผู้เสียหายไปได้โดยพลการแสดงให้เห็นว่าจำเลยเอาวิทยุมือถือของผู้เสียหายไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง การที่จำเลยลักเอาเครื่องส่งวิทยุไปเป็นความผิดสำเร็จกระทงหนึ่งและเมื่อจำเลยครอบครองเครื่องส่งวิทยุนั้นต่อมาก็ย่อมเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งการกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นความผิดสองกรรมต่างหากจากกันแต่เมื่อโจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเครื่องส่งวิทยุมือถือโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดกระทงนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดซ้ำ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร แม้ช่วงเวลาทับซ้อน ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นความผิดสองกรรม
จำเลยทั้งสองใช้อาคารเป็นสำนักงานเพื่อกิจการพาณิชย์กรรมโดยฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯมาตรา32วรรคสามตั้งแต่วันที่24สิงหาคม2535ถึงวันที่24พฤศจิกายน2535เป็นการกระทำความผิดกรรมหนึ่งแล้วเมื่อจำเลยทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้ระงับการใช้อาคารตามมาตรา44แล้วตั้งแต่วันที่9ตุลาคม2535ยังคงฝ่าฝืนใช้อาคารต่อไปอีกจนถึงวันที่24พฤศจิกายน2535ก็เป็นการกระทำผิดอีกกรรมหนึ่งต่างจากกรรมแรกการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมต้องเรียงกระทงลงโทษแม้ระยะเวลาการกระทำความผิดทั้งสองกรรมจะซ้อนกันในช่วงหลังก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3524/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างผิดแบบและก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดสองกรรม
ในระหว่างเวลาซึ่งอยู่ในอายุใบอนุญาตก่อสร้าง จำเลยที่ 1กับพวกได้ร่วมกันก่อสร้างอาคารเพื่อพาณิชยกรรมและพักอาศัยผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลนและรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตและขัดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 เจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้แก้ไขรื้อถอนและสั่งให้ระงับการก่อสร้าง จำเลยที่ 1 ทราบคำสั่งแล้วไม่ปฏิบัติตาม ดังนั้นการที่จำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นการกระทำความผิดสำเร็จไปแล้วกรรมหนึ่งและเมื่อครบกำหนดในใบอนุญาตให้ก่อสร้างแล้ว จำเลยไม่ต่อใบอนุญาตก่อสร้าง แต่ยังคงก่อสร้างต่อไปอีกอันเป็นการก่อสร้างในขณะที่ใบอนุญาตให้ก่อสร้างหมดอายุจึงเป็นการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21,65,69 และ 71อีกกรรมหนึ่งต่างไปจากกรรมแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างผิดแบบและฝ่าฝืนคำสั่งระงับ-โทษปรับอาคารพาณิชย์-การเป็นความผิดสองกรรม
บทบัญญัติมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 หมายความว่า ผู้ใดก็ตามที่จัดให้มีการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร ให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณก็ดีผิดไปจากแบบแปลนก็ดี ผิดไปจากรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก็ดีผู้ไปจากวิธีการหรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ในใบอนุญาตก็ดี การกระทำผิดไปเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดดังกล่าว ย่อมเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 31 ทั้งสิ้นหาจำเป็นต้องเป็นการกระทำผิดพร้อมกันทั้งหมดไม่
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในระหว่างวันที่ 7 กันยายน 2522 ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2523 ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าจำเลยก่อสร้างผิดแบบแปลนตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2523 ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2523 และจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2523 ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2523 จำเลยจะขอให้นับระยะเวลาถึงเพียงวันที่ 1 กรกฎาคม 2523 ซึ่งการก่อสร้างของจำเลยยังไม่แล้วเสร็จหาได้ไม่
อาคารที่จำเลยก่อสร้างเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรมแม้ใบอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารจะระบุว่าเพื่อใช้พาณิชย์พักอาศัย และอาคารดังกล่าวจะใช้เพื่ออยู่อาศัยด้วยก็มิได้หมายความว่าอาคารดังกล่าวมิได้ใช้เพื่อพาณิชยกรรมตามความหมายของมาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
จำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแผนผังบริเวณและแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นการกระทำความผิดไปกรรมหนึ่งแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ระงับการก่อสร้างจำเลยก็ยังคงก่อสร้างต่อไปอีกเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างไปจากกรรมแรก แม้ระยะเวลากระทำผิดทั้งสองกรรมจะซ้อนกันในช่วงหลังก็ตามการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำอันเป็นความผิดสองกรรม
ความผิดกระทงแรกนอกจากจะต้องลงโทษตามมาตรา 65 วรรคแรกแล้ว วรรคสองยังให้ปรับอีกวันละ 500 บาท ส่วนความผิดกระทงหลังนั้นมาตรา 67 บัญญัติให้ปรับวันละ 500 บาท ปรากฏว่าอาคารที่จำเลยก่อสร้างเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรมถ้าศาลจะเลือกลงโทษปรับสถานเดียวแต่ละกระทงจะต้องปรับเป็นสิบเท่าตามมาตรา 70 คือปรับวันละ 5,000 บาทและอาคารที่จำเลยก่อสร้างยังเป็นของจำเลย เองถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดำเนินการตามความหมายของ มาตรา 4 ซึ่งมาตรา 69 บัญญัติให้วางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ จึงต้องปรับ จำเลยสำหรับแต่ละกระทงวันละ 10,000 บาท
(วรรค 4 และ 5 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2528)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างผิดแบบและฝ่าฝืนคำสั่งระงับการก่อสร้าง ถือเป็นความผิดสองกรรม ปรับตามอัตราที่สูงขึ้น
บทบัญญัติมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522 หมายความว่าผู้ใดก็ตามที่จัดให้มีการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคารให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณก็ดีผิดไปจากแบบแปลนก็ดีผิดไปจากรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก็ดีผิดไปจากวิธีการหรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ในใบอนุญาตก็ดีการกระทำผิดไปเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดดังกล่าวย่อมเป็นการฝ่าฝืนมาตรา31ทั้งสิ้นหาจำเป็นต้องเป็นการกระทำผิดพร้อมกันทั้งหมดไม่
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในระหว่างวันที่ 7กันยายน 2522 ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2523 ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าจำเลยก่อสร้างผิดแบบแปลนตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2523 ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2523 และจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2523 ถึงวันที่ 11สิงหาคม 2523จำเลยจะขอให้นับระยะเวลาถึงเพียงวันที่1 กรกฎาคม 2523 ซึ่งการก่อสร้างของจำเลยยังไม่แล้วเสร็จหาได้ไม่
อาคารที่จำเลยก่อสร้างเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรมแม้ใบอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารจะระบุว่าเพื่อใช้พาณิชย์พักอาศัย และอาคารดังกล่าวจะใช้เพื่ออยู่อาศัยด้วยก็มิได้หมายความว่าอาคารดังกล่าวมิได้ใช้เพื่อพาณิชยกรรมตามความหมายของมาตรา 70 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522 จำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแผนผังบริเวณและแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นเป็นการกระทำความผิดไปกรรมหนึ่งแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ระงับการก่อสร้าง จำเลยก็ยังคงก่อสร้างต่อไปอีกเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างไปจากกรรมแรก แม้ระยะเวลากระทำผิดทั้งสองกรรมจะซ้อนกันในช่วงหลังก็ตามการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำอันเป็นความผิดสองกรรม
ความผิดกระทงแรกนอกจากจะต้องลงโทษตามมาตรา 65 วรรคแรกแล้ว วรรคสองยังให้ปรับอีกวันละ 500 บาท ส่วนความผิดกระทงหลังนั้นมาตรา 67 บัญญัติให้ปรับวันละ 500 บาทปรากฏว่าอาคารที่จำเลยก่อสร้างเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรมถ้าศาลจะเลือกลงโทษปรับสถานเดียว แต่ละกระทงจะต้องปรับเป็นสิบเท่าตามมาตรา 70 คือปรับวันละ5,000 บาทและอาคารที่จำเลยก่อสร้างยังเป็นของจำเลย เอง ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดำเนินการตามความหมายของ มาตรา 4 ซึ่งมาตรา 69 บัญญัติให้วางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นๆ จึงต้องปรับ จำเลยสำหรับแต่ละกระทงวันละ 10,000 บาท (วรรค 4 และ 5 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2528)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดสองกรรมจากวัตถุระเบิดทำการประมง: ใช้วัตถุระเบิดและครอบครองปลาเพื่อการค้า ต้องเรียงกระทง
ความผิดฐานใช้วัตถุระเบิดทำการจับปลาและความผิดฐานมีปลาที่ได้จากการใช้วัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองเพื่อการค้ากฎหมายบัญญัติไว้คนละมาตรากัน และแยกการกระทำออกได้เป็นสองตอนต่างกรรมต่างวาระกัน แม้จะเป็นการกระทำต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ตาม ต้องถือว่าเป็นการกระทำผิดสองกรรมจะต้องเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3759/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลูกกัญชาและครอบครองกัญชาเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน หากไม่ปรากฏว่ากัญชาที่ครอบครองเป็นผลผลิตจากการปลูก
จำเลยปลูกกัญชาจำนวน 10 ต้น กับมีกัญชาไว้ในความครอบครองจำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 1,100 กิโลกรัม โดยไม่ปรากฏว่ากัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองคือส่วนหนึ่งของผลผลิตซึ่งเกิดจากต้นกัญชาที่จำเลยปลูก จึงถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดกรรมเดียวการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการกระทำความผิดสองกรรม: การทำร้ายร่างกายก่อนแล้วจึงพยายามฆ่า
จำเลยใช้ขวดตีผู้เสียหายขณะนอนหลับจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายผู้เสียหายพยายามลุกขึ้นนั่ง จำเลยเตะผู้เสียหายล้มลงเมื่อผู้เสียหายพยายามจะลุกขึ้นนั่งอีก จำเลยก็พูดว่า 'จะสู้หรือ' แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
จำเลยทราบว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้เสียหายมีกระสุนบรรจุอยู่ ที่กระสุนด้านไม่ระเบิดอาจเป็นเพราะกระสุนเสื่อมคุณภาพหรือเป็นเหตุบังเอิญประการอื่น หาเป็นการแน่แท้ว่าจะไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายจากการยิงของจำเลยไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 288, 80
จำเลยเพิ่งมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหลังจากทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายไปแล้ว เพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายจะลุกขึ้นมาต่อสู้ดังนั้น ที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายจน ได้รับอันตรายแก่กายกับพยายามฆ่าผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำอันเป็นความผิดสองกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าหลังทำร้ายร่างกาย: การกระทำเป็นความผิดสองกรรม
จำเลยใช้ขวดตีผู้เสียหายขณะนอนหลับจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายผู้เสียหายพยายามลุกขึ้นนั่ง จำเลยเตะผู้เสียหายล้มลง เมื่อผู้เสียหายพยายามจะลุกขึ้นนั่งอีก จำเลยก็พูดว่า 'จะสู้หรือ' แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยทราบว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้เสียหายมีกระสุนบรรจุอยู่ ที่กระสุนด้านไม่ระเบิดอาจเป็นเพราะกระสุนเสื่อมคุณภาพหรือเป็นเหตุบังเอิญประการอื่น หาเป็นการแน่แท้ว่าจะ ไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายจากการยิงของจำเลย ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 288,80 จำเลยเพิ่งมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหลังจากทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายไปแล้ว เพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายจะลุกขึ้นมาต่อสู้ ดังนั้น ที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายกับพยายามฆ่าผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำอันเป็นความผิดสองกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายและครอบครองยาเสพติด (เฮโรอีน) ถือเป็นความผิดสองกรรม แม้จะมีการจำหน่ายไปแล้ว แต่ยังเหลือยาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่สายลับของตำรวจ และยังเหลือเฮโรอีนอยู่อีก จึงต้องมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงหนึ่ง และฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกกระทงหนึ่ง
of 3